ตอนที่ 241 ฉันไม่เคยแตะต้องตัวเขา / ตอนที่ 242 พวกเราไม่ขายให้คุณ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 241 ฉันไม่เคยแตะต้องตัวเขา

 

 

“ส่วนเรื่องที่ฉันอยากจะเรียกร้องขอซูเหิงคืนน่ะเหรอ เหอะ…”

 

 

เฉินฝานซิงหัวเราะด้วยความเหยียดหยัน “ฉันเสียทั้งเวลา แรงใจ เงินทองเลือกของที่ถูกใจ เพื่อจะเอามันไปง้อผู้ชายที่ฉันไม่ต้องการแล้วอย่างนั้นเหรอ แบบนี้มันต่างอะไรกับการที่ฉันเอาเงินไปโยนในกองขี้ล่ะ ก็มีแต่พวกเธอนั่นแหละที่คิดว่าเขาเป็นอาหารที่แสนหอมหวาน”

 

 

“เธอ…”

 

 

 หลินเฟยเฟยตะคอกด้วยความโกรธจนคอเป็นเอ็น “เธอว่าใครเป็นขี้ห๊ะ”

 

 

เฉินฝานซิงชายตามองเธอ “เธอมีสติปัญญาแค่นี้เหรอ”

 

 

ผู้คนที่กำลังมุงดูเริ่มส่งเสียงหัวเราะคิกคัก นี่มันเป็นคำพูดที่แม้แต่คนโง่ก็ยังฟังออกเลย

 

 

หลินเฟยเฟยโกรธหน้าแดงยกมือขึ้นมาชี้หน้าเฉินฝานซิง “เธอ…เธอกล้าพูดว่าพี่ชายฉันเป็น…ขี้…เธอ…”

 

 

“ใช่ ฉันหมายความว่าแบบนั้นแหละ ฉันยังบอกอีกว่าพวกเธอที่มองเห็นขี้เป็นอาหารที่หอมหวานก็เหมือนกับแมลงบางชนิด หรือว่าเธอยังไม่รู้สึกตัวอีกงั้นเหรอ”

 

 

แมลง…แมลงบางชนิดงั้นเหรอ

 

 

นั่นมันไม่ใช่…

 

 

เฉินฝานซิงแอบหนักใจอยู่ลึกๆ พูดจากับคนแปลกประหลาดพวกนี้ ทำให้เธอดูไร้คุณธรรมไปเลย

 

 

งี่เง่าสิ้นดี

 

 

แต่ว่า…

 

 

 จริงอย่างที่ชิงจือพูด กับคนบางคน บางครั้งมารยาทก็ใช้ด้วยไม่ได้จริงๆ

 

 

เมื่อเห็นหลินเฟยเฟยโกรธจนหน้าแดง ผู้หญิงอีกคนก็รีบพุ่งเข้ามาสมทบด้วย “เฉินฝานซิง เธอก็ได้แต่อิจฉาอยู่อย่างนี้แหละ อย่าลืมสิ ตอนนั้นเธอเป็นคู่หมั้นของเขานะ”

 

 

เฉินฝานซิงหลับตาลงด้วยท่าทางเอือมระอาพลางยกมือขึ้นมานวดขมับ

 

 

“เพราะงั้น เธอจะใช้ซูเหิงมาเป็นเรื่องในการเย้ยฉันให้ได้เลยใชไหม”

 

 

“เธอ…” หญิงสาวหน้าแดงแจ๋ ถูกเฉินฝานซิงพูดตอกกลับจนพูดอะไรไม่ออก

 

 

ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงปากคอเราะรายขนาดนี้

 

 

สายตาของเฉินฝานซิงมองผ่านไหล่ของหลินเฟยเฟยไปทางเฉินเชียนโหรว ก่อนจะพูดด้วยความเย็นชา

 

 

“วางใจเถอะ เขาไม่เคยโดนฉันล่วงเกินมาก่อน แมลงชนิดนั้นน่ะ มีใครบางคนทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เป็น”

 

 

เฉินเชียนโหรวหน้าเสีย มองดูแววตาเย้ยหยันของเฉินฝานซิง ความจงเกลียดจงชัง จนเธออดไม่ได้ที่จะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ!

 

 

นังแพศยานี่

 

 

เฉินฝานซิงหันไปมองพนักงานขายที่ยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกอยู่ด้านข้าง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เอามันไปห่อมาให้ฉัน”

 

 

เวลานี้ พนักงานที่มุงอยู่ด้านข้างพากันเดินเข้ามา

 

 

หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มสีดำเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เฉยชา

 

 

“คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน สินค้าเซ็ทนี้ราคา 999999 หยวน ทางร้านไม่มีโปรลดราคา และไม่รับบัตรเครดิต ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณ…จ่ายเงินจำนวนนี้ได้ใช่ไหม”

 

 

บนโลกโซเชียลข่าวฉาวของเธอกระฉ่อนไปทั่ว ฉีกหน้าสกุลเฉินยังไม่พอ ยังต้องสูญเสียตำแหน่งว่าที่คุณผู้หญิงแห่งสกุลซูไปอีก แถมพวกผู้ชายในอินเทอร์เน็ตพวกนั้น เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา เพื่อที่จะปกป้องตัวเองจะต้องสลัดเธอทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ

 

 

เคราะซ้ำกรรมซัด สถานการณ์ที่เฉินฝานซิงยืนอยู่ตอนนี้ มีแต่ความลำบากไม่จบไม่สิ้น

 

 

เธอจะไปมีเงินมาซื้อของพวกนี้ได้อย่างไร

 

 

คำพูดเมื่อครู่ที่เหล่าพนักงานยืนล้อมวงคุยกันก็ถูกแล้ว

 

 

ถ้าหากว่าเธอมีปัญญาจ่าย แน่นอนว่าตามหลักแล้วร้านก็ควรจะขายให้เธอ

 

 

แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเดิมพันอยู่กับคุณหญิงรองสกุลเฉิน ถ้าหากพวกเธอห่อสินค้ามาให้เธอจริงๆ การกระทำแบบนี้ก็จะถือเป็นการทำผิดต่อคุณหนูรองสกุลเฉินโดยสิ้นเชิง

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นว่าที่คุณผู้หญิงแห่งซูซื่ออีกด้วย

 

 

อีกอย่างของแบรนด์เนมบนตัวผู้หญิงสองคนนั้นแค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา แถมหนึ่งในนั้นยังเรียกประธานซูว่าลูกพี่ลูกน้องอย่างเต็มปากเต็มคำอีกด้วย

 

 

ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ต่อให้เฉินฝานซิงยอมสิ้นเนื้อประดาตัวซื้อสินค้าเซ็ทนี้จริงๆ เธอก็จะต้องผิดใจกับพวกของคุณหนูรองสามคนในเวลาเดียวกัน

 

 

ถ้าตอนนี้ขายสินค้าเซ็ทนี้ให้กับคุณหนูรองไป บางทีพวกเธออาจจะกลับมาอุดหนุนใหม่อีกในภายภาคหน้า แบบนี้เธอก็จะทำคะแนนการขายที่ดีให้กับเบื้องบนได้

 

 

 

 

ตอนที่ 242 พวกเราไม่ขายให้คุณ

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกได้ถึงความประชัดประชันและดูถูกได้จากน้ำเสียงของพนักงานสาว จึงทำให้เธอขมวดคิ้วมุ่นและเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่เป็นคนพูด ก่อนที่สายตาจะส่องไปยังป้ายบนชื่อ

 

 

เหลือบไปมองปราดหนึ่ง เห็นเป็นคำว่า ‘ผู้จัดการร้าน’

 

 

หลินเฟยเฟยที่อยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาจนตัวโยน มองดูเฉินฝานซิงด้วยท่าทางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “เฉินฝานซิง ต่อไปจะซื้อของน่ะ ต้องถามราคาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อนะ อย่าเอาอย่างคนอื่นที่ชอบอะไรก็จะซื้ออย่างนั้น”

 

 

ระหว่างที่พูด เธอก็หันหน้าไปพูดกับผู้จัดการร้านด้วยรอยยิ้ม “คุณดูท่าทางเธอแบบนี้ เหมือนคนที่ควักเงินจ่ายได้เยอะขนาดนั้นเหรอ”

 

 

 ผู้จัดการร้านหันไปพินิจเฉินฝานซิงอย่างเร็วๆ แวบหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่น

 

 

“ขออภัยค่ะ คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน สินค้าเซ็ทนี้ พวกเราไม่ขายให้คุณ”

 

 

เมื่อกี้พิเคราะห์อย่างดีแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องผิดใจกับว่าที่คุณผู้หญิงแห่งซูซือและเพื่อนๆ ของเธอเพื่อผู้หญิงถังแตกที่มีข่าวฉาวโฉ่กระฉ่อนไปทั่ว

 

 

ดวงตาของเฉินฝานซิงฉายประกายแห่งความเย็นชาออกมา

 

 

“อย่างนั้น…ไม่ขายให้ฉันก็หมายความว่า คุณจะขายให้เธองั้นเหรอ”

 

 

“ใช่ค่ะ”

 

 

เฉินฝานซิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนจะพูดด้วยความฝืนทน “ฉันเป็นคนมาก่อน ของฉันก็เป็นคนเห็นก่อน ถูกใจก่อน”

 

 

แววตาของผู้จัดการร้านฉายประกายหมดความอดทน “แต่ว่าคุณยังไม่ได้จ่ายเงินนะคะ”

 

 

เฉินฝานซิงเหลือบไปมองหญิงสาววสามคนตรงหน้าที่กำลังมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้น “แต่พวกเธอก็ยังไม่ได้จ่าย คุณถือสิทธิ์อะไรมาขายให้พวกเธอ”

 

 

ผู้จัดการสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ บนใบหน้าเผยให้เห็นความหมดความอดทนอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน คนทั้งเมืองผิงเฉิงต่างก็รู้ดีว่าคุณถอนหมั้นกับประธานซูแล้ว ไม่ทราบว่าคุณซื้อเซ็ทคู่รักนี้ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรคะ”

 

 

เฉินฝานซิงหัวเราะประชดประชัน “คุณจะสนใจไปทำไมว่าฉันจะใช้ประโยชน์ยังไง อีกอย่าง ใครเป็นคนกำหนดว่าจะต้องเป็นประธานซูเท่านั้นที่เป็นคนใส่”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันยิ่งขายให้คุณไม่ได้ ตอนนี้ใครก็รู้ว่าคุณไม่ได้คบหากับใครเป็นตัวเป็นตน สินค้าเซ็ทนี้มีชื่อว่า Touch-your-heart สินค้าที่แสดงออกที่ความหมายที่ดีขนาดนี้ ถ้าหาขายให้คุณไป ก็จะขัดกับความตั้งใจในการออกแบบของดีไซเนอร์ไอมี่ของพวกเรา ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน”

 

 

เวลานี้ แม้แต่รอยยิ้มที่เย็นชาของเฉินฝานซิงก็ไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย “ตัวแทนจำหน่ายอัญมณีแบรนด์ดังระดับประเทศอย่างถังถังกั๋วจี้หาได้แค่พนักงานขายที่มีความสามารถในการบริการแค่นี้แบบเธอเองเหรอ แถมยังเป็นผู้จัดการร้านด้วย ทักษะในการมองคนต่ำเหลือเกิน ดูแล้วแบรนด์นี้คงไม่ได้ดีเด่นอะไรมากมาย”

 

 

ผู้จัดการร้านกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย อีกทั้งแววตายังเต็มไปด้วยความแดกดัน

 

 

“คุณหนูใหญ่แห่งสกุลเฉินไม่จำเป็นต้องพูดข่มแบรนด์ของเราเพื่อยกระดับสถานะและรสนิยมของตัวเองหรอกค่ะ ใช่ค่ะ ถ้าหากคุณอยากจะพูดแบบนี้ล่ะก็ พวกเราก็จนปัญญา คงพูดได้เพียงว่าแบรนด์ของเรานั้นไม่คู่ควรกับรสนิยมและสถานะที่สูงส่งของคุณ”

 

 

พูดจบ ผู้จัดการร้านไม่คิดที่จะสนใจเฉินฝานซิงอีกต่อไป แต่เธอเดินตรงเข้าไปหยุดอยู่ข้างเฉินเชียนโหรว พร้อมกับส่งรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดกับเธอด้วยท่าทางที่เกรงใจอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“คุณหนูเฉิน ไม่ทราบว่าคุณตัดสินใจจะรับ Touch-your-heart เซ็ทนี้เลยไหมคะ ต้องการให้ฉันแนะนำให้คุณฟังก่อนอีกรอบไหมคะ”

 

 

เฉินเชียนโหรวเงยหน้าขึ้นมามองเฉินฝานซิงด้วยท่าทางอ่อนแอ ท่าทางราวกับว่าลำบากใจที่จะตัดสินใจ

 

 

ดูเหมือนกำลังกลัวเฉินฝานซิงอยู่!

 

 

หลินเฟยเฟยยืนฟังอยู่ด้านข้างก็ถูกคำพูดเมื่อครู่นี้ของผู้จัดการร้านกระตุ้นอารมณ์จนแทบจะทนไว้ไม่ไหวแล้ว เมื่อเห็นท่าทางของเฉินเชียนโหรวที่เป็นแบบนั้น ก็ยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม “อยากได้ก็เอาเลยสิ จะคิดเยอะขนาดนั้นไปทำไม เธออยากสละให้นาง แต่เธอก็เห็นท่าทางเมื่อกี้ของนาง คิดบ้างหรือเปล่าว่านางจะยอมเธอไหม เธอ…เธอนี่มันน่าโมโหจริงๆเลย”

 

 

เฉินเชียนโหรวแสร้งทำท่าทางลังเล จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับเบาๆ “ได้ค่ะ คุณไม่ต้องแนะนำให้ฉันฟังแล้วค่ะ ห่อให้ฉันเลยแล้วกัน”

 

 

“ช้าก่อน” จู่ๆ เฉินฝานซิงก็พูดออกมาเสียงต่ำ

 

 

ผู้จัดร้านขมวดคิ้วมุ่นพลางหันไปมองเธอ