ตอนที่ 223 เมียอาละวาดแล้วทำอย่างไรดี? / ตอนที่ 224 มีอะไรไม่กล้า?

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 223 เมียอาละวาดแล้วทำอย่างไรดี?

 

 

เรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นช่วงเช้าของวันนี้

 

 

เมื่อบวกกับคำพูดที่เผยอวี้เฉิงพูดเมื่อคืนพวกนั้น เป็นไปไม่ได้ที่หลินเยียนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

มิน่าตอนนั้นเผยอวี้เฉิงถึงได้เชื่อมั่นและมั่นใจว่าเธอจะตกลง

 

 

เธอนึกว่าอย่างมากเพราะถูกบอกเลิก เผยอวี้เฉิงถึงพูดคำพูดพวกนั้นออกมาด้วยความโมโห ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขากลับทำจนถึงขั้นนี้ได้

 

 

ไม่ใช่แค่สอดมือยุ่งเรื่องของเธอ เพื่อทำให้เธอยอมจำนน กลับไม่ลังเลที่จะลงมือกับคนรอบตัวเธอ

 

 

หลินเยียนเกิดความรู้สึกรังเกียจและปฏิเสธอย่างรุนแรงสุดๆ ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ รวมถึงความหวาดกลัวซึ่งฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว…

 

 

“เสี่ยวเยียน…เสี่ยวเยียน…ลูกไม่เป็นอะไรนะ? ที่แม่ไม่อยากบอกลูก เพราะกลัวว่าลูกจะกังวล…” เฮ่อมู่อวิ๋นถามด้วยสีหน้ากังวล

 

 

หลินเยียนรีบดึงสติกลับมา ยิ้มพลางเอ่ยปากพูดกับมารดา “แม่คะ หนูไม่เป็นอะไร ใช่แล้ว หนูยังมีธุระบางอย่างที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะคะ”

 

 

“ได้ๆๆๆ ลูกไปทำธุระของลูกเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องของที่บ้านนะ!”

 

 

“ได้ค่ะ คุณแม่”

 

 

 

 

แทบจะชั่วเสี้ยววินาทีที่หลินเยียนย่างเท้าออกจากประตูบ้าน สีหน้าก็เย็นชาลงทันที

 

 

นิสัยขี้โมโหเล็กๆ ของเธอถูกจุดติดพรึ่บภายในชั่วพริบตา

 

 

เผยอวี้เฉิง!

 

 

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเผยอวี้เฉิงกลับเป็นคนแบบนี้ได้

 

 

ทั้งที่เป็นคนสมบูรณ์พร้อมมากขนาดนั้น ดีพร้อมมากขนาดนั้นแท้ๆ …

 

 

ความรู้สึกนี้ไม่ใช่แค่หวาดกลัวและรังเกียจเท่านั้น แต่ยัง…ผิดหวังอีกด้วย…

 

 

เหมือนพระจันทร์ที่สว่างไสวที่ใจเฝ้าถวิลหา ทว่าโฉมหน้าที่แท้จริงกลับเป็นโคลนตมที่สกปรกโสมม

 

 

ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้มันคืออะไร? หรือจะเป็นการเสแสร้งของเขาอย่างนั้นเหรอ?

 

 

เพิ่งลงมาจากตึก หลินเยียนก็โทรหาเผยอวี้เฉิงทันที

 

 

แทบจะชั่วเสี้ยววินาทีที่เธอกดโทร ทางนั้นก็รับสายทันที

 

 

จากนั้นไม่รอให้เธอเอ่ยปาก ปลายสายทางนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายแว่วมาว่า “บาร์ SE”

 

 

เสียงนั้นไม่ได้อบอุ่นและกระจ่างใสเหมือนตอนปกติ ราวกับน้ำแข็งอันเย็นเฉียบที่ร่วงหล่นลงไปในหุบเหวลึก

 

 

ฝ่ายชายบอกที่อยู่ทันที จากนั้นก็ตัดสายไปเลย

 

 

หลินเยียนจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่ถูกตัดสายไป เพราะเผยอวี้เฉิงมีท่าทีแบบนี้ เพลิงโทสะจึงยิ่งมีมากขึ้นทันที

 

 

นี่กำลังข่มขู่เธออยู่ชัดๆ !

 

 

หลินเยียนถอนหายใจลึกครั้งหนึ่ง สะกดกลั้นเพลิงโทสะเอาไว้ จากนั้นก็ขับรถไปยังที่อยู่ที่เผยอวี้เฉิงบอกไว้ทันที

 

 

ที่ตั้งของไนต์คลับแห่งนี้เปลี่ยวมาก อยู่ภายในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ประตูใหญ่ก็มีสนิมเขรอะเต็มไปหมด บนป้ายเขียนคำว่า ‘Seabed’ คนที่ไม่รู้ยังนึกว่าเป็นโกดังร้างเสียด้วยซ้ำ

 

 

แต่พอเปิดประตู ข้างในกลับต่างราวกับฟ้ากับดิน

 

 

น่าจะเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน ในบาร์จึงไม่มีใครเลยสักคน

 

 

หลินเยียนเพิ่งเดินเข้าไปก็มองเห็นชายหนุ่มที่คุ้นเคยคนหนึ่ง สวมชุดสูทสีดำเป็นระเบียบร้อยทั้งตัวกำลังรอคอยอยู่ตรงนั้น

 

 

ครั้งก่อนเคยเห็นคนคนนี้ที่บ้านพักตากอากาศของเผยอวี้เฉิง เหมือนจะเป็นผู้ช่วยของเผยอวี้เฉิงชื่อเฉิงมั่ว

 

 

พอเฉิงมั่วเห็นหลินเยียน ก็แสดงท่าทีมีมารยาทและเคารพนบนอบ “คุณหลิน เชิญทางนี้ครับ”

 

 

หลินเยียนสีหน้าเย็นชา ตามขึ้นไปพร้อมเพลิงโทสะด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

บ้าเอ๊ย!

 

 

หลังจากหันอี้เซวียนคราวนั้น เธอก็สาบานว่าจะทุ่มเทหาเงิน ไม่เข้ามาอยู่ในวังวนของความรักชายหญิงพวกนี้อีกต่อไป คิดไม่ถึงว่าเพิ่งผ่านมาได้ไม่นานกลับถูกความหล่อทำร้ายจนถึงขั้นนี้ได้

 

 

และคราวนี้ยังทำให้เธอเดือดดาลยิ่งกว่าหันอี้เซวียนคราวนั้นเสียอีก!

 

 

แตะต้องเธอน่ะได้ แต่แตะต้องคนของเธอไม่ได้เด็ดขาด! นี่คือขีดจำกัดของเธอ!

 

 

แถมยังคิดที่จะบีบให้เธอยอมจำนน บีบให้เธออ่อนข้อให้อีกหรือ?

 

 

ชีวิตนี้เธอไม่รู้จักว่า ‘อ่อนข้อ’ สองคำนี้เขียนอย่างไร!

 

 

ในพจนานุกรมของเธอมีแค่คำว่ายอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์!

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 224 มีอะไรไม่กล้า?

 

 

ไม่นานนักเฉิงมั่วก็พาหลินเยียนเดินเข้าไปในห้องพิเศษสองชั้นอันลึกลับห้องหนึ่ง

 

 

หลินเยียนยืนอยู่ที่ประตู กวาดสายตามองเข้าไปด้านในเล็กน้อย

 

 

เห็นว่าภายในห้องมืดมิดดูน่ากลัวนั้นตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์เรโทร ทว่าตอนนี้ชุดน้ำชาที่อยู่ภายในห้องพิเศษห้องนี้ล้วนปริแตก แจกันดอกไม้ก็แตก ภาพแขวนเอียงกระเท่เร่ ด้านข้างยังมีตู้และของตกแต่งสารพัดอย่างที่ล้มระเนระนาดอีกด้วย

 

 

ทั่วทั้งห้องพิเศษเรียกได้ว่าระเนระนาดไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น…

 

 

มีหนุ่มน้อยผมหยักศกคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ในปากของหนุ่มน้อยคาบอมยิ้มอยู่แท่งหนึ่ง

 

 

เด็กสาวซึ่งสวมชุดพอดีตัวสีดำมัดผมหางม้ากำลังเดินวนไปเวียนมาด้วยสีหน้าที่มีแต่ความร้อนใจ

 

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเอนพิงบันไดชั้นหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มแต่งกายพิถีพิถัน ไว้ผมยาวสีดำ ใช้ที่รัดผมซึ่งทำจากวัสดุโลหะอะไรไม่รู้มัดไว้อยู่ตรงท้ายทอย ในกระเป๋าเสื้อสูทสีแดงเข้มเสียบดอกทิวลิปสีขาวไว้ดอกหนึ่ง

 

 

เพียงแต่กลีบทิวลิปดอกนั้นถูกเด็ดจนเละเทะไปหมด หลงเหลือเพียงแค่ไม่กี่กลีบเท่านั้น

 

 

แทบจะเป็นชั่วเสี้ยววินาทีเดียวกับที่หลินเยียนเพิ่งก้าวเท้าเข้าไป คนทั้งสามพลันยืนตรงขึ้น มองขวับมาทางเธออย่างพร้อมเพรียง

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาวชุดดำที่อยู่กึ่งกลางคนนั้น สายตาที่มองมายังเธอเย็นเยียบเสียดกระดูกราวกับมีความแค้นอันยิ่งใหญ่อะไรกับเธออย่างนั้น

 

 

หลินเยียนไม่มีเวลาจะไปสนใจว่าสามคนนี้มาทำอะไร เอ่ยปากพูดกับเฉิงมั่วผู้นำทางซึ่งอยู่ด้านข้างทันที “เผยอวี้เฉิงล่ะ”

 

 

ไม่รอให้เฉิงมั่วเอ่ยปากพูด ทันใดนั้นคนคนหนึ่งก็พุ่งเฉียงออกมา บุกเข้าหาเธอด้วยความตื่นเต้นอย่างล้นเหลือ “พี่สะใภ้ใหญ่! พี่สะใภ้ใหญ่ พี่มาได้เสียทีนะ!”

 

 

เผยอวี่ถัง…

 

 

เมื่อเห็นเผยอวี่ถัง สีหน้าหลินเยียนถึงค่อยๆ อ่อนโยนลงไปอีกหลายส่วน “คุณชายสาม”

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่”

 

 

ไม่รอให้เผยอวี่ถังพูดจบ หลินเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูดตัดบทเขา “คุณชายสาม เธอเรียกชื่อฉันดีกว่านะ”

 

 

“เอ่อ ทำไมล่ะ” เผยอวี่ถังเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีแปลกๆ

 

 

ขณะนี้เองเผยหนานซวี่ก็เดินเข้ามา สีหน้าเผยหนานซวี่ดูเหมือนจะเหนื่อยล้ามากเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นหลินเยียนก็เอ่ยปากไต่ถามด้วยความร้อนใจทันที “คุณหลิน เมื่อคืนคุณได้เจอกับพี่ชายผมหรือเปล่า ขอถามละลาบละล้วงสักคำหนึ่ง เมื่อคืน……เกิดอะไรขึ้นใช่หรือเปล่า”

 

 

“ฉันเลิกกับพี่ชายคุณแล้ว” หลินเยียนเอ่ยปากพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

พอได้ยินคำพูดของหลินเยียน เผยหนานซวี่ก็หน้าเปลี่ยนสีในบัดดล

 

 

เผยอวี่ถังตาโตอ้าปากค้างเช่นกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมา “พะ…พี่พูดอะไรน่ะ! พี่เลิกกับพี่ใหญ่ของผมแล้ว!”

 

 

ไม่เพียงแค่เผยอวี่ถัง คนที่อยู่ในห้องต่างหน้าเปลี่ยนสีกันหมดเช่นเดียวกัน

 

 

ฉินฮวนกุมหน้าผากอย่างเงียบๆ “พับผ่าสิ…มิน่าล่ะ…”

 

 

ซิงเฉินกัดอมยิ้มไปด้วย ยักไหล่พร้อมพูด “ฉันก็บอกแล้วไงว่าสเตบิไลเซอร์เกิดปัญหาน่ะ เป็นยังไง! พวกนายติดอมยิ้มฉันแท่งนึงนะ!”

 

 

จี้หลานในชุดสีดำทั้งตัวเมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็ดำทะมึนเสียจนหยดออกมาเป็นน้ำได้ สาวเท้ายาวๆ ไปตรงหน้าหลินเยียนทันที

 

 

ชั่วพริบตาที่เด็กสาวเข้ามาใกล้ หลินเยียนก็สัมผัสถึงแรงกดดันและความอันตรายมหาศาลได้ทันที

 

 

“หลินเยียน! เธอกล้าได้อย่างไร! เธอนึกว่าเธอเป็นตัวอะไร”

 

 

เมื่อได้ยินคำถามที่กระแทกหน้าอย่างจังของเด็กสาวคนนี้ หลินเยียนสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที หลุบตาลงพร้อมส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ ออกมา “เหอะ ไม่กล้า? ฉันกลับอยากจะถามสักหน่อยนะ… ฉันก็แค่บอกเลิกเอง มีอะไรให้ไม่กล้าด้วย ฉันจะเลิกกับใคร เป็นตัวอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ!”

 

 

“เธอ…” ไอเย็นยะเยือกรอบตัวจี้หลานพลันแผ่พุ่งออกมาจนปกคลุมไปทั่ว มือขวาประหนึ่งกรงเล็บอันแหลมคมขยุ้มเข้าหาลำคอของหลินเยียน