ตอนที่ 221 “สเตบิไลเซอร์” หยุดงาน / ตอนที่ 222 พายุตั้งเค้า

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 221 “สเตบิไลเซอร์” หยุดงาน

 

 

เผยอวี้เฉิงกวาดตามองมาด้วยท่าทีเหมือนจะหนวกหูเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ ของทุกคน

 

 

ทุกคนเงียบเสียงทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

 

 

“ให้เฉิงมั่วมาหาฉัน”

 

 

พอเผยอวี้เฉิงพูดประโยคนี้จบก็ขึ้นชั้นสอง

 

 

เสียงเตือนของนาฬิกาข้อมือดังมาจากข้างบน ดังไม่หยุดมาตลอด ซ้ำยังมีแนวโน้มว่าจะเร่งเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย…

 

 

ฉินฮวนรีบติดต่อให้เฉิงมั่วมา

 

 

ส่วนใบหน้าจี้หลานมีแต่ความร้อนรน เขาจ้องมองทุกคนด้วยความโมโห “พวกนายมัวอึ้งอะไรอยู่! ยังไม่รีบตามหมอมาอีก!”

 

 

ฉินฮวนแบมือพร้อมพูดอย่างจนปัญญา “เสียทีที่อยู่ข้างพี่อวี้มานานหลายปีขนาดนี้ นายเห็นสถานการณ์แบบนี้ครั้งแรกหรือไง? ผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอ ศาสตราจารย์ระดับสุดยอดตั้งเยอะแยะขนาดนั้น หลายปีนี้ทุ่มเงินลงทุนไปก้อนแล้วก้อนเล่าเพื่อสนับสนุนให้พวกเขาทำการวิจัย แต่กลับหาวิธีที่มีประสิทธิภาพไม่ได้สักนิดเดียว อย่าว่าแต่หมอเลย ต่อให้เจ้าสวรรค์มาเองก็ไม่มีประโยชน์!”

 

 

จี้หลานกัดฟันกรอด พูดออกมาว่า “อย่างนั้นก็จับตัวผู้หญิงคนนั้นมา!”

 

 

ฉินฮวนพอได้ยินก็หดคอด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ไม่มีคำสั่งของพี่อวี้ ใครจะกล้าล่ะ?”

 

 

ซิงเฉินเครียดจนควักอมยิ้มออกมาอีกแท่ง พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ฉันคิดเหมือนกัน ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดก็คืออย่าให้เธอมา จากสัญชาตญาณของฉัน สเตบิไลเซอร์น่าจะเกิดปัญหาเสียแปดสิบเปอร์เซ็นต์…”

 

 

เผยหนานซวี่ที่อยู่ด้านข้างไม่รู้นึกเรื่องอะไรออก พูดด้วยความไม่แน่ใจออกมาว่า “เมื่อคืนฉันให้หลินเยียนโทรหาพี่ใหญ่ แถมยังบอกเธอโดยไม่ทันคิดออกไปว่าคืนนี้จะนัดเจอพี่ใหญ่ก็ได้…ไม่แน่คืนนี้พี่ใหญ่ไปอาจไปเจอหลินเยียน…”

 

 

ซิงเฉินได้ยินประโยคนี้ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาทันที “คืนนี้พี่อวี้จะไปเจอหลินเยียน? อย่างนั้นฉันขอพนันด้วยอมยิ้มแท่งหนึ่ง สเตบิไลเซอร์ต้องเกิดปัญหาร้อยเปอร์เซ็นต์”

 

 

“แต่จะไม่ทำอะไรแบบนี้เลยก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีวิธี สรุปแล้วตอนนี้ให้เรียกผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดมาก่อน จากนั้นฉันจะไปแจ้งคุณพ่อ…” เผยหนานซวี่พูด

 

 

จี้หลานสีหน้าเคร่งขรึม “ครับ เมื่อกี้ผมโทรไปแล้ว คนที่อยู่ประเทศ M ทางนั้นก็ติดต่อไปแล้วเหมือนกัน”

 

 

 

 

อพาร์ตเมนต์ลำน้ำเมเปิ้ล

 

 

หลังจากหลินเยียนกลับถึงอพาร์ตเมนต์สภาวะทางอารมณ์ก็ไม่ค่อยดีมาตลอด ปวดหัวเหมือนจะปริแตก สมองเจ็บปวดราวกับมีเข็มทิ่มแทงอย่างนั้น

 

 

เธอนอนอยู่บนเตียง การนอนครั้งนี้หลับไปจนถึงคืนวันต่อมา

 

 

และในเวลานี้ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

 

 

วังจิ่งหยางยืนอยู่ตรงประตู กำลังจะเอ่ยปากพูด พอเห็นเธอสีหน้าก็เปลี่ยนไป “ทำไมสีหน้าเธอถึงแย่ขนาดนี้? ถูกแอนตี้แฟนล้อมอีกแล้วเหรอ?”

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

แอนตี้แฟนร้อยล้านคนก็สู้พลังทำลายล้างของเผยอวี้เฉิงคนเดียวไม่ได้

 

 

“เข้ามาเถอะ มาหาฉันมีธุระอะไร?” หลินเยียนนวดหน้าผาก

 

 

“ไม่มีธุระแล้วมาหาเธอไม่ได้เหรอ? หลายวันนี้เธอออกไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็มืดค่ำตลอด หลังจากย้ายมาก็เจอเธอแค่ไม่กี่ครั้ง น้ำเสียงวังจิ่งหยางแฝงการตัดพ้อเล็กน้อย หลินเยียนกลอกตาค้อนเขาครั้งหนึ่ง “ฉันจะหาเงิน ไม่มีเวลามาขลุกอยู่กับนาย”

 

 

วังจิ่งหยางพูดพึมพำ “ฉันว่า…เธออยู่ตัวคนเดียวลำบากมากขนาดนี้…ไม่สู้…ไม่สู้หาแฟนสักคนเถอะนะ…”

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

เหอะๆ เธอหาแล้ว

 

 

ไม่ใช่แค่หา แถมยังหาได้และเลิกกันไปแล้วด้วย

 

 

ถึงแม้เหมือนจะเลิกไม่สำเร็จก็ตามที

 

 

“หลินเยียน…ฉันว่า…” วังจิ่งหยางมองหลินเยียน ท่าทางอ้ำอึ้ง

 

 

“ว่าๆๆ ว่ากับผีน่ะสิ ตัวเองก็เป็นหมาโสด ยังมีหน้ามาพูดเรื่องคนอื่นอีก” หลินเยียนเหล่มองวังจิ่งหยาง นี่เขานับว่าวิ่ง 50 ก้าวหัวเราะเยาะวิ่ง 100 ก้าวหรือเปล่านะ?

 

 

เมื่อคืนวานเพิ่งจะเลิกกับเผยอวี้เฉิง เธอกำลังหงุดหงิดอยู่พอดี แล้วจะมีอารมณ์พูดจาไร้สาระกับวังจิ่ง

 

 

หยางได้อย่างไร เรื่องเป็นกองพะเรอของตัวเองยังจัดการไม่ได้เลย

 

 

“ฉันมีธุระ จะออกไปข้างนอก ดึกหน่อยค่อยคุยกัน” พูดจบหลินเยียนก็หมุนตัวแล้วไปออกจากอพาร์ตเมนต์

 

 

“เธอเป็นหมาโสด ฉันก็เป็นหมาโสด…หนึ่งบวกหนึ่งไม่เท่ากับสองเหรอ?!” เมื่อเห็นหลินเยียนจากไปแล้ว วังจิ่งหยางก็พูดพึมพำอยู่ภายในห้อง

 

 

 

 

ตอนที่ 222 พายุตั้งเค้า

 

 

อีกไม่นานทีมแข่งรถของคุณตาก็จะเข้าร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์แล้ว หลินเยียนฉวยโอกาสในช่วงสุดท้าย เธอจำเป็นต้องทำความเข้าใจกฎระเบียบให้ชัดเจนเสียก่อน

 

 

ความผิดพลาดจากการถูกความรักกับผู้ชายครอบงำชีวิต และความรู้สึกอะไรนี่ด้วย เธอจะไม่ทำผิดซ้ำสองอีก

 

 

ส่วนคำพูดที่เผยอวี้เฉิงพูดเมื่อวาน ขอเพียงเธอยืนกรานไม่ยอมรับปากก็จบแล้ว

 

 

พอออกมาหลินเยียนก็เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งไปยังที่อยู่ของแม่

 

 

หลินเยียนเคาะประตู เมื่อผ่านไปราวหลายสิบวินาทีถึงจะมีเสียงแว่วออกมาจากในบ้าน

 

 

ประตูเปิดเสียงดังเอี๊ยดครั้งหนึ่ง เฮ่อมู่อวิ๋นยืนอยู่หน้าประตู

 

 

“เสี่ยวเยียน ลูกมาได้อย่างไรน่ะ” เฮ่อมู่อวิ๋นมองหลินเยียนด้วยสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าหลินเยียนจะมาอย่างกะทันหัน

 

 

“แม่ แม่เป็นอะไรคะ” สัมผัสได้อย่างเฉียบไวว่าเฮ่อมู่อวิ๋นผู้เป็นมารดามีสีหน้าผิดปกติเล็กน้อย หลินเยียนจึงขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถาม

 

 

“ไม่มีอะไร…แม่สบายดีมาก” เฮ่อมู่อวิ๋นอมยิ้มที่มุมปาก ส่ายหน้าพร้อมตอบคำถาม ทว่าสีหน้ากลับเหมือนจงใจปิดบังอะไรบางอย่าง

 

 

“แม่ เกิดเรื่องอะไรกันแน่คะ” หลินเยียนจะไม่เข้าใจมารดาของตัวเองได้อย่างไร เฮ่อมู่อวิ๋นเป็นแบบนี้ต้องมีความในใจแน่นอน

 

 

“คงไม่ใช่เพราะ…คุณอาเซี่ยเจิงหรอกนะคะ…” หลินเยียนมองเฮ่อมู่อวิ๋น ถามโดยแฝงความนัยลึกซึ้ง

 

 

เมื่อได้ยินคำถามของหลินเยียน เฮ่อมู่อวิ๋นก็ขมวดคิ้วทันที “เสี่ยวเยียน อย่าพูดเหลวไหล”

 

 

เมื่อเห็นหลินเยียนมีท่าทีว่าจะสืบสาวราวเรื่องจนถึงที่สุด แถมเฮ่อมู่อวิ๋นก็ไม่อาจต้านทานการถามไม่รู้จักจบจักสิ้นของหลินเยียน อีกทั้งรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วหลินเยียนก็ต้องรู้อยู่ดี สุดท้ายจึงได้แต่ตอบไปตามความเป็นจริง “เพราะบ้านหลังนี้กำลังจะถูกรื้อแล้ว…”

 

 

“หา ถูกรื้อ?!”

 

 

ทันใดนั้นสีหน้าของหลินเยียนก็แสดงความตื่นเต้นออกมาเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด “คุณแม่ อย่างนั้นก็ดีมากเลยนะคะ จะรื้อเมื่อไหร่ ต้องให้หนูมาช่วยหรือเปล่า!”

 

 

เฮ่อมู่อวิ๋น “…”

 

 

“เสี่ยวเยียน บ้านหลังนี้ยังมีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์บางอย่าง ดังนั้นพอรื้อแล้ว จะไม่ได้เงินชดใช้สักแดงเดียว” เฮ่อมู่อวิ๋นอธิบาย

 

 

“หา?” หลินเยียนอึ้ง

 

 

“ไม่ใช่แค่เรื่องรื้อบ้านนะ… ยังมีเรื่องบริษัทคุณอาเซี่ยของลูกอีก เหมือนว่าจะเกิดปัญหาอะไรบางอย่าง วันนี้เขามาหาแม่ แม่เห็นเขาเอาแต่ยืนอยู่ชั้นล่าง สีหน้าดูไปแล้วก็แย่มาก แม่เลยถามไปหลายอย่าง”

 

 

“บริษัทของคุณอาเซี่ยเป็นอะไรไปคะ” หลินเยียนรีบถาม

 

 

“เดิมทีเขาบอกว่าดีแล้ว ได้เงินทุนมาหมุนจากเพื่อนจำนวนหนึ่ง แต่ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ เพื่อนคนนั้นก็กลับคำ…”

 

 

เฮ่อมู่อวิ๋นถอนหายใจ “ยังมีทีมแข่งรถของคุณตาลูกอีก ถูกกีดกันและกดขี่อย่างน่าประหลาด เกรงว่าการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ก็ไปไม่ได้แล้ว…ถูกยกเลิกได้ทุกเมื่อ”

 

 

“ทำไมคะ”

 

 

เมื่อฟังเฮ่อมู่อวิ๋นผู้เป็นมารดาพูดจบ สีหน้าหลินเยียนก็เปลี่ยนไปในทันที ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ

 

 

“เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่คะ” หลินเยียนถาม

 

 

“เพิ่งรู้วันนี้ตอนเช้าหมดเลย” เฮ่อมู่อวิ๋นตอบ

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

ภายในช่วงเวลาอันสั้นแค่คืนเดียว เรื่องราวตั้งมากมายขนาดนี้ประเดประดังมาพร้อมกันได้อย่างไร แถมยังเป็นคนข้างตัวทั้งหมดอีกด้วย

 

 

“เสี่ยวเยียน คุณตาของลูกกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้ การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ทีมแข่งรถที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันต่อจากนี้เป็นความยึดมั่นและศักดิ์ศรีสุดท้ายของคุณตา ถ้าแม้แต่ทัวร์นาเมนต์ก็ยังเข้าแข่งไม่ได้ ทีมแข่งรถก็คงถูกยุบ แม่กลัวว่า…จะสร้างความสะเทือนใจให้คุณตาของลูกมากเกินไป” ใบหน้าเฮ่อมู่อวิ๋นเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

 

 

ที่จริงแล้วปัญหาเรื่องบ้านถูกรื้อกับข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์นั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเฮ่อมู่อวิ๋น สิ่งสำคัญก็คือเป็นห่วงฝั่งคุณตาของหลินเยียนมากกว่า

 

 

“แม่ หนูเข้าใจค่ะ อีกอย่าง ฝั่งคุณอาเซี่ยเจิงทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ” หลินเยียนสีหน้าหนักอึ้งเอ่ยถามเฮ่อมู่อวิ๋น

 

 

“สถานการณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ ถ้าอุดรอยรั่วด้านเงินทุนไม่ได้ บริษัทอาจมีความเสี่ยงว่าจะล้มละลาย” เฮ่อมู่อวิ๋นตอบ