เมิ่งอวิ๋นกับเซินถูต่างก็มีสีหน้าตกใจอย่างแปลกใจ

ซิงยวนก็พูดนิ่งๆ ว่า “พลังปราณดั่งชี่ คล้ายๆ พลังชี่ของผู้ฝึกชี่ แต่ว่าเป็นพลังปราณไม่ผิดแน่นอน เขาคงจะมีวาสนาอะไรพิเศษๆ แน่ๆ”

ท่านผอ.พูดว่า “ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ไม่ค่อยเหมือนกับนักบู๊ธรรมดาทั่วไป”

เซินถูก็พูดว่า “แล้วพลังปราณของเขามันดีขึ้น หรือว่าแย่ลงล่ะ?”

ซิงยวนจ้องเขม็งมองลงไป ถึงแม้จะห่างกันมาก แต่แม้แต่เส้นผมเส้นเดียวบนตัวของลู่ฝานก็ไม่พ้นสายตาของซิงยวนไปได้

“พลังปราณเข้มข้นมีกำลังมาก เหนือกว่านักบู๊ธรรมดาทั่วตัว แถมหมดช้ามาก น่าจะมีแรงตอนท้ายมาก เอ๊ะเดี๋ยวนะ เขากลับสัมผัสสายตาของผมได้ ดูเหมือนว่าด้านประสาทสัมผัสก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย”

ซิงยวนพูดไป ก็ยิ้มมุมปากเบาๆ ไปด้วย

เซินถูที่อยู่ด้านข้างก็พูดออกมาอย่างตกใจว่า “ซิงยวน นายยิ้มแล้วหรือ ผมไม่ได้เห็นนายยิ้มมาหลายสิบปีแล้ว ผมไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม”

ซิงยวนก็รีบเก็บรอยยิ้มไปทันที แล้วส่งเสียง เหอะ

อี้ชิงก็เอามือลูบพุงแล้วหัวเราะ “หาได้ยาก หาได้ยาก แม้แต่ซิงยวนก็ยังยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะมีพรสวรรค์ที่น่าตกใจ วันข้างหน้าจะต้องไปได้ไกลแน่นอน ผมก็เริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ”

ซิงยวนหันไปเหลือบมองอี้ชิง “แกบอกว่าจะเลือกแต่ลูกศิษย์ที่ต้องตาไม่ใช่หรือไง?”

อี้ชิงยิ้มพูดว่า “แน่นอน แต่ถ้าลูกศิษย์ของผมทั้งถูกชะตา ทั้งมีพรสวรรค์ล่ะก็ ก็คงจะดีมากเลย”

ซิงยวนพูดเสียงเย็นว่า “อย่างนั้นก็เกรงว่าแกจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ ด้วยชื่อเสียงของคณะหนึ่งเดียวของแกในตอนนี้ เด็กอัจฉริยะคนนี้คงจะไม่เลือกไปคณะหนึ่งเดียวของพวกแกหรอก”

อี้ชิงก็ถอนหายใจพูดว่า “นั่นน่ะสิ แล้วแต่วาสนาก็แล้วกัน”

ท่านผอ.หัวเราะเบาๆ แล้วก็พูดว่า “เห็นเด็กคนนี้แล้วผมก็อยากจะรับศิษย์เหมือนกันแล้วสิ”

อาจารย์ทั้งเก้ามองไปยังท่านผอ.พร้อมกัน สายตามีความตื่นตกใจ

ท่านผอ.ยกมือพูดว่า “แต่พวกนายวางใจเถอะ ผมไม่แย่งกับพวกนายหรอก แต่อีกเดี๋ยวไม่ว่าเด็กคนนี้จะเข้าไปอยู่ที่ไหน พวกนายก็ไปสืบมาหน่อย ว่าเด็กคนนี้ฝึกพลังปราณพิเศษแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ถ้าเลียนแบบแล้วเอาไปสอนต่อได้ ก็ให้รีบพาเขามาหาผมที่นี่ ผมจะคุยกับเขาเอง”

อาจารย์ทั้งเก้าพยักหน้าพร้อมกัน

…….

ด้านล่าง ลู่หมิงก็หันไปยิ้มให้กับเฉียนเฟิง “โทษทีนะ ต่อไปก็ให้นายมาล้างเท้าให้ผมแล้วกัน แล้วก็จะบอกให้ เท้าของผมน่ะเหม็นมาก เตรียมใจไว้ให้ดีแล้วกัน”

เฉียนเฟิงก็หน้าเสียไปไม่ถูก ถูกพูดแดกดันจนตอบโต้อะไรไม่ออก

ส่วนสุ่ยอู๋ฉิงที่อยู่ด้านข้าง ก็จ้องมองลู่ฝานด้านบนตลอดเวลา สายตาเหมือนดั่งดาบ แฝงรังสีอาฆาต

พอได้ยินลู่หมิงประชดประชัน ถึงแม้จะไม่ได้พูดถึงเขา แต่สุ่ยอู๋ฉิงก็รู้สึกว่าขายขี้หน้าไปด้วย แล้วมองไปรอบๆ การซุบซิบนินทากันของคนรอบๆ ทำให้สุ่ยอู๋ฉิงหน้าเสียไปด้วย ตอนแรกพูดไว้อย่างมั่นใจเกินไป พอแพ้ขึ้นมาก็จะขายหน้ามาก

ส่งเสียงไม่พอใจ แล้วสุ่ยอู๋ฉิงก็สะบัดแขนเสื้อจากไป ทุกคนก็เปิดทางให้สุ่ยอู๋ฉิงเดินออกไป

เฉียนเฟิงก็อยากจะไป วันนี้เขาถือว่าขายขี้หน้าเหมือนแก้ผ้าเปิดก้นเต้นให้ทุกคนดู

แต่สติสัมปชัญญะบอกเขาว่า ถ้าวันนี้เขากลับออกไป วันข้างหน้าถ้าเจอกับลู่หมิงอีก เขาก็คงจะต้องหลบหน้า เขาจะไม่มีทางไปล้างเท้าให้ลู่หมิงเด็ดขาด เดิมทีเฉียนเฟิงก็ไม่ชอบลู่หมิงอยู่แล้ว แกล้งลู่หมิงมาเป็นปี พอมาถูกลู่หมิงเยาะเย้ยแบบนี้ เฉียนเฟิงก็ทนความรู้สึกนี้ไม่ได้

ตาก็เริ่มแดงๆ เฉียนเฟิงพูดว่า “ลู่หมิง อย่าเพิ่งได้ใจไป แน่จริงก็มาพนันกันอีกครั้งสิ”

ลู่หมิงกอดอกพูดว่า “จะพนันแบบไหน”

เฉียนเฟิงก็ชี้ไปบนกลางอากาศ “น้องชายกูยังไม่ถูกคัดออก แน่จริงพวกเราก็มาพนันกันอีก ถ้าน้องชายกูแพ้ให้กับมันอีกล่ะก็……”

ลู่หมิงถือโอกาสพูดว่า “อย่างนั้นก็แก้กางเกงเปิดก้นวิ่งรอบสถาบันสอนวิชาบู๊หนึ่งรอบ วิ่งวนให้ครบทุกคณะ”

เฉียนเฟิงก็กัดฟันพูดเสียงผ่านฟันออกมาว่า “ได้เลย แต่พี่น้องมึงแพ้แน่”

ลู่หมิงพูดอย่างใจใหญ่ว่า “อย่างนั้นเรื่องคนรับใช้ก็เป็นอันว่าหายกันไป”

เฉียนเฟิงกำหมัด แล้วพูดว่า “ได้ ไอ้เต่าขนเขียว มึงว่าแค่นี้ก็จะเขี่ยกูออกไปได้งั้นสิ ถ้ามึงแพ้ มึงต้องมาเลยตีนให้กู”

ลู่หมิงหยีตาลง “งั้นกูไม่พนันด้วยแล้ว มึงมาเป็นคนรับใช้ให้กูเลยหนึ่งปี”

อยู่ดีๆ คนรอบๆ ก็ตะโกนกันขึ้นมา

“เฉียนเฟิง ไปเป็นคนรับใช้ให้เต่าขนเขียวเถอะ ฮ่าๆ พวกเรากำลังรอดูอยู่”

“เต่าขนเขียว อย่าสิ พนันกับเขาไปเลย”

“นั่นสิ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็พนันให้สุดๆ ไปเลย”

เสียงตะโกนดังขึ้น จนดึงดูดให้คนของสถาบันอื่นๆ มองมาดู

เฉียนเฟิงก็พูดเสียงเย็นว่า “เต่าขนเขียว มึงอยากโดนกระทืบใช่ไหม”

ลู่หมิงพูดเบาๆ ว่า “มึงคิดจะกระทืบกูที่นี่งั้นหรือ กระทืบกูต่อหน้าครูกับอาจารย์เนี่ยนะ?”

เฉียนเฟิงหายใจเข้า แล้วก็กำหมัดแน่น “ได้ พนันตามที่มึงบอกเลย ถ้าชนะ ก็เป็นอันหายกัน แต่ว่าเรื่องในวันนี้ กูจะจำไว้ กูไม่ปล่อยมึงไปแน่”

ลู่หมิงพูดเสียงเย็น “กูไม่เคยคิดเลยว่ามึงจะปล่อยกูไป แต่กูก็ไม่กลัวหรอก”

เฉียนเฟิงเก็บสายตาตนเอง แล้วตะโกนเรียกเฉียนหยู่ จากนั้นก็ชี้ไปยังลู่ฝาน

เฉียนหยู่ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วมองไปที่ลู่ฝาน แล้วก็ไม่ได้จะสนใจอะไรมาก แล้วก็หันตัวไปยังอีกเกาะหนึ่งที่มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่