ตอนที่ 100: หมื่นต้านพิษ (1)
เจี้ยนเฉินออกจากโรงเตี๊ยมไปที่ตลาดเพื่อซื้อน้ำเต้าเก็บน้ำยี่สิบสามสิบอัน เช่นเดียวกับซื้อถังขนาดใหญ่ที่พอที่จะใส่คนลงไปในนั้นได้ เขายังเติมเสบียงสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันที่เกือบหมดแล้วสำหรับการใช้ชีวิตในป่าด้วย เขาซื้อชุดอีกกว่ายี่สิบกว่าชุดด้วย หลังจากที่เก็บของทั้งหมดนี้ไว้ในเข็มขัดมิติแล้ว เจี้ยนเฉินก็ออกจากเมืองเวคไป และมุ่งหน้าไปยังป่า
เจี้ยนเฉินไปถึงที่ป่าเล็ก ๆ ในทะเลทรายและมองไปรอบ ๆ หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีคนอยู่ที่นี่แล้ว เขาก็เอาแหวนมิติออกมาจากเข็มขัดมิติของเขา และเอาอสรพิษทองริ้วเงินออกมาจากแหวน จากนั้นเขาก็น้ำเต้าที่เขาซื้อมาหลายสิบอันออกมาทีละอัน และวางมันอย่างเป็นระเบียบบนพื้น
ใจของเจี้ยนเฉินกระโดดโลดเต้นอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเขาเห็นอสรพิษทองริ้วเงินที่หนาเท่าแขนและมีตัวยาวกว่าแปดสิบเมตรที่อยู่ข้างหน้าเขา ความรู้สึกตื่นเต้นพุ่งขึ้นมาในใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากที่จ้องไปที่อสรพิษทองริ้วเงินไปสักพัก เจี้ยนเฉินก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกและค่อย ๆ สงบตัวเองลง หลังจากนั้น เขาก็เดินไปที่งูช้า ๆ กระบี่วายุโปรยปรากฎขึ้นที่มือของเขา
“ฟู้ว ! “
เจี้ยนเฉินใช้กระบี่ของเขาแทงไปที่ส่วนที่เป็นแผลยาว 7 นิ้วของงู ทันทีหลังจากนั้น เลือดสดสดก็พุ่งออกมา เจี้ยนเฉินไม่ลังเลและเปิดน้ำเต้าออกมาให้เร็วที่สุดและวางมันเอาไว้รองแผลขนาดเท่ากำปั้นที่เปิดออกใต้ร่างของงู น้ำเต้าเริ่มรองรับเลือดที่ไหลออกมา
ในขณะเดียวกัน กลิ่นของเลือดมันมันที่ฉุนและรุนแรงก็คละคลุ้งไปในอากาศ และมันก็ค่อย ๆ กระจายออกไป
เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดที่ฉุนและรุนแรงฟุ้งกระจายไปทั่ว เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วและพึมพำออกมา “อสรพิษทองริ้วเงินนี้มีค่าพอที่จะถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์และหายากจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่ากลิ่นของเลือดจะรุนแรงแบบนี้” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินดูค่อนข้างกังวล เขากังวลว่ากลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงของงูจะนำปัญหามาให้เขา
ในขณะที่เจี้ยนเฉินกังวลมาก รุกรี้รุกรน และตั้งอกตั้งใจมาก เลือดทั้งหมดจากงูก็ถูกเก็บจนหมดหลังจากที่ผ่านไป 1 ชั่วยาม น้ำเต้าครึ่งหนึ่งที่เขาซื้อมาถูกเติมจนเต็ม ปริมาณเลือดทั้งหมดที่เขาเก็บมามีน้ำหนักถึง 100 กิโลกรัม
หลังจากที่ปิดน้ำเต้าที่มีเลือดอยู่ข้างในอย่างระมัดระวังแล้ว เจี้ยนเฉินก็เก็บมันเข้าไปในเข็มขัดมิติ หลังจากนั้นเขาก็เก็บร่างของงูกลับเข้าไปในเข็มขัดมิติและออกไปจากตรงนั้น กลิ่นคาวเลือดของอสรพิษทองริ้วเงินได้ฟุ้งกระจายไปทั่วเป็นเวลากว่า 1 ชั่วยาม แม้ว่ามันจะไม่จางไปบ้างแล้ว แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่มั่นใจว่ามันจะไม่นำเรื่องมาให้ ยิ่งเขาออกจากที่นี่ไปได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ว่า บางทีเขาอาจจะกังวลเกินไปหน่อย แต่เพื่อที่จะลดอันตรายให้น้อยลง เขาก็ปรารถนาจะเลือกทางที่ไม่ค่อยสบายกว่า
เจี้ยนเฉินกลับไปที่เมืองเวค หลังจากที่พักไปสองวันและไม่ได้ยินข่าวพิเศษอะไร เขาก็ออกไปอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาไม่ได้กลับไปที่เดิม กลับกัน เขาไปถึงยังที่ที่มีทิศทางตรงกันข้ามกับที่ที่เขาไปครั้งก่อน หลังจากที่เดินทางไป 20 ไมล์แล้ว เขาก็พบที่ซึ่งแยกตัวออกไปและปลอดภัย จากนั้นเขาก็เอาร่างของอสรพิษทองริ้วเงินออกมาจากเข็มขัดของเขา และเริ่มชำแหละร่างของมัน
แม้ว่าเขาจะสามารถชำแหละร่างของมันในเมืองได้ แต่อสรพิษทองริ้วเงินก็ไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดา เมื่อร่างกายของมันถูกชำแหละแล้ว สัมผัสของเลือดที่เป็นเอกลักษณ์ก็จะดึงดูดให้จอมยุทธบางคนมาตรวจดู ด้วยความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ เขายังไม่สามารถที่จะสู้กับจอมยุทธหลายคนที่อยู่ในเมืองเวคได้
การชำแหละร่างของงูเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าการป้องกันของผิวชั้นนอกของอสรพิษทองริ้วเงินจะแข็งแกร่งมาก แต่ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นมาเทียบกับเมื่อก่อน ดังนั้นการตัดเอาเกล็ดของงูออกจึงใช้กำลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เจี้ยนเฉินค่อย ๆ เอาวัตถุสีแดงเลือดออกมาจากท้องของงูอย่างระมัดระวัง เมื่อเขายกมันขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาเพื่อที่จะตรงดูมันใกล้ ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพึมพำกับตัวเอง “ถ้างั้นนี่ก็คือถุงน้ำดีที่มีค่าของอสรพิษทองริ้วเงิน” สีของถึงน้ำดีของงูนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากงูตัวอื่น ถุงน้ำดีของงูปกติจะเป็นสีเขียวปนน้ำเงินหรือเป็นสีดำ แต่ถุงน้ำดีของอสรพิษทองริ้วเงินนั้นเป็นสีแดงสด มันดูเหมือนอัญมณีสีแดง
เจี้ยนเฉินเอาขวดหยกออกมาจากเข็มขัดมิติของเขา และเขาก็เอาถุงน้ำดีขนาดเท่าหัวแม่มือลงไปในขวดอย่างระมัดระวัง ถุงน้ำดีงูนั้นสำคัญมาก ถ้าเขาต้องการที่จะสกัดยาหมื่นต้านพิษ เขาต้องให้ถุงน้ำดีสักสองสามอัน ส่วนที่สำคัญนี้มีค่ามากกว่าเลือดทั้งหมดของอสรพิษทองริ้วเงินเสียอีก
ไม่นานหลังจากนั้น หนังของอสรพิษทองริ้วเงินก็ถูกเจี้ยนเฉินเลาะออกมาจนหมด ในเวลาเดียวกัน รูปร่างของงูก็เปลี่ยนไปอย่างมาก มันดูเหมือนไส้กรอกยาวยาวในตอนนี้
ส่วนที่มีค่าที่สุดของอสรพิษทองริ้วเงินคือเลือดและถุงน้ำดีของมัน อวัยวะส่วนอื่นของมันและเนื้อของมันนั้นก็ถือว่ามีค่า แต่พวกมันก็ไม่มีประโยชน์ในสายตาของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็เก็บซากของงูเข้าไปในแหวนมิติ เขาตั้งใจที่จะมาจัดการมันต่อทีหลัง
หลังจากที่จบเรื่องอสรพิษทองริ้วเงินแล้ว เจี้ยนเฉินก็มองไปรอบ ๆ เขาลังเลเล็กน้อย และดูไม่เด็ดขาดในตอนที่เขายืนขึ้นและคิดอยู่สักครู่ ในที่สุด เจี้ยนเฉินนั่งลงและเอาถังใหญ่ที่เขาเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ และวางมันลงบนพื้นเบา ๆ จากนั้นเขาก็เอาน้ำเต้าที่มีเลือดอยู่และเตรียมเทมันลงไปในถังที่ว่าง ๆ
ในตอนนี้เจี้ยนเฉินวางแผนที่จะสกัดหมื่นต้านพิษ นี่เป็นเพราะเลือดของอสรพิษทองริ้วเงินนั้นมีกลิ่นที่รุนแรงเกินไปจึงทำให้มันเป็นไปได้ที่เขาจะสกัดมันในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน
ไม่นานหลังจากนั้น เลือดในน้ำเต้าก็ถูกเทลงไปที่ถังใหญ่ เลือดกว่าร้อยกิโลกรัมถูกเติมจนเกือบเต็มลงในถังที่สูงเกือบเท่าคน ในตอนนี้ กลิ่นเลือดที่ฉุนและรุนแรงก็ลอยออกมาจากถัง และมันก็อบอวลอยู่ในอากาศอยู่นานโดยไม่กระจายหายไปเลย เลือดปริมาณมากที่รวบรวมกันทำให้กลิ่นของมันยิ่งหนาแน่นมากกว่าเดิม และมันก็โจมตีไปที่ประสาทรับกลิ่นของเจี้ยนเฉิน ทำให้เขาเกือบที่จะหายใจไม่ได้
เลือดของสัตว์อสูรที่พิเศษบางตัวแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเลือดของสัตว์อสูรธรรมดา อสรพิษทองริ้วเงินเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้
ในตอนที่เจี้ยนเฉินดื่มเลือดของงูเข้าไปเพื่อล้างพิษให้กับตัวเอง เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจกลิ่นที่คาวเพราะเขาตั้งสมาธิไปที่การรักษาตัวเอง ดังนั้น เขาจึงไม่ทันสังเกตว่าเลือดของงูมีกลิ่นที่เกินจะทนในตอนนั้น