ตอนที่ 237 ฉันมีเงินของฉันเอง / ตอนที่ 238 เขาพาลเกลียดแม้กระทั่งคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเธอเพียงเล็กน้อย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 237 ฉันมีเงินของฉันเอง

 

 

ปลายสาย เสียงที่ทุ้มต่ำและเยือกเย็นของป๋อจิ่งชวนดังลอดออกมา

 

 

เฉินฝานซิงเปิดประตูห้องแต่งหน้า “ฉันอยู่ที่สถานีโทรทัศน์”

 

 

“ทำงานเหรอ”

 

 

“อืม วันนี้เช้ามีอัดรายการ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเงียบไปครู่หนึ่ง “ตอนบ่ายล่ะ”

 

 

“ตอนบ่ายจะไปเดินช้อปปิ้งกับชิงจือ”

 

 

“เพราะอย่างนี้ นานทีๆ จะได้หยุดสุดสัปดาห์ คุณปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวงั้นเหรอ”

 

 

น้ำเสียงของป๋อจิ่งชวนแฝงไปด้วยความแข็งกร้าว นี่ทำให้เฉินฝานซิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

 

 

นี่โกรธอีกแล้วเหรอ

 

 

“ตอนเย็นฉันจะรีบกลับไปทำอาหารค่ำให้คุณ ดีไหม”

 

 

ป๋อจิ่งชวนได้ยินน้ำเสียงที่ระแวดระวังของหญิงสาวก็ยกยิ้มมุกปากออกมาด้วยความพอใจ

 

 

“ก็ได้ ให้โอกาสคุณได้ชดเชยแล้วกัน”

 

 

เฉินฝานซิง “…”

 

 

“เดี๋ยวผมจะให้อวี๋ซงเอาบัตรไปให้คุณ ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย”

 

 

ความจริงแล้ว ยิ่งเป็นคนมีเงิน ของที่อยากได้กลับยิ่งน้อย

 

 

เพราะว่าของรุ่นลิมิเต็ด ของแบรนด์เนม รถหรู บ้านหลังใหญ่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาอย่างง่ายดายเพียงแค่ดีดนิ้ว จึงไม่มีคุณค่าพอที่จะต้องไปไล่ไขว่คว้ามา

 

 

เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งก็ได้มาแล้ว

 

 

แต่ไหนแต่ไร ป๋อจิ่งชวนไม่เคยใส่ใจเรื่องเงินพวกนี้เลย

 

 

ส่วนเฉินฝานซิงก็อยู่ตัวคนเดียวจนชินแล้ว ไม่ใช่คนที่ฟุ้งเฟ้ออะไร ขาดอะไรก็ซื้ออย่างนั้น แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองยากจนข้นแค้น จึงเป็นอีกคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองอีกเช่นกัน

 

 

ดังนั้น เมื่อคนที่ไม่เคยให้ค่ากับเรื่องเงินทองสองคนมายู่ด้วยกัน เรื่องทรัพย์สินเงินทองจึงไม่ได้เป็นหัวข้อพูดคุยระหว่างพวกเขาทั้งคู่มาโดยตลอด

 

 

แต่ตอนนี้ เรื่องนี้กลายมาเป็นปัญหาแล้ว

 

 

ป๋อจิ่งชวนนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเฉินฝานซิงจะพึ่งพาเขาได้อย่างเต็มที่

 

 

เมื่อเฉินฝานซิงได้พบเจอกับปัญหานี้ตรงหน้า ก็อึ้งไปชั่วขณะ

 

 

เงินทองของแบบนี้…

 

 

“ฉันอยากปฏิเสธ ฉันมีเงินของฉันเอง”

 

 

“อืม”

 

 

 เฉินฝานซิงรู้สึกตกใจไม่น้อย นานๆ ครั้งที่ป๋องจิ่งชวนจะว่าง่ายอย่างวันนี้

 

 

“งั้นก็ดี ฉันไปทำงานต่อแล้ว สุดสัปดาห์ที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆ แบบนี้ คุณก็จะพักผ่อนให้เต็มที่ก็ได้ หรืออาจจะออกไปดื่มกับเพื่อนสักแก้วก็ดี”

 

 

ป๋อจิ่งชวนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาเพียงหนึ่งพยางค์สั้นๆ ปิดท้ายอีกตามเคย

 

 

 

 

หลังจากวางสาย เฉินฝานซิงถึงกับต้องถอนหายใจ ได้แต่คิดว่าว่าคืนนี้จะต้องเอาอกเอาใจผู้ชายคนนี้ยังไงอีกดี

 

 

แต่หลังจากที่เธอเพิ่งจะเก็บโทรศัพท์ไป ทางเดินของห้องแต่งหน้าก็มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน

 

 

เหยียนซู่เอ๋อร์ เซเลปสาวอยู่ในชุดเดรสทรงสอบเข้ารูปปลายพลิ้วที่ซับในด้วยผิวขาวดุจหิมะของเธอเอง ผมยาวสลวยถูกม้วนเอาไว้หลวมๆ ประดับต่างหูไข่มุกที่เรียงเป็นดอกไม้แบบง่ายๆ คู่หนึ่ง การแต่งกายที่เรียบง่ายแต่ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

 

 

แขนเรียวยาวขาวเนียนของเธอกำลังควงแขนของชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาดูสง่า ความเงียบไม่พูดไม่จาของชายหนุ่มทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสุขุมนุ่มลึกแต่ก็เย็นชา

 

 

ใบหน้าของเหลียงซู่เอ๋อร์ถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ดูพอเหมาะพอดี เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความพอใจและความสุข

 

 

เฉินฝานซิงเบะริมฝีปาก แต่ทว่าดวงตาดำทมิฬของเขากลับค่อยๆ แหงนขึ้นมาช้าๆ จวบจนสายตาของเขามาหยุดลงตรงใบหน้าของเฉินฝานซิงพอดี ทำให้เห็นท่าท่างที่กำลังเบ้ปากของเธอได้อย่างชัดเจน

 

 

สีหน้าเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ลึกล้ำจนยากจะเข้าใจ

 

 

เหลียงซู่เอ๋อร์ไม่คิดว่าลี่ถิงเซินจะหยุดฝีเท้า อีกทั้งยังหยุดอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนหนึ่งด้วย

 

 

เธอหันไปมองเฉินฝานซิงด้วยท่าทางระวังตัวปราดหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามกับลี่ถิงเซิน “มีอะไรเหรอคะ ถิงเซิน”

 

 

ลี่ถิงเซินยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แม้แต่ลึกลงในดวงตาของเขาก็ฉายประกายเจ้าเล่ห์ออกมาด้วย ก่อนจะพูดยิ้มๆ ด้วยท่าทางสนิทสนม “เจอรุ่นน้องที่โรงเรียนก็ต้องทักทายกันสักหน่อยสิ”

 

 

เพื่อนเก่าสมัยเรียนอีกแล้ว

 

 

ทำไมถึงได้รู้สึกว่า งานเลี้ยงฉลองของมหาวิทยาลัยที่กำลังจะจัดช่วงนี้ทำให้เหล่า “เพื่อนเก่า” ที่จมหายไปใต้ท้องทะเลลึกมานานถูกซัดขึ้นมาพร้อมกันในชั่วพริบตาแบบนี้ล่ะ

 

 

 

 

 

ตอนที่ 238 เขาพาลเกลียดแม้กระทั่งคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเธอเพียงเล็กน้อย

 

 

ทำไมถึงได้รู้สึกว่า งานเลี้ยงฉลองของมหาวิทยาลัยที่กำลังจะจัดช่วงนี้ทำให้เหล่า “เพื่อนเก่า” ที่จมหายไปใต้ท้องทะเลลึกมานานถูกซัดขึ้นมาพร้อมกันในชั่วพริบตาแบบนี้ล่ะ

 

 

เฉินฝานซิงส่งรอยยิ้มเย็นชาไปให้เขา

 

 

“มาทำงานเหรอ” ลี่ถิงเซินถามเรียบๆ

 

 

“อืม นี่คุณผู้ชายลี่มาส่งแฟนทำงานเหรอ” น้ำเสียงของเฉินฝานซิงฟังดูแล้วมีนัยยะแฝงอย่างลึกซึ้งแบบยากที่จะสังเกตได้ คำแทนตัวที่เรียกว่า “คุณชายลี่” นั้นเป็นการดึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้ดูห่างเหินกันอย่างชัดเจน

 

 

ลี่ถิงเซินชำเลืองมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น

 

 

“อืม”

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้า “งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว”

 

 

เมื่อพูดจบ เธอก็เปิดประตูห้องแต่งหน้าที่อยู่ด้านหลังแล้วเดินเข้าไป

 

 

ลี่ถิงเซินทอดมองไปยังประตูที่ปิดสนิท รอยยิ้มตามมารยาทบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้ค่อยๆ เลือนหายไป ลึกลงไปในดวงตาเต็มไปด้วยเมฆหมอกทึบไร้ซึ่งอุณหภูมิ

 

 

“ถิงเซิน พวกเราไปกันเถอะค่ะ”

 

 

ท่าทางเฉยเมยของเฉินฝานซิงแสดงออกมาอย่างชัดเจน แน่นอนว่าเหลียงซู่เอ๋อร์ดูออก จึงทำให้ความต่อต้านภายในใจลดลงมาบ้าง

 

 

ลี่ถิงเซินพยักหน้า จากนั้นก็พาเธอไปส่งยังห้องแต่งหน้าส่วนตัว

 

 

เฉินฝานซิงกลับเข้าไปในห้องแต่งหน้า ฉู่อี้แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้กำกับกำลังยืนตักเตือนช่างแต่งหน้าอยู่ข้างๆ

 

 

 เฉินฝานซิงเหลือบไปมองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ปราดหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหยุดตรงหน้าฉู่อี้ เธอยืนพิงโต๊ะแต่งหน้า หันหน้าไปทางฉู่อี้เพื่อสำรวจใบหน้าของเขาอย่างละเอียด

 

 

“ใช้ได้”

 

 

“…”

 

 

ผู้กำกับกำลังยืนวางมาดตำหนิช่างแต่งหน้าอยู่ข้างๆ ทำให้สายตาของเฉินฝานซิงที่เหลือบไปเห็นฉายประกายแห่งความหมดความอดทน

 

 

“ผู้กำกับหยิ่น เมื่อกี้ ประธานลี่พาเหลียงซู่เอ๋อร์มาแล้ว”

 

 

“ประธานลี่มาแล้วเหรอ”

 

 

 เสียงตำหนิของผู้กำกับหยิ่นขาดหายไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปไปย้อนถามเฉินฝานซิงหนึ่งประโยคด้วยความตกใจ เฉินฝานซิงพยักหน้า ผู้กำกับหยิ่นกะพริบตาปริบๆ แล้วรีบเปิดประตูวิ่งออกไปด้วยความร้อนรน

 

 

แต่ไหนแต่ไรมาลี่ถิงเซินเป็นคนถ่อมตัวมาตลอด ชื่อเสียงของบริษัทไม่เป็นที่กล่าวถึงนักในสายตาคนนอก

 

 

แต่เพียงแค่เป็นคนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงยิ่งนานเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพบว่า คนที่กุมอำนาจทั้งหมดของวงการบันเทิงไว้ในมือที่แท้จริงคือใคร

 

 

รูปร่างหน้าตาสะสวย วิธีการเด็ดขาด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน

 

 

รุ่นน้อง?

 

 

สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือการเจอหน้ากับรุ่นน้อง

 

 

โดยเฉพาะรุ่นน้องที่อยู่ปีเดียวกัน คณะเดียวกัน ห้องเดียวกันกับผู้หญิงคนนั้นอย่างเฉินฝานซิง

 

 

เธอไม่นับว่าเป็นเพื่อนเก่าคุ้นเคยในกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เฉินเชียนโหรวย้ายเข้ามาในมหาวิทยาลัย T สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายระหว่างกลุ่มเพื่อนทั้งหมดที่เธอคบหาก่อนหน้านี้ ชีวิตในมหาวิทยาลัยของเฉินฝานซิงก็ยิ่งเละเป็นไม่ท่า

 

 

ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเธอ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็ไม่อาจเข้าหาใครก่อนเช่นกัน

 

 

นอกจากชิงจือ กลับมีคนอีกประเภทอยู่ด้วย

 

 

ซึ่งมักจะคอยปรากฏตัวอยู่ข้างเธอ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น

 

 

ผู้หญิงคนนั้น ดีกับทุกคน แต่กลับไม่ยอมคบใครเป็นเพื่อน เธอมักทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่คิดอะไรมาก ยโสโอหัง เชื่อมั่นในการกระทำของตัวเอง

 

 

เย่ชิงชิว

 

 

นิสัยของเธอไม่เหมาะกับชื่อที่ฟังดู่อ่อนโยนและสง่างามชื่อนี้เลยสักนิด

 

 

แต่ก็ทำให้จดจำไปทั้งชีวิต

 

 

ลี่ถิงเซินเกลียดผู้หญิงที่ชื่อเย่ชิงชิวคนนั้น

 

 

เกลียดจนพาลเกลียดคนรอบข้างที่ปฏิสัมพันธ์กับเธอเพียงเล็กน้อยไปด้วย

 

 

เธอไม่ได้เป็นเพื่อนกับเย่ชิงชิว ไม่สนิทกัน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากที่พ่อเธอเสียไปไม่นานก็ถูกจับตัวเข้าคุกไป

 

 

เฉินฝานซิงส่ายหน้า เธอยืนอยู่ด้านล่างเวทีมองดูฉู่อี้ที่กำลังปั้นหน้าอัดรายารอยู่บนเวที

 

 

“คุณหนูเฉิน”

 

 

จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมจากด้านหลัง เฉินฝานซิงหันกลับไป ก็ได้เจอกับอวี๋ซงที่กำลังยืนส่งยิ้มอยู่ด้านข้างตัวเองโดยที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน

 

 

“ผู้ช่วยอวี๋ คุณ…”

 

 

เฉินฝานซิงนิ่งไป ดูเหมือนเธอจะเดาอะไรบางอย่างออก

 

 

ในระหว่างที่อวี๋ซงหยิบบัตรหนึ่งใบยื่นออกมาให้เธอ แน่นอนว่านั่นได้พิสูจน์ผลการคาดเดาของเธอแล้ว

 

 

ที่เธอปฏิเสธไปมีประโยชน์อะไรบ้างไหมเนี่ย