ตอนที่ 239 เปิดเผยวันเกิดตัวเองอย่างแยบยล / ตอนที่ 240 อยากจะเรียกร้องขอซูเหิงคืนเหรอ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 239 เปิดเผยวันเกิดตัวเองอย่างแยบยล

 

 

“คุณหนูเฉิน รหัสคือวันเกิดของคุณผู้ชายครับ ใบนี้เป็นบัตรเสริมของคุณผู้ชาย ไม่จำกัดวงเงิน เชิญคุณบริหารได้ตามสบายเลย”

 

 

“วันเกิดของป๋อจิ่งชวน? คือเมื่อไหร่เหรอ”

 

 

อวี๋ซงแอบบุ้ยมุมปาก คุณผู้ชายของเขานี่เหลือเกินจริงๆ อยากเปิดเผยวันเกิดของตัวเองให้คนอื่นรู้ จะมัวหมกเม็ดเกินไปอยู่ไม่ได้

 

 

เพื่อที่จะให้บัตรใบนี้กับคุณหนูเฉิน เขาถึงกับโทรไปหาธนาคารเพื่อแจ้งเปลี่ยนรหัสบัตรโดยเฉพาะเลยด้วย

 

 

“วันเกิดของคุณผู้ชายคือวันที่สิบสองพฤษภาครับ คุณหนูเฉิน”

 

 

“…สิบสองพฤษภางั้นเหรอ” เฉินฝานซิงท่าทางประหลาดใจ

 

 

“ทำไมเหรอครับ คุณหนูเฉิน”

 

 

“อ๋อ ไม่มีอะไร…งั้นก็หมายความว่า ใกล้ถึงวันเกิดเขาแล้วสิ”

 

 

อวี๋ซงพยักหน้า

 

 

ใช่แล้ว ไม่เสียแรงที่คุณชายกำลังพยายามบอกคุณอยู่อ้อมๆ

 

 

เมื่อทำให้เฉินฝานซิงรู้วันเกิดของคุณผู้ชายได้สำเร็จแล้ว อวี๋ซงก็หยิบบัตรขึ้นมาอีกใบยื่นให้เฉินฝานซิง

 

 

“คุณหนูเฉิน คุณผู้ชายบอกว่า ในเมื่อจะช้อปปิ้งแล้ว ก็ต้องเลือกของที่ชอบจนกว่าจะพอใจ บัตรใบนี้ก็ให้คุณเก็บไว้ด้วย”

 

 

เฉินฝานซิงรับมาแบบงงๆ หลังจากที่ได้อ่านตัวอักษรบนบัตรสีเขียวใบนี้อยางละเอียดแล้ว เธอก็กำสิ่งของที่อยู่ในมือไว้แน่นทันที

 

 

“มีอันนี้ก็พอแล้ว ทำไมถึงต้องให้บัตรธนาคารกับฉันด้วย”

 

 

บัตรที่อยู่ในมือเธอตอนนี้ เพียงพอที่จะสนองความต้องการของสาวน้อยผู้เพ้อฝันได้เลยนะ

 

 

“คุณผู้ชายบอกว่า บัตรธนาคารจำเป็นต้องให้ ส่วนใบนี้เป็นแค่ออปชั่นเสริม”

 

 

“…”

 

 

 ฉู่อี้เห็นเฉินฝานซิงกำลังรับบัตรที่ชายแปลกหน้ายื่นให้จากบนเวที คิ้วจึงขมวดมุ่นขึ้นมาชั่วขณะ

 

 

สายตาของอวี๋ซงก็ทอดมองไปบนเวทีปราดหนึ่ง เห็นสายตาที่ดุดันของฉู่อี้ ในใจก็รู้สึกกลัวไม่น้อย แต่กลับเก็บสายตากลับไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

ในขณะที่รายการใกล้จะอัดเสร็จแล้ว เฉินฝานซิงก็ได้รับสายโทรศัพท์จากสวี่ชิงจือ

 

 

เมื่อคิดแล้วว่าช่วงหลังของรายการคงจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไรอีก เธอจึงเอ่ยลาเสี่ยวเจ้าแล้วขอตัวกลับก่อน

 

 

 

 

 ห้างสรรพสินค้าหวนฉิว

 

 

หากเทียบกับจัตุรัสซินซื่อเจี้ยแล้ว ทำเลที่ตั้งของที่นี่ค่อนข้างไกล แต่ที่นี่เป็นแหล่งรวมของแบรนด์เนมแทบจะทั่วทุกทิศจากทั่วโลก

 

 

 ในวันทำงาน ที่นี่ผู้คนไม่พลุ่กพล่านเท่าซินซื่อเจี้ย แต่หากถึงช่วงวันหยุดเทศกาล ก็จะมีผู้คนมากมายเต็มไปหมด

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกท่าทางดูกระปรี้กระเปร่าอย่างเห็นได้ชัด

 

 

นี่ทำให้สวีชิงจือแปลกใจไม่น้อย

 

 

“ดูเหมือนว่าเมื่อคืนตาท่านผู้บริหารป๋อจอมวิปริตนั่นไม่ได้ทำอะไรเธอสินะ ตอนนี้ถึงยังได้ดูมีชีวิตชีวาขนาดนี้”

 

 

เฉินฝานซิงมองสวี่ชิงจือด้วยความตกใจ “เขาไปกระตุกต่อมอะไรเธอกันแน่ ทำไมเธอถึงได้พูดจาราวกับเป็นผู้ถูกกระทำอะไรแบบนี้”

 

 

สวี่ชิงจือแสยะยิ้ม “ต้องขอบคุณผู้ชายของเธอคนนั้น ฉันรู้สึกว่า สังคมของเราตอนนี้ มีคุณสมบัติผู้ดีและได้รับการอบรมสั่งสอนมากไปก็มีแต่จะลำบากตัวเอง”

 

 

เฉินฝานซิงไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ

 

 

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในโซนเครื่องประดับอัญมณีด้วยกัน

 

 

ทั้งชั้นล้วนแต่เป็นอัญมณีเพชรพลอยหลากหลายแบรนด์

 

 

สวี่ชิงจือและเฉินฝานซิงแยกย้ายกันเดินชั่วคราว

 

 

เฉินฝานซิงถูกใจคัฟลิงค์เพชรคู่หนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ด้านข้างคัฟลิงค์ ยังมีเข็มกลัดสตรีที่ออกแบบมาคู่กันวางอยู่ด้วย

 

 

การจับคู่แมตช์กันแบบนี้ เห็นไม่บ่อยนัก

 

 

โดยเฉพาะการออกแบบที่ประณีตแบบนี้

 

 

เธอชอบท่าทางที่ป๋อจิ่งชวนติดคัฟลิงค์มาก ท่าทางที่ดูสูงส่งสง่ามงามนั้น ทำให้คนที่เห็นต่างก็ใจเต้น

 

 

แล้วยังมีเข็มกลัดสตรีที่ออกแบบมาคู่กันอันนั้น…

 

 

เธอคิดว่า ถ้าหากซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา เขาคงจะดีใจแน่

 

 

“คุณผู้หญิงคะ เซ็ทคู่รักเซ็ทนี้มีชื่อว่า Touch-your-heart เป็นงานออกแบบของดีไซน์เนอร์เครื่องประดับชื่อดังจากมิลาน การจับคู่ระหว่างเข็มกลัดและคัฟลิงค์ถือเป็นความสร้างสรรค์ใหม่ล่าสุด ความหมายที่ต้องการจะสื่ออกมาก็สวยงามโรแมนติก คัฟลิงค์เปรียบเสมือนชีพจร เข็มกลัดเปรียบเสมือนหัวใจ หัวใจที่เต้นเพื่อกันและกัน สัมผัสถึงใจของกันและกัน รู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของคุณ สวยงามมากเลยใช่ไหมคะ”

 

 

พนักงานขายแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เฉินฝานซิงด้วยรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ เฉินฝานซิงที่เดิมทีกำลังพิจารณาเข็มกลัดและคัฟลิงค์อยู่ในมือ ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งพอใจมากกว่าเดิม

 

 

Touch-your-heart…

 

 

สัมผัสถึงจิตใจของคุณ…

 

 

“อืม ฉันเอา…”

 

 

“Touch-your-heart ฉันเอาแล้ว!”

 

 

 

 

ตอนที่ 240 อยากจะเรียกร้องขอซูเหิงคืนเหรอ

 

 

น้ำเสียงไพเราะของหญิงสาวดังกังวานขึ้นข้างกายเฉินฝานซิงอย่างกะทันหัน ในขณะเดียวกัน ก็มีนิ้วมือเรียวขาวยื่นออกมาชี้ไปยังสิ่งของที่เฉินฝานซิงกำลังถืออยู่ในมือ

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้น ความเยือกเย็นเกาะกุมในจิตใจไปชั่วขณะ

 

 

เธอเงยหน้าชึ้นมาแล้วหันไปมองทางหญิงสาวที่แต่งตัวประณีตงดงามสามคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ

 

 

ส่วนคนที่กำลังยืนชี้เซ็ทอัญมณีที่เธอถืออยู่ในมือก็คือเฉินเชียวโหรวนั่นเอง

 

 

เฉินเชียวโหรวเองเมื่อเห็นหน้าเฉินฝานซิง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที พลันผงะถอยหลังไปสองก้าวด้วยท่าทางหวาดกลัว

 

 

ใบหน้าซีดขาวส่งเสียงเรียกออกมาอย่างหวั่นๆ “พี่คะ”

 

 

เฉินฝานซิงมองดูท่าทางที่กำลังปั้นหน้าแสดงละครของเฉินเชียนโหรวอย่างเหยียดหยาม ความเยือกเย็นในแววตารุนแรงขึ้นกว่าเดิม

 

 

ทันใดนั้นเอง หลินเฟยเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเข้ามายืนขวางหน้าเฉินเชียนโหรวไว้ราวกับว่าต้องการจะปกป้องเธอ

 

 

“เธอจะทำอะไร”

 

 

ฟุ่บ เฉินฝานซิงยื่นกล่องในมือส่งให้กับพนักงานขาย พลางพูดนิ่งๆ

 

 

“ห่อให้ฉันด้วย”

 

 

ส่วนผู้หญิงอีกคนที่เหลือในสามคนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นอีกหนึ่งในเพื่อนรักของเฉินเชียนโหรว เวลานี้เธอกลับหัวเราะเยาะออกมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแดกดัน

 

 

“คู่หมั้นก็ไม่มีแล้ว เธอจะเอาเซ็ทคู่รักนี่ไปทำอะไร ยอมรับความจริงสักทีเถอะ คิดจะใช้ของสิ่งนี้เรียกร้องให้ซูเหิงกลับมางั้นเหรอ”

 

 

ขณะนั้นเอง หลินเฟยเฟยก็แสยะหัวเราะออกมา “น่าขำจริงๆ พี่เขารักเชียนโหรวขนาดนั้น จะกลับไปคืนดีกับเธอได้ยังไง รีบตัดสินใจตอนนี้ซะจะดีกว่านะ”

 

 

เฉินฝานซิงเคาะเคาน์เตอร์พลางส่งสายตาเย็นชาไปทางพนักงานขายที่เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

 

 

“ฉันบอกว่า ห่อให้ฉันด้วย”

 

 

พนักงานสาวตะลึงงันไปกับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินฝานซิง แล้วรีบรับกล่องมาด้วยท่าทางลนลาน

 

 

หลินเฟยเฟยเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็รีบพูดออกมาเสียงดัง

 

 

“ของเซ็ทนี้เป็นของที่เชียนโหรวเจาะจงมาว่าอยากได้ ตอนนี้เธอเรียกได้ว่าเป็นว่าที่คุณผู้หญิงแห่งซูซื่อเลยนะ เธอแน่ใจนะว่าจะทำผิดต่อสกุลเฉินเพียงเพื่อผู้หญิงแบบนี้”

 

 

พนักงานสาวหน้าเปลี่ยนสีในทันที

 

 

ซูซื่อก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง ตั้งแต่ที่ก้าวข้ามวิกฤตการล้มละลายไม่กี่ปีก่อนหน้านี้มาได้ก็มีการพัฒนาไปในทางที่ดีมาตลอด สกุลเฉินตอนนี้ ก็นับว่าเป็นตระกูลผู้รากมากดีที่มีฐานะร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองผิงเฉิง

 

 

เสียงของหลินเฟยเฟยดังใช่เล่น ทำให้ทั้งชั้นอัญมณีที่มีคนไม่มากนักได้ยินกันหมด เมื่อได้ยินว่า “ว่าที่คุณผู้หญิงแห่งซูซื่อ” คำนี้ผู้คนก็เริ่มส่งสายตามามอง

 

 

ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาทำให้ความนิยมในตัวซูเหิงไม่เคยลดลงเลย ช่วงนี้ ในอินเทอร์เน็ตมีภาพที่เขาดูแลเฉินเชียนโหรวอย่างเอาใจใส่หลุดออกมา ทำให้เขามีภาพลักษณ์ของผู้ชายแสนดีที่ไม่เคยทอดทิ้งสาวผู้เป็นที่รัก

 

 

ทั้งหล่อทั้งอ่อนโยนทั้งใส่ใจ ภูมิหลังครอบครัวก็ดี ผู้ที่จะมาเป็นภรรยาของเขา แน่นอนว่าจะต้องมีคนไม่น้อยอิจฉาและคาดหวังเป็นธรรมดา

 

 

แน่นอนว่าทั้งอิจฉาและคาดหวัง ไม่อย่างนั้นเฉินเชียนโหรวก็คงไม่ลงทุนทั้งแรงกายแรงใจเพื่อยั่วยวนซูเหิงหรอก

 

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาการตอบสนองของผู้คนรอบข้าง ใบหน้าของเฉินเชียนโหรวเริ่มแดงระเรื่อ ก่อนจะพูดด้วยท่าทางอ่อนโยนและเขินอาย

 

 

“เฟยเฟย เธออย่าพูดอีกเลย”

 

 

เวลานี้ น้ำเสียงของเธอฟังดูกังวล บนใบหน้าปรากฏให้เห็นความหวาดกลัว และมองไปยังเฉินฝานซิงด้วยความตื่นเต้น ราวกับกลัวว่าจะไปกระตุ้นอารมณ์เฉินฝานซิงเข้า

 

 

“เชียนโหรว เวลานี้เธอกับลูกพี่ลูกน้องของฉันต่างหากที่เป็นคู่ที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม ทำไมจะพูดไม่ได้ พูดออกมาก็ดีแล้ว จะได้ทำให้เธอเข้าใจความเป็นจริงได้เร็วๆ สักที รู้จักสำเหนียกตัวเองหน่อยสิ ครั้งที่แล้วเสื้อผ้าเธอก็แย่งไม่สำเร็จ นี่ยังไม่เข็ดอีกเหรอ” หลินเฟยเฟยหัวเราะในลำคอด้วยท่าทางเหยียดหยัน สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก

 

 

เฉินฝานซิงวางกระเป๋าในมือลงบนเคาน์เตอร์อย่างแรงด้วยท่าทางหมดความอดทน จากนั้นก็ยกมือกอดอกแล้วมองไปทางหญิงสาวเหล่านั้นด้วยความเย็นชา

 

 

“ผู้ชายคนนั้น ฉันไม่ต้องการแล้ว เสื้อผ้านั่นฉันก็ไม่อยากได้ เธออยากได้มากจนต้องลำบากใช้ร้อยเล่ห์มารยา ทั้งยั่วยวน ทั้งแสดงละคร ฉันให้เธอก็ได้ แต่ถ้าฉันตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยมือให้ล่ะก็ เธอ  เลิกคิดไปเลยว่าจะได้อะไรจากฉันไปแม้แต่เศษเสี้ยว!…

 

 

ส่วนเรื่องที่ฉันอยากจะเรียกร้องขอซูเหิงคืนน่ะเหรอ เหอะ…”