ตั้งแต่ยมทูตทั้งสามกลับไป อารามชิงหยางกลับเข้าสู่สภาพเงียบสงบเหมือนเคย อาจเป็นเพราะเรื่องการคัดเลือกยมทูต ทำให้วิญญาณในยมโลกต่างมีความหวัง ส่งผลให้มีความรับผิดชอบในการดูแลวิญญาณมากขึ้น
แม้แต่เจ้าสำนักสวีของสำนักเทียนซือยังส่งข่าวมาบอกว่า ช่วงระยะหลังมานี้เรื่องไหว้วานเกี่ยวกับวิญญาณร้ายภายในสำนักลดลงไปไม่น้อย อีกทั้งบางครั้งที่เหล่าลูกศิษย์ออกไปปราบนั้น ในขณะที่ปราบอยู่ก็สามารถพบเห็นข้าราชการผีที่มาจับวิญญาณ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง เพียงหวังว่าสามารถมีผลงานในการคัดเลือกยมทูต อีกทั้งถึงแม้รอบแรกจะไม่ได้รับการคัดเลือก แต่อีกยี่สิบปียังมีรอบต่อไป
การทำงานในเมืองโยวหลิงอยู่ในระดับสันติและมีแนวโน้มในการพัฒนาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
คนทั้งเสวียนเหมินต่างยินดีที่จะได้เห็น นอกจาก…ชายแก่ที่ถูกผีบุกรุกตอนกลางคืน
ไป๋อวี้รู้สึกว่าบั้นปลายชีวิตของตนเองช่างน่าอนาถ กลางวันสอนหนังสือเรียนหนังสือโดนทุบก็แล้วไป ตอนกลางคืนยังต้องรับมือกับวิญญาณที่โผล่ออกมาจากทุกทิศทั่วทาง
ตั้งแต่ยมทูตอีกสามคนมาพบเขา วิญญาณของเมืองโยวหลิงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชอบโผล่มาหาเขาตอนกลางคืน นอกจากน่ากลัวแล้ว ยังหนาวจนเจ็บกระดูก เวลาพักผ่อนชั้นดีกลับเอามาเจอผีหมดแล้ว
“เจ้าหนู เจ้าต้องหาวิธี!” ชายแก่ทำสีหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะชี้ไปยังขอบตาดำของตน “หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ข้าคงได้ลงไปเป็นยมราชจริงๆ แน่ เจ้าไม่เห็นแก่พวกเราเป็นสำนักเดียวกัน ก็เห็นแก่คุณภาพในการถ่ายทอดทางเต๋าบ้างเถอะ เมื่อวานข้าเกือบผล็อยหลับตอนสอน! ถึงเวลาสอนไม่ดี พวกเขาขอคืนเงินจะทำอย่างไร”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะหันกลับไปมองเขา จากนั้นพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “พูดมีเหตุผล ต้องให้ข้าหลอมยากระตุ้นให้ตื่นไหม”
“…” ประเด็นคือการกระตุ้นให้ตื่นหรือ?!
ชายแก่ปากกระตุก จากนั้นจึงพูดขึ้น “ข้าไม่สน อย่างน้อยข้าก็วาดยันต์เก็บผีเอาไว้แล้ว เจ้าหนู เจ้าต้องช่วยข้าวางข่ายพลังไล่ผี ให้วิญญาณพวกนั้นเข้าห้องข้าไม่ได้ ลืมตาก็เจอผี น่ากลัวเสียจริง!” เขารับมือเจ้าหนูกับอาจารย์ปู่ไม่ได้ แต่ยังรับมือกับวิญญาณพวกนี้ได้
“…ได้!” อวิ๋นเจี่ยวมองดูข้อสอบหกสิบคะแนนในมือ ก่อนจะพยักหน้า ครั้งนี้คะแนนต่ำลง ดูท่าทางจะกดดันมากเกินไปจริงๆ
อันที่จริงแล้ววิญญาณที่มาหาชายแก่เหล่านั้น ล้วนเป็นเจ้าเมืองเมืองผีในโยวหลิง คนที่จะสามารถรู้ตำแหน่งของยมราชคนใหม่นี้ได้ ก็คงมีเพียงชนชั้นสูงในเมืองผี ซึ่งนอกจากยมทูตแล้วก็คือเจ้าเมืองเมืองผี
พวกเขามาที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะสำหรับการคัดเลือกยมทูตแล้ว เจ้าเมืองเหล่านี้ถือเป็นตัวเลือกที่มีหวังมากที่สุดเมื่อเทียบกับวิญญาณอื่น หากพวกเขาต้องการมาสร้างความสัมพันธ์อันดีกับหัวหน้าก่อนก็เป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่การกระทำที่ไม่รายงานก่อนมาเข้าพบชักจะมากเกินไปหน่อย แต่ก็เป็นการพิสูจน์ว่า ยมทูตที่เหลืออีกสามคนไม่มีอำนาจในการควบคุมเมืองโยวหลิงเท่าเมื่อก่อนแล้ว
ในขณะที่กำลังเดินตามชายแก่ไปวางข่ายพลัง หยวนเจียงที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ลุกขึ้นยืนด้วย “ศิษย์หลาน หรือไม่ให้ข้าไปด้วย ใช้พลังเทพในการวางข่ายพลังไล่ผีจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” อีกทั้งยังสามารถสร้างกฏเกณฑ์ให้เหล่าเจ้าเมืองที่มาโดยพลการด้วย
“ดีเลย ขอบคุณอาจารย์อา” ไป๋อวี้ดีใจ รีบลากทั้งสองคนไปยังสวนของตนเอง พลางเดินพลางพูด “ลำบากอาจารย์อาแล้ว ข้าแค่ต้องการวางข่ายพลังไล่ผีเท่านั้น ง่ายมาก วางตามที่เจ้าหนูบอกก็พอ”
หยวนเจียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชายแก่เท่าใด ถึงแม้การฝึกฝนพลังของเขาจะไม่ใช่ข่ายพลัง แต่ข่ายพลังไล่ผีระดับต้นนั้นไม่ยากเกินสำหรับเขา
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในสวน หยวนเจียงมองดูลักษณะพื้นที่ จากนั้นเตรียมที่จะเสกคาถา แต่อวิ๋นเจี่ยวกลับพูดขึ้นก่อน
“อาจารย์อาหยวน รบกวนท่านไปวางตาข่ายพลังที่ใต้ต้นพุทราทางด้านขวา ข่ายพลังใช้ฐานจากพลังลมปราณหญ้าไม้ จากนั้นรวมพลังวิญญาณสร้างเป็นข่ายพลังกักขัง และใช้พลังเทพเชื่อมมันเข้าเป็นวงจร”
“ฮะ?!” หยวนเจียงผงะ ไม่ใช่วางข่ายพลังไล่ผีหรือ
อวิ๋นเจี่ยวกลับหันไปมองไป๋อวี้แล้ว “ชายแก่ ท่านไปที่ก้อนหินทางซ้ายนั้น ทำตามย่อหน้าที่หกบทที่หกในข่ายพลังห้าธาตุ ใช้พลังลมปราณวางข่ายพลังเพื่อกำจัดวิญญาณ อยากกำจัดมากแค่ไหนท่านดูเอาเอง วางเสร็จค่อยมาช่วยข้ากระตุ้นข่ายพลัง”
“ได้เลย!” ชายแก่หยิบธงข่ายพลังออกมา หันหลังเดินไปยังทิศทางที่นางบอก ราวกับคุ้นชินกับเหตุการณ์เช่นนี้ ก่อนจะจัดวางด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว
ส่วนอวิ๋นเจี่ยวก็หยิบธงข่ายพลังออกมา เดินวนเวียนอยู่ในสวน ก่อนจะจัดวางขึ้นมาเป็นครั้งครา เห็นเพียงแต่ใต้เท้าของทั้งสองคนปรากฏข่ายพลังขนาดเล็กที่คุ้นตา มีไล่สิ่งชั่วร้าย มีหลบหลีกวิญญาณ มีการกำจัด มีดับวิญญาณ อีกทั้งยังมีสำหรับขับไล่ความหนาว รักษาความอุ่นด้วย อันแล้วอันเล่า ไม่ถึงชั่วครู่ก็มีข่ายพลังสว่างขึ้นห้าหกอัน แต่ละอันมีขนาดไม่เท่ากัน
สีหน้าของหยวนเจียงฉงน “…” ไหนบอกว่าข่ายพลังไล่ผี? ข่ายพลังไล่ผีบ้านใครหน้าตาเป็นแบบนี้ นี่ไล่ผีที่ไหน นี่มันกำจัดผีชัดๆ ?!
ทั้งสองคนวางข่ายพลังอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งใกล้เสร็จ อวิ๋นเจี่ยวถึงมองเห็นคนที่นิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม “อาจารย์อาหยวน?” นางเดินเข้าใกล้ ก่อนจะถามขึ้น “มีปัญหาอะไรเหรอ”
หยวนเจียงผงะ ก่อนจะตั้งสติได้ “ไม่…ไม่มีอะไร!”
เขารีบเสกคาถา และทำตามที่นางพูดเมื่อครู่ วางตาข่ายพลังไว้ใต้ต้นพุทรา ในเวลาเดียวกันข่ายพลังสีเขียวส่องประกายขึ้น
“ชายแก่ เริ่มได้แล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวหันกลับไปพูด ไป๋อวี้วางธงข่ายพลังผืนสุดท้ายลง นาทีถัดมา ข่ายพลังไล่ผีขนาดใหญ่ส่องสว่างขึ้นในสวน ก่อนจะเชื่อมเข้ากับข่ายพลังขนาดเล็กรอบด้านทั้งหมด จากนั้นเหล่าข่ายพลังเริ่มหลอมรวมและทับซ้อนกันเป็นข่ายพลังสมบูรณ์แบบเพียงหนึ่งเดียว
ศิษย์หลานพูดไม่ผิด นี่เป็นข่ายพลังไล่ผีจริง เพียงแต่ข่ายพลังไล่ผีนี้ ไม่เพียงแต่ขับไล่ผี ในขณะเดียวกันยังกักขังวิญญาณ กำจัดแรงอาฆาต และส่งวิญญาณไปเกิดใหม่ หากต่อต้านยังสามารถสลายวิญญาณของอีกฝ่ายไป อ่อ อีกทั้งยังสามารถลดความหนาวเย็นจากตัวของวิญญาณ และรักษาอุณหภูมิเอาไว้
หยวนเจียง “…” รู้สึกตามรอยเท้าของลูกศิษย์เสวียนเหมินรุ่นนี้ไม่ทันแล้ว
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมไป๋อวี้ถึงพูดอย่างนั้นกับเขาก่อนหน้า เมื่อเทียบกับข่ายพลังไล่ผีธรรมดา ข่ายพลังของอวิ๋นเจี่ยวนี้มีความล้ำลึกมากกว่า อีกทั้ง…ง่ายตรงไหน! ศิษย์หลานหลงใหลอะไรในข่ายพลัง? แม้ข่ายพลังไล่ผียังสามารถทำออกมาเป็นแบบนี้ได้
อวิ๋นเจี่ยววางข่ายพลังเสร็จก็กำชับชายแก่ พูดเตือนเรื่องห้องเรียนคาถา ก่อนจะหันไปมองหยวนเจียง “อาจารย์อาหยวนมาหาวันนี้ มีเรื่องอะไรหรือไม่”
หยวนเจียงผงะ ราวกับยังไม่ได้สติจากเหตุการณ์เมื่อครู่ จากนั้นเขาจึงยิ้มอย่างเก้อเขิน “ศิษย์หลานดูออก?”
“อืม” ปกติเวลานี้ เขาควรกำลังลงโทษห้องเรียนที่สี่ให้คัดยันต์ถึงจะถูก ปกติไม่มาคุยเล่นกับนางและชายแก่อย่างแน่นอน นอกเสียจากมีเรื่องจริงๆ
“มีเรื่องหนึ่ง” เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเสกคาถา ทันใดนั้นบนมือของเขาปรากฏถุงเก็บของขึ้นมาใบหนึ่ง “ยาที่ครั้งก่อนศิษย์หลานบอกว่าต้องใช้สำหรับซ่อมร่างทอง ข้าได้ไห้คนไปหามาจนครบแล้ว ไม่รู้ว่าศิษย์หลานว่างที่จะหลอมยาให้อาจารย์อาหรือไม่”