“ครบแล้วหรือ ข้าดูหน่อย” อวิ๋นเจี่ยวรับถุงจากในมือของเขามาเปิดดู พบว่าสมุนไพรไม่มีชนิดใดขาดไป อีกทั้งยังเตรียมไว้หลายชุด อาการของเขายืดเยื้อมานานแล้ว ร่างทองยิ่งฟื้นคืนกลับมาเร็วเท่าใดยิ่งดี ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า “วัตถุดิบครบหมดแล้วก็ง่าย เช่นนั้น ท่านรอก่อน เดี๋ยวข้าจะหลอมให้ท่านเดี๋ยวนี้!”
“ลำบากศิษย์หลาน!” หยวนเจียงพูดเสริมขึ้น เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ “หลอมยาใช้เวลานาน ศิษย์หลานต้องการให้ข้าดูอยู่ด้านข้างหรือไม่”
“ไม่นาน!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านยังต้องสอนอยู่ เฝ้าอยู่ด้านข้างจะเสียเวลา”
“ฮะ?” หยวนเจียงผงะ การหลอมยามักมีความอันตรายเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังเตาหลอมอาจระเบิดได้ ยาเสียเรื่องเล็ก แต่มันอาจกระทบต่อนักหลอมยาด้วย ถึงแม้เขาจะมั่นใจในตัวของศิษย์หลาน แต่นางเคยบอกไว้ว่ายานี้เป็นยาระดับสวรรค์ นักหลอมยาที่เก่งกาจก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะสำเร็จ
เขากำลังคิดจะโน้มนาว แต่อวิ๋นเจี่ยวกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน “ไปเถอะ พวกเราไปที่เตาหลอมก่อน” พูดจบก็เดินไปทางด้านหลังของตำหนัก ไม่มีทีท่ากังวลแม้แต่น้อย
หยวนเจียงจึงทำได้เพียงเดินตามไป หลังจากที่เดินผ่านสวนมาหลายสวน มุ่งตรงไปยังทางขวาด้านหลัง เดิมที่เขาคิดว่าด้านหลังนี้มีห้องหลอมยา แต่ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกคุ้นชินเส้นทาง จนกระทั่งเหยียบเข้าไปยังสวนที่เต็มไปด้วยควันไฟถึงได้จำได้
“เดี๋ยว! ศิษย์หลาน…” เขาชี้ไปยังห้องที่คุ้นชินตรงหน้า “นี่…ที่นี่คือห้องครัวในอารามไม่ใช่หรือ” หลายวันนี้เขามักถูกศิษย์หลานไป๋ลากไปแบกวัตถุดิบที่ตลาด ทำให้มาที่นี่บ่อยครั้ง
“ใช่” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
“เจ้าจะ…หลอมยาที่นี่?!” เขาทำหน้าฉงน
“อ่อ ไม่ใช่ ห้องหลอมยาอยู่ด้านหลัง ข้าวางเตาหลอมไว้ที่นี่” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย
หยวนเจียงผงะ ยังไม่ทันได้ถามว่าทำไมนางถึงวางเตาหลอมไว้ในห้องครัว อวิ๋นเจี่ยวก็เดินออกไปแล้ว
เธอเดินตรงไปยังพื้นที่เปล่าทางขวาของห้องครัว ก่อนจะชะงักฝีเท่าลง ผงะไป “เอ๊ะ?”
“ทำไมหรือ” หยวนเจียงถาม
“เตาหลอมหายไป” อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลี่คลายลงเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “คงจะเป็นอาจารย์ปู่เอาไป พวกเราขึ้นไปถามท่านที่ยอดเจดีย์”
“ฮะ?” หยวนเจียงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เห็นเพียงแต่อวิ๋นเจี่ยวเดินหันหลังไปยังทิศทางของเจดีย์สูงด้วยความเคยชิน
หยวนเจียงรู้สึกใจเต้นตุบตับขึ้นมาทันใด หลายวันมานี้ ถึงแม้เขาจะอาศัยอยู่ในอาราม แต่นอกจากบังเอิญพบอาจารย์ตอนไปหาศิษย์หลานแล้ว เวลาปกติก็ไม่เคยเจออีกเลย อาจารย์รักความสงบ เมื่อเทียบกับเหวินชิงที่ประสาทเส้นใหญ่แล้ว เขารู้ดีว่าเป็นเพราะอาจารย์ไม่อยากเจอพวกเขา ให้เขาอยู่ที่นี่ก็คงเป็นเพราะร่างทองของเขายังไม่ฟื้นคืนกลับมาเท่านั้น
อีกทั้งเขายังพอจะรับรู้ได้ว่า อันที่จริงอาจารย์ไม่เห็นด้วยกับแผนการของพวกเขา เพียงแต่ท่านไม่ต้องการเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น หากลอยไปลอยมาต่อหน้าท่านบ่อยครั้ง ตามนิสัยของท่านคงจะโยนเขาออกจากอารามไป ดังนั้นเขาจึงพยายามไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน ทำให้ท่านหงุดหงิด
แต่ตอนนี้ต้องขึ้นไปบนเจดีย์ เขาจึงมีความลังเลขึ้นมาทันใด หากขึ้นไปรบกวนอาจารย์เพราะเตาหลอมอันเดียวจะเป็นการไม่ดี
แต่ศิษย์หลานอวิ๋นไม่คิดเช่นนั้น นางเดินขึ้นไปด้านบนอย่างไม่รีรอ อีกทั้งยังรู้สึกปีนเจดีย์เหนื่อยเกินไป จึงใช้ข่ายพลังขนส่งขึ้นไป
เมื่อรอหยวนเจียงตั้งสติได้ ทั้งสองคนก็มายืนอยู่บนยอดเจดีย์แล้ว เงยหน้าขึ้นก็พบกับอาจารย์ของตนกำลังทำหน้าเย็นชา ยืนห่างออกไปไกลหลายเมตร
เขายังคงอยู่ในชุดสีขาวราวหิมะ เพียงแต่ครานี้เขายังล้อมผ้าสีเทาชิ้นหนึ่งอยู่รอบตัว ผมดำยาวรวบขึ้นทั้งหมด บนหัวของเขามีหมวกยาวทรงกลมอยู่
เขากำลังยืนอยู่ด้านข้างของเตาหลอมลักษณะประหลาด เมื่อเห็นคนทั้งสองปรากฏตัวขึ้นจึงหันกลับมา เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือ…ช้อน?
หยวนเจียงรีบทำความเคารพด้วยความเคยชิน “ศิษย์…”
เขายังพูดไม่ทันจบ อวิ๋นเจี่ยวกลับพูดขึ้นมาก่อน “อาจารย์ปู่ ท่านหยิบเตาหลอมในห้องครัวไป?”
“…” หยวนเจียงผงะไปเล็กน้อย เดี๋ยว สามารถพูดกับอาจารย์เช่นนี้ได้หรือ
“อืม” อีกฝ่ายพยักหน้า “ข้าหยิบเอง”
“…” เรื่องนี้พิสูจน์ว่าทำได้!
“เจ้าจะใช้หรือ” ดวงตาของเยี่ยยวนเป็นประกายขึ้นมา “จะทำอะไร”
“ใช่ จะใช้สักพัก” อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังหยวนเจียงที่อยู่ด้านข้าง อธิบาย “วัตถุดิบสำหรับหลอมยาฟื้นคืนร่างทองของอาจารย์อาหยวนมาถึงแล้ว อาการของเขายืดเยื้อมาหลายเดือน ข้าต้องหลอมยาให้เขา”
“หลอมยา?” สายตาของเยี่ยยวนเย็นชาลงในทันที ก่อนจะหันไปมองศิษย์โง่ที่อยู่ด้านข้าง
หยวนเจียงถูกจ้องจนตัวสั่นเทา ก่อนจะพูดต่อ “อาจารย์” ทำไมรู้สึกว่าอาจารย์จะผิดหวังเมื่อได้ยินว่าหลอมยา
“อาจารย์ปู่กำลังทำอะไร อีกนานแค่ไหน” อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังเตาหลอมข้างตัวเขาพร้อมถาม
หยวนเจียงถึงได้พบว่า เตาหลอมนั้นใช้การอยู่ในตอนนี้ พลังลมปราณรอบด้านมีการเคลื่อนไหว อีกทั้งยังสามารถมองเห็นเปลวไฟเลือนลางสาดส่องออกมา
อาจารย์กำลังหลอมยาหรือ!!!
เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด ปกติแล้วอาจารย์ไม่ลงมือหลอมยาเอง แต่ยาที่เขาหลอมออกมานั้นล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจเอื้อมถึงได้ ไม่มีเม็ดไหนที่ไม่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ทุกเม็ดล้วนเป็นสมบัติอันล้ำค่า อีกทั้งทุกครั้งที่เขาหลอมนั้น ล้วนเป็นยาใหม่ ไม่เคยมีอยู่บนโลกมาก่อน
“เสร็จแล้ว” เยี่ยยวนตอย “เจ้ามาพอดี ข้าจะเปิดเตาแล้ว”
พูดจบ เขาก็ท่องคาถา เห็นเพียงแต่ข่ายพลังบนเตาหลอมดับลงไปในทันที
หยวนเจียงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขาจับจ้องไปยังเตาหลอมนั้น สายตามองเห็นเปลวไฟในเตาหลอมค่อยๆ ดับลงไป ฝาเตาเปิดออกอย่างช้าๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมกรุ่นของอะไรบางอย่างลอยมา เขาสูดดมตามสัญชาติญาณ รู้สึกเพียงกลิ่นหอมนั้นเจือปนไปด้วยกลิ่นหวาน แทรกซึมเข้าไปในใจของผู้คน ไม่เหมือนยาที่เขารู้จักมาก่อน
ยังไม่ทันได้พบเห็นเม็ดยา หยวนเจียงก็ตกตะลึงอย่างมากแล้ว สมกับที่เป็นอาจารย์ สามารถหลอมยาที่วิเศษอย่างประหลาดเช่นนี้ออกมาได้ ไม่มีกลิ่นยาไม่พอ อีกทั้งยังมีกลิ่นคับคล้ายคับคลา…กลิ่นข้าว?
เอ๊ะ?
เดี๋ยว! กลิ่นข้าว?!
(⊙_⊙)
หยวนเจียงผงะ ก่อนจะเห็นอาจารย์ของตนใช้ช้อนที่อยู่ในมือกดทับลงในไปเตาหลอม จากนั้นยกสิ่งสีขาวจานใหญ่ออกมา พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “สุกแล้ว”
“ข้าลองหน่อย” อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ข้างข้างรับก่อนสีขาวบนจานใหญ่นั้นมา ก่อนจะฉีกออกเป็นคำเล็กยัดเข้าปาก “อืม เค้กข้าวนี้ใช้ได้ หอมนุ่มพอดี! เพียงแต่อาจารย์ปู่ ถึงจะอร่อยก็ไม่ควรหวานไป ไม่ดีต่อฟัน ท่านอย่าใส่น้ำตาลมากขนาดนี้!”
“อืม” เยี่ยยวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะชี้ไปที่เค้กข้าวในมือ “แบ่งเจ้าครึ่งหนึ่ง?”
“ขอบคุณอาจารย์ปู่ หั่นชิ้นเล็กก็พอ อีกสักพักจะกินข้าวเที่ยวแล้ว”
“ได้”
ดังนั้นทั้งสองคนจึงแบ่งขนมขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี!
หยวนเจียง: “…”
จะว่าไป เมื่อกี้คือเตาหลอมใช่หรือไม่ ต้องใช่แน่เลยใช่หรือไม่ เตาหลอมไม่ได้ใช้หลอมยาหรือ ทำไมถึงทำเค้กข้าวออกมาได้! ทำไมเตาหลอมถึงหลอมเค้กข้าวออกมาได้?!
w(゚Д゚)w
ที่สำคัญคือ…อาจารย์ทำไมต้องมาหลอมเค้กข้าวตรงนี้! อีกทั้งศิษย์หลานยังทำทีท่าว่าเป็นปกติ! เขาบ้าไปแล้ว หรือว่าโลกนี้บ้าไปแล้วกันแน่? เขากำลังฝันอยู่อย่างแน่นอน ต้องใช่แน่นอน!