ตอนที่ 219 สภาพอันตรายมาก / ตอนที่ 220 ในที่สุดก็ถึงวันที่กดไว้ไม่อยู่

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 219 สภาพอันตรายมาก

 

 

“สเตบิไลเซอร์?” เผยหนานซวี่มีสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง “ตอนแรกที่ร่างกายของพี่ใหญ่อดทนถึงขีดจำกัดจนร่างกายเกือบจะระเบิด สเตบิไลเซอร์ที่พวกนายหามาได้อะไรนี่ หรือจะไม่ใช่เพราะพัฒนาตัวยาที่ออกฤทธิ์พิเศษออกมาได้ แต่เป็น…”

 

 

ฉินฮวนพยักหน้า “ถูกต้อง หลินเยียนเป็นสเตบิไลเซอร์ของพี่อวี้ครับ”

 

 

“เป็นไปได้อย่างไร…” เผยหนานซวี่พูดพึมพำด้วยท่าทางใจลอย เอ่ยด้วยความสงสัยขึ้นมาว่า “ร่างกายคุณหลินมีอะไรพิเศษอยู่หรือเปล่า?”

 

 

ฉินฮวนยักไหล่ “ไม่รู้สิครับ ตอนที่พวกเราตรวจสอบร่างกายหลินเยียน ร่างกายเธอเหมือนคนปกติทุกอย่าง ไม่มีความแตกต่างอะไรเลย แต่ไม่รู้ทำไม ขอเพียงเธออยู่ข้างกายพี่อวี้ พี่อวี้ก็จะสงบลง ผมคิดว่าอาจจะไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติทางร่างกายก็ได้ อย่างไรเสียก็ไม่มีสเตบิไลเซอร์ที่รุนแรงไปกว่าเธออีกแล้ว…”

 

 

เผยอวี่ถังยืนอยู่ด้านข้างฟังตาไม่กะพริบ เมื่อได้ยินถึงตอนนี้ สุดท้ายก็อดเอ่ยปากพูดขึ้นมาไม่ได้ “อย่างนั้นต่อมามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? หลังจากพี่ใหญ่กลับประเทศก็ไม่เคยเอ่ยถึงพี่เยียนคนนี้สักนิดเลยนะ!”

 

 

“อย่าว่าแต่เขาไม่เอ่ยถึงเลยครับ เขาไม่อนุญาตให้พวกเราคนไหนพูดถึงอีกด้วย” ฉินฮวนถอนหายใจ “เรื่องในตอนนั้นมันซับซ้อนมาก เดิมทีเป็นเพราะคำสั่งของพี่อวี้ที่ห้ามไม่ให้พวกเราคนไหนเอ่ยถึงหลินเยียนต่อหน้าเขาอีก เพียงแต่ดูจากสภาพในตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วล่ะครับ คิดไม่ถึงว่าพี่อวี้จะคบกับเธอใหม่อีกครั้ง แถมยังแนะนำให้พวกคุณรู้จักด้วยตัวเองอีกด้วย ดังนั้นถึงจะบอกคุณก็ไม่เป็นไร…”

 

 

ซิงเฉินที่อยู่บนโซฟาเคี้ยวอมยิ้มไปพลางพูดไปพลาง “ถ้าเป็นตัวยาจริงๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่ แต่สุดท้ายหลินเยียนก็เป็นคน พวกคุณก็รู้ว่านิสัยของพี่อวี้สุดโต่งมากแค่ไหน แต่นิสัยของหลินเยียนนี่สิ ดันสุดโต่งกว่าพี่อวี้เสียอีก ช่างเหมือนดินระเบิดแท้ๆ แค่จุดก็ระเบิดแล้ว เธอเกลียดการถูกผูกมัดมากที่สุด แต่พี่อวี้ดันอยู่ห่างจากเธอไม่ได้สักเสี้ยววินาทีเดียว สองคนมาอยู่ด้วยกัน สุดท้ายจะเกิดผลอย่างไร พวกคุณก็น่าจะเดาได้…”

 

 

เมื่อพูดถึงตรงนี้ฉินฮวนก็พูดเสริมเป็นชุด “พวกคุณรู้สึกว่าพี่อวี้น่ากลัว แต่ที่จริงถ้าให้ผมพูด ผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่านะครับ ไม่ต้องการชีวิต แต่ก็ต้องการอิสรภาพด้วย ยอมให้รถชนตายแต่ก็ไม่ยอมกลับมา! สุดท้ายก็บีบบังคับจนพี่อวี้จำยอม พี่อวี้ไม่ใช่แค่ปล่อยเธอไปจริงๆ แถมสองปีนี้ยังเปลี่ยนเป็นคนละคน อบรมบ่มนิสัย กระทั่งยังไม่เคยโมโหเลยสักครั้ง เจ๋งจริงๆ ”

 

 

เมื่อได้รับข้อมูลอันน่าตกใจมากขนาดนี้ เผยอวี่ถังก็ตื่นตะลึง “มิน่าล่ะ! ฉันก็ว่าทำไมสองปีนี้ จู่ๆ พี่ใหญ่ก็กลายเป็นคนอารมณ์ดีมากขนาดนี้ อยู่ดีไม่ว่าดีจู่ๆ จะไปถูกใจศิลปินตัวเล็กๆ ที่ชื่อเสียงไม่โด่งดังได้อย่างไร…คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่กับพี่เยียนจะรู้จักกันตั้งแต่แรกแล้ว?”

 

 

เผยหนานซวี่เพิ่งได้สติกลับมาหลังจากผ่านไปนานเช่นกัน “ดังนั้นตอนนี้พี่ใหญ่วางแผนที่จะเริ่มต้นใหม่กับคุณหลิน?”

 

 

ฉินฮวนแบมือ “ความคิดของพี่อวี้ พวกเราจะไปเดาออกได้อย่างไรล่ะครับ คงอย่างนั้นแหละ…”

 

 

เผยอวี่ถังประนมมือทั้งสองข้าง พูดออกมาจากใจจริง “ยังดีที่พี่เยียนลืมไปหมดแล้ว แถมตอนนี้พี่ใหญ่ยังอ่อนโยนเหมือนน้ำ การเริ่มต้นใหม่ถือว่ามีความเป็นไปได้แน่นอน! ขออวยพรให้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ของฉันรักกันตลอดไป ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร รักใคร่ปรองดอง มีลูกชายแสนดีไวๆ ทะเลาะที่หัวเตียงคืนดีกันที่ปลายเตียง…”

 

 

ซิงเฉินบ่นพึมพำออกมาว่า “อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ดีเกินไปหน่อยเลย ผมรู้สึกว่าสภาพของลูกพี่ในตอนนี้อันตรายมาก สองปีนี้ถ้าเขาอดทนได้และไม่ยอมเจอมาตลอดจริงๆ ยังถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไปเจอ แถมยังรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองปีนี้ของเธอ รู้เรื่องแฟนเก่าและแฟนในข่าวลือพวกนั้นของเธอ แล้วยังจะทนได้อีกหรือครับ? กลัวว่าค่าความโกรธคงถึงจุดวิกฤติไปตั้งนานแล้ว! ก็แค่ปกปิดได้เนียนเท่านั้นเอง…”

 

 

ฉินฮวนกลอกตาค้อนหนุ่มน้อยทันที “นายหุบปากอีกาของนายได้หรือเปล่า?”

 

 

ระหว่างที่คนทั้งหลายกำลังพูดคุยกันอยู่ วินาทีต่อมาสีหน้าของฉินฮวน ซิงเฉิน และจี้หลานก็เปลี่ยนไปทันที ผุดลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง มองไปที่ประตูราวกับมีศัตรูตัวฉกาจมาเยือนอย่างนั้น

 

 

 

 

 

ตอนที่ 220 ในที่สุดก็ถึงวันที่กดไว้ไม่อยู่

 

 

เกิดอะไรขึ้น

 

 

แม้แต่เผยอวี่ถังกับเผยหนานซวี่ยังสังเกตเห็นว่าบรรยากาศผิดปกติ ดังนั้นจึงมองไปที่ประตูโดยอัตโนมัติเช่นกัน

 

 

ถัดมาทุกคนก็เห็นว่าที่ประตูมีเงาคนซึ่งกำลังแผ่ออร่า เดินย่างเข้ามาอย่างแช่มช้าจากความมืดมิด

 

 

ผู้ชายคนนี้สวมชุดสูทติดกระดุมสไตล์เรโทร เพียงแต่ตอนนี้เนคไทที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อยกำลังห้อยอยู่บนคอโดยถูกดึงให้หลวม กระดุมเสื้อเชิ้ตก็ถูกปลดไปสามเม็ด เส้นผมซึ่งเดิมทีดำขลับและเป็นทรงเรียบร้อยก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเช่นกัน

 

 

“ละ…ลูกพี่…”

 

 

“พี่อวี้…”

 

 

“พี่ใหญ่…”

 

 

ทุกคนรวมถึงเผยหนานซวี่และเผยอวี่ถังรู้สึกว่าสภาพของเผยอวี้เฉิงตอนนี้ผิดปกติ

 

 

ทุกคนต่างสบตาและมองหน้ากันไปมา

 

 

ขณะนั้นทุกคนไม่กล้าขยับเขยื้อน และยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้

 

 

สุดท้ายก็เป็นเผยหนานซวี่ที่ยืนขึ้นก่อนและเดินเข้าหาเผยอวี้เฉิงด้วยความระมัดระวัง

 

 

เผยหนานซวี่รู้ว่าเผยอวี้เฉิงไม่ดื่มเหล้า ดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปที่บาร์ เขารินน้ำมะนาวให้เผยอวี้เฉิงแก้วหนึ่งพร้อมเดินเข้าไปหา พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมากสุด “พี่ใหญ่ พี่มาได้อย่างไรครับ”

 

 

เผยอวี้เฉิงไม่ตอบ ดวงตาซึ่งดำทะมึนราวกับถ้ำอันมืดมิดนั้นกวาดมองใบหน้าเผยหนานซวี่แวบหนึ่ง จากนั้นก็รับน้ำมะนาวที่หนานซวี่ส่งให้ด้วยท่าทีไม่แยแส

 

 

ทว่าชั่วพริบตาที่เผยอวี้เฉิงรับแก้วโปร่งแสงใบนั้น อยู่ในมือเขาก็ระเบิดแตกทันที เศษแก้วร่วงหล่นเต็มพื้น

 

 

เหมือนว่าเขาควบคุมพลังไม่ได้เลย…

 

 

เผยหนานซวี่ตกใจ นิ้วถูกเศษแก้วบาดเป็นรอยเลือดหลายรอย

 

 

และขณะเดียวกัน ชั่วพริบตาที่แก้วระเบิดแตก แรงดันอากาศทั่วทั้งห้องรับรองพิเศษสองชั้นพลันบีบอัดจนถึงระดับที่ค่อนข้างน่าหวาดกลัว

 

 

ทุกคนพลันขดตัวอยู่ที่มุมห้องพร้อมกัน

 

 

ความเอื่อยเฉื่อยที่อยู่บนใบหน้าฉินฮวนแปรเปลี่ยนไปทันที เผยสีหน้าราวกับเจอศัตรูตัวฉกาจ “แย่แล้ว! สภาพของลูกพี่ผิดปกติจริงๆ ด้วย! พับผ่าสิ! เสี่ยวซิง ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามนายปากอีกาน่ะ!”

 

 

ซิงเฉินรู้สึกลนลานบ้างแล้วเช่นกัน เขาโยนอมยิ้มที่อยู่ในปากทิ้งไป พูดกดเสียงต่ำออกมาว่า “นี่พี่อวี้ไปโดนอะไรกระตุ้นมา ก่อนหน้านี้ยังอารมณ์ดีมากอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ค่าก็เสถียรมาตลอดนี่นา! สะ…สภาพนี้ทำไมเหมือนถึงขั้นวิกฤติแล้วล่ะ…”

 

 

เสียงทางด้านซิงเฉินเพิ่งดังขึ้น นาฬิกาข้อมือสีเงินที่อยู่บนข้อมือเผยอวี้เฉิงเรือนนั้นพลันเริ่มส่งเสียงเตือนอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

 

 

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

 

 

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

 

 

เสียงนั้นดังอยู่ในห้องรับรองพิเศษราวกับยันต์เร่งความตาย

 

 

“นี่มันเสียงอะไร นาฬิกาปลุกของใครดังเนี่ย” เผยอวี่ถังถูกพี่ใหญ่ทำให้ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน พอได้ยินเสียงที่ดังโดดออกมาแบบนี้จึงเอ่ยถามตะกุกตะกัก

 

 

ฉินฮวนมองเขาอย่างอับจนคำพูด “นาฬิกาปลุกอะไรกันล่ะครับ คุณชายสาม นั่นมันเครื่องตรวจจับพลังชีวิต ค่าทางกายภาพทุกค่าของพี่อวี้พุ่งพรวดกะทันหัน เกือบจะทะลุจึดวิกฤติที่ทนรับได้แล้ว!”

 

 

“ตั้งสองปีแล้ว ปกติมาตลอด ก่อนหน้านี้อันตรายเสียขนาดนั้นก็ยังผ่านไปได้ ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ…” เผยหนานซวี่ไม่สนใจแผลที่อยู่บนมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน

 

 

ซิงเฉินหยิบหมอนข้างขึ้นมาใบหนึ่งพร้อมกอดไว้ในอก พูดหน้าตาละห้อย “ผมบอกแล้วไงว่าตอนพี่อวี้สงบนิ่งน่ากลัวยิ่งกว่า! แต่พวกคุณก็ไม่เชื่อ แถมยังพูดว่าผมปากอีกาอีกด้วย! ร่างกายเขาไม่ได้เสถียรจริงๆ แต่เขากำลังฝืนสะกดกลั้นตัวเองอยู่เท่านั้น กดมาสองปีเต็มๆ ในที่สุดก็ถึงวันที่กดไว้ไม่อยู่แล้ว…”

 

 

ฉินฮวนเดินวนไปเวียนมาด้วยความร้อนใจ “นี่มันไม่ถูกนะ! ก่อนหน้านี้พี่อวี้เริ่มต้นใหม่กับหลินเยียนแล้วไม่ใช่เหรอ จำนวนครั้งในการเจอกันก็ไม่น้อย! หลินเยียนดีกว่าโอสถเซียนยาวิเศษตั้งเท่าไหร่! มีสเตบิไลเซอร์อย่างเธอคนนี้อยู่ในมือ ทำไมถึงกดไม่อยู่”

 

 

ซิงเฉิน “หรือว่า… ‘สเตบิไลเซอร์’ จะมีปัญหา?”