ด้านบน ลู่ฝานก็เอาชนะคู่ต่อสู้ใหม่ได้อีกแล้ว

สุ่ยหยวนถูกหามออกไป ตอนนี้คนที่ยังอยู่บนเกาะได้ เหลือเพียงแค่10กว่าคน

มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีใครอยากถูกคัดออก ถึงแม้พวกเขาจะมาถึงจุดที่สามารถเลือกสถาบันเองได้แล้ว แต่ถ้าสามารถได้เป็นอันดับหนึ่งล่ะก็ คาดว่าหลังจากเข้าสถาบันไป ก็จะถูกอาจารย์มองดีหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับการชี้แนะก็ได้ 10กว่าคนที่เหลือนี้ เนื่องจากให้เลือกคู่ต่อสู้เอง ดังนั้นทุกคนเลยเลือกกันอย่างระวังมาก ล้วนเลือกคนที่ตนเองสามารถสู้ด้วยได้ อย่างน้อยก็มองดูคนที่รับมือได้ง่ายหน่อย

ในที่สุด ก็มีคนขยับมาทางลู่ฝานแล้ว กระโดดมาลงตรงหน้าของลู่ฝาน

กำมือคำนับพูดว่า “ผมชื่อเถ่หนิว โปรดชี้แนะด้วย”

คนที่เข้ามาเป็นชายกำยำมั่นคง ตัวสูง แผ่นหลังใหญ่เหมือนหมี กล้ามเนื้อดูแข็งแกร่งดั่งหินผา หัวโล้นเป็นเงามันขลับ มือถือค้อนใหญ่สองข้าง

ท่าทางแบบนี้ บวกกับอาวุธแบบนี้ ดูแล้วจะรุนแรงไม่เบา พลังปราณถูกปล่อยออกมาท่วมกาย มีระดับแดนปราณในชั้นสอง พละกำลังไม่เลว

ลู่ฝานก็กำมือคำนับกลับไป แล้วชักกระบี่ออกมา ไฟก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง

สู้มาถึงขั้นนี้ ไม่ได้เป็นการเปรียบเทียบพละกำลังอย่างเดียว ยังวัดกันที่การฟื้นตัวของร่างกายตนเองด้วย

บังเอิญว่า ลู่ฝานสามารถดูดซับเอาพลังฟ้าดินได้เร็วมาก ดังนั้นความสามารถด้านการฟื้นตัวเลยเป็นอันดับต้นๆ ต่อให้สู้กันหลายสนามติดกัน พลังของลู่ฝานก็เสียไปไม่เท่าไร ตอนนี้ยังอยู่ในระดับที่เต็มเปี่ยม

เจียงชิ่นเรียกเจ้าดำที่กำลังกระโดดโลดเต้นให้ขยับออกมาด้านหลัง จากนั้นอาจารย์อีกคนก็ประกาศให้เริ่มการประลองได้

พริบตา เถ่หนิวก็บ้าคลั่งเหมือนแรดตกมัน ยกค้อนใหญ่บุกเข้ามาหาลู่ฝาน

แผ่นหินที่พื้นก็แตกออก แต่ละก้าวก็ลงน้ำหนักลงพื้นยุบไป ลู่ฝานมองดูก็รู้ว่าฝั่งตรงข้ามมีแรงไม่ด้อยไปกว่าตนเอง

แต่ว่า ลู่ฝานก็ไม่คิดจะหลบ ยกกระบี่หนักขึ้นไว้ แล้วฟันออกไป

เพล๊ง ลู่ฝานฟันไปที่ส่วนกลางของค้อนคู่พอดี ตำแหน่งถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน

การบุกโจมตีของเถ่หนิวถูกลู่ฝานใช้กระบี่ขวางไว้ รอยเท้าก็ยุบลงไปที่พื้นลึกขึ้น ลู่ฝานก็เกร็งกล้ามเนื้อ แล้วก็ลุกออกไปใส่กระบี่หนัก

เถ่หนิวเหมือนจะไม่กลัวไฟเผา ค้นคู่ก็ถูกไฟเผาจนแดง แต่เถ่หนิวก็ยังกำไว้แน่น

“แรงบุกเขาดุนลาย!”

กล้ามเนื้อของเถ่หนิวใหญ่ขึ้นมา แล้วก็ออกแรงกดกระบี่หนักของลู่ฝานกลับไป

ทันใดนั้นเอง เถ่หนิวก็เอาค้อนหนักข้างหนึ่งออกมา แล้วทุบไปทางลู่ฝานอย่างแรง

ลู่ฝานก็กำมือซ้าย แล้วต่อยออกไป

หมัดถล่มเขาทำลายล้าง!

ตุบ ตุบ

เสียงดังขึ้นสองครั้ง กำปั้นของลู่ฝานต่อยถูกท้องของเถ่หนิว แล้วค้อนเหล็กของเถ่หนิวก็แฝงไปด้วยพลังปราณเข้มข้น แล้วก็กระแทกลู่ฝานกระเด็นออกไปสามฟุต

มีคนไม่น้อยส่งเสียงตกใจ ค้อนหนักขนาดนี้ทุบมาที่ลำตัว คงจะอันตรายถึงชีวิต

ลู่ฝานก็ตกลงไปในหลุม โชคดีที่เกาะที่ลอยฟ้านี้มันหนาพอสมควร ไม่อย่างนั้นถ้าถูกค้อนทุบทะลุลงไปล่ะก็ คงจะน่าอับอายมาก

โม่หยุนเฟยเห็นดังนั้น ก็ชื่นชมในใจ

ทุบมันให้ตาย ทุบมันเลย ทีนี้ลู่ฝานลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว

จางเยว่หานก็ยิ้มหน้าบาน สายตาก็มีความสะใจ จากนั้นศิษย์พี่ของเธอก็ยิ้มพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องให้พี่ลงมือแล้วล่ะ ไอ้ตัวใหญ่นั่นมีแรงไม่น้อย เกรงว่าพอทุบไป คงจะทำให้หมอนั่นนอนติดเตียงได้เป็นปีเลยทีเดียว”

จางเยว่หานยิ้มพูดว่า “ถือว่าหมอนั่นคดีไป ถ้าฉลาดแล้วกลับไปรักษาตัวที่บ้าน ฉันก็จัดการอะไรเขาไม่ได้แล้ว”

ศิษย์พี่ก็ยิ้มจับคางของจางเยว่หาน “เธอนี่มีเมตตาจริงๆ เลยนะ” แต่น่าเสียดาย รอยยิ้มมีแค่เวลาสั้นๆ

เสียงดังโครม เถ่หนิวเอามือจับท้องล้มลงพื้นภายใต้สายตาของทุกคนที่กำลังตกใจ

ล้มเหมือนคุกเข่าคำนับลงให้ จนพื้นแตกเป็นลายเหมือนกระดองเต่า

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงล้มลงพื้นล่ะ?”

คนมากมายมองไม่ออก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

และในตอนนี้เอง ลู่ฝานก็ปัดเศษฝุ่นดินบนตัว แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ

“เขาไม่เป็นอะไรงั้นหรือ? ไม่เป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว พระเจ้าช่วย เขาเป็นคนหรือสัตว์อสูรกันเนี่ย!”

ทุกคนก็ผงะ สายตาที่มองลู่ฝานก็เหมือนกับเห็นปีศาจร้าย จางเยว่หานกับโม่หยุนเฟยก็อึ้งจนอ้าปากค้าง

บนท้องฟ้า สายตาของเซินถูก็เป็นประกาย “สภาพร่างกายสุดยอดมาก จริงๆ แล้ววิชาของเขาก็ไม่ได้ฝึกถึงขั้นสูงขนาดนั้นหรอก อาจจะเป็นเพราะร่างอสูรโดยกำเนิด หรือไม่ก็วิชาอะไรพิเศษ ฮ่าๆ ผมชอบเด็กคนนี้ ทางที่ดีพวกนายอย่ามาแย่งกับผมแล้วกัน ใครแย่งผมไม่ยอมแน่”

อาจารย์คนอื่นๆ ก็ไม่ได้สนใจเสียงพูดของเซินถู ล้วนแต่ยิ้มมองไปยังลู่ฝาน

เวลานี้ คนอื่นๆ ที่กำลังประลองกันอยู่ พอได้ยินเสียงดัง ก็พากันหันไปมองลู่ฝาน พอเห็นว่าเถ่หนิวถูกอาจารย์หามออกไป แล้วก็เห็นเกาะที่กลายเป็นหลุมยุบลงไปหมด ทุกคนก็เผยสีหน้าหนักใจขึ้นมา

เฉียนหยู่ก็ใช้กระบี่ประลองกับผู้หญิงตรงหน้า จากนั้นก็มองไปยังลู่ฝาน แล้วบ่นว่า “เก่งขนาดนี้เลยหรือนี่ ดูเหมือนว่าจะต้องหลบอยู่ห่างๆ มันหน่อยแล้ว”

พูดไปอย่างนั้น ลู่ฝานก็หันมามองเขาพอดี ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ คนคนนี้หน้าตาคุ้นๆ อ๋อ คือสองพี่น้องที่ล้อเลียนลู่หมิงไม่ใช่หรอกหรือ?

หัวเราะเบาๆ ลู่ฝานก็ตัดสินใจว่าสนามต่อไปจะไม่รอให้คนอื่นมาเลือกตนเองแล้ว ควรถึงเวลาที่เข้าจะต้องไปเลือกบ้างแล้ว

เฉียนหยู่หนังตากระตุกๆ แล้วก็เห็นลู่ฝานกระโดดเข้ามาอย่างเร็ว

ด้านล่าง เฉียนเฟิงก็ตกใจจนพูดอะไรออกมาไม่ออกแล้ว

เวลานี้ เขาไม่มีความมั่นใจว่าชนะพนันได้อีกแล้ว