ตอนที่ 243 อยากได้ ก็วัดกันด้วยความสามารถของตัวเอง! / ตอนที่ 244 ไม่รู้จักเจียมตัว

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 243 อยากได้ ก็วัดกันด้วยความสามารถของตัวเอง!

 

 

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าพนักงานบางส่วนในร้านดังขึ้นอีกครั้ง

 

 

“ไม่รู้จักจบจักสิ้นซะจริง! พูดไปเคลียร์ขนาดนั้นแล้วยังตามตื๊อไม่ยอมเลิก!”

 

 

“จริงด้วย! ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าตัวเองไม่มีปัญญา สกุลเฉินก็ไม่ชอบขี้หน้านาง สกุลซูก็ไม่ต้องการนาง ไม่ใช่ทั้งเจ้าหญิงหรือราชินีอะไรทั้งนั้น เจียมตัวสักนิดก็ไม่มี อยากได้หน้าจนตัวเองต้องเดือดร้อน”

 

 

“…”

 

 

เสียงดังพอสมควร ดูเหมือนว่าจะตั้งใจพูดให้เธอได้ยิน

 

 

เฉินฝานซิงคิ้วขมวดมุ่นด้วยความเย็นชา

 

 

“ในสายตาของพวกคุณ ไม่ได้สนใจว่าลูกค้าคนไหนมาก่อนมาหลังเลยใช่ไหม ใครมีกำลังซื้อของของพวกคุณได้ ต่อให้พวกเขายังไม่ได้จ่าย พวกคุณก็จะขายให้ใช่ไหม”

 

 

 การเซ้าซี้อีกครั้งของเฉินฝานซิงทำให้ผู้จัดการร้านหมดความอดทนอย่างสิ้นเชิง

 

 

“คุณหนูใหญ่สกุลเฉินคะ ขอให้คุณหยุดเพียงเท่านี้เถอะค่ะ ท้ายที่สุดแล้ว การที่ฉันบอกว่าไม่ขายให้คุณ ก็ถือว่าไว้หน้าคุณมากแล้ว ถ้าขืนยังดึงดันแบบนี้ต่อไป มันไม่เป็นการดีกับใครเลยทั้งนั้น…”

 

 

เพียะ เฉินฝานซิงตบเคาน์เตอร์เสียงดังลั่น สีหน้าที่เคร่งขรึมและความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเธอราวกับจะฆ่าคนได้

 

 

“ฉันถาม คำถามเมื่อกี้ ใช่หรือไม่ใช่”

 

 

เสียงตะคอกด้วยความกราดเกรี้ยวเต็มไปด้วยความเย็นชาและเด็ดเดี่ยวอย่างไม่สิ้นสุด ท่าทางทรงพลังมีอำนาจทำเอาคนในร้านหลายคนถึงกับตกใจจนคอหด

 

 

ผู้จัดการร้านเองก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงจะดึงสติกลับมาได้ พลันตอกกลับด้วยท่าทางหงุดหงิดรำคาญใจ

 

 

“ใช่ค่ะ! ลูกค้าคือพระเจ้า แต่ลูกค้าที่มีกำลังในการซื้อ คือพระเจ้าที่อยู่เหนือพระเจ้า ไม่ทราบว่า คุณหนูใหญ่สกุลเฉินคิดว่าดิฉันพูดผิดตรงไหนหรือเปล่าคะ”

 

 

เฉินฝานซิงแสยะหัวเราะออกมาด้วยความเยือกยันในทันที “ฉันเข้าใจแล้วละ”

 

 

จากนั้น เธอก็สอดส่ายมองไปรอบๆ ร้านด้วยสายตาเย็นชา

 

 

“ของในร้านนี้ของเธอ ฉัน ขอเหมา”

 

 

สิ้นเสียงพูดของเธอ ทั่วทั้งร้านแทบจะส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน

 

 

หลินเฟยเฟยและเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะกันให้ตัวโยน

 

 

“เฉินฝานซิง วันนี้เธอตั้งใจมาเล่นตลกหรือไง เซ็ทเดียวเธอยังไม่มีปัญญาซื้อ เธอยังคิดจะเหมาของทั้งร้านอีกงั้นเหรอ เธอสอบตกเลขตั้งแต่ประถมเลยหรือเปล่าเนี่ย ตรรกกะตายด้านไปหมดแล้วหรือยังไง”

 

 

ดวงตาคู่นั้นของเฉินฝานซิงหนาวเย็นดุจน้ำแข็ง เธอยิ้มมุมปากออกมา รอยยิ้มของเธอถึงแม้จะเย็นยะเยือกแต่ก็แฝงไปด้วยความมั่นใจ

 

 

“ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันบอกสักคำแล้วเหรอว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อ”

 

 

หลินเฟยเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือน…จะยังไม่เคยพูดเลย…

 

 

“…ฮ่า ฮ่า น่าขำจริงๆ ขอร้องละ อย่ามาทำขายหน้าตรงนี้เลยนะ ฉันยังอายแทนเชียนโหรวเลยที่มีพี่สาวอย่างเธอ ยังไงซะเธอก็มีสายเลือดของสกุลเฉิน เธอช่วยอย่าทำให้สกุลเฉินต้องอับอายไปกว่านี้อีกเลยจะได้ไหม”

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้วพลางยืนค้ำเคาน์เตอร์มองทั้งสามคนด้วยสายตาเฉยชา

 

 

“ไม่เชื่องั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าคิดว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อของในร้านได้หรอกเหรอ ไม่ใช่ว่าจะต้องแย่งของฉันไปซะทุกอย่างหรอกเหรอ ไม่ใช่ว่าจะต้องข่มฉันให้ได้ตลอดเวลาหรอกเหรอ มาสิ ฉันให้โอกาสเธอได้เหยียดหยามฉันอย่างเต็มที่แล้วไง…

 

 

ไม่สู้เรามาวัดกันหน่อยดีกว่า วัดกันด้วยของในร้านนี้นี่แหละ ใครเอาไปได้เยอะกว่า ถือว่าคนนั้นชนะ แล้ว Touch-your-heart ก็จะเป็นของคนนั้น ในเมื่อต่างคนต่างก็อยากได้ งั้นก็ใช้ความสามารถมาวัดกัน!”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินฝานซิง สีหน้าของเฉินเชียนโหรวค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นมาย่างเห็นได้ชัด

 

 

 หลังจากที่ถูกเธอปั่นหัวตอนงานเลี้ยงครอบรอบครั้งก่อนเข้า เฉินเชียนโหรวก็ระวังเธอมากกว่าเดิม

 

 

กลัวว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีก

 

 

เฉินฝานซิงมองลึกเข้าไปในตาของเฉินเชียนโหรว ก่อนจะหัวเราะหึๆ ในลำคอแล้วพูดขึ้น “ทำไม กลัวเหรอ”

 

 

หลินเฟยเฟยรีบโต้กลับด้วยความโมโห “เธอเลิกพูดอะไรเกินตัวได้แล้ว ใครกลัวเธอกัน ตอนนี้เธอมีนักเลงหัวไม้ที่ไหนเลี้ยงอยู่อีกละสิท่า มีอะไรน่าภูมิใจกัน ชื่อเสียงของเธอในตอนนี้ คนที่อุปถัมภ์เธอจะมีเงินให้เธอสักเท่าไหร่กัน แข่งก็แข่งสิ ใครกลัวกันล่ะ”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 244 ไม่รู้จักเจียมตัว

 

 

เฉินฝานซิงยกมุมปากพลางมองต่ำเพื่อพยายามเก็บซ่อนความเจ้าเล่ห์ในดวงตา

 

 

“ไปเอาอัญมณีที่แพงที่สุดในร้านออกมาให้หมด” หลินเฟยเฟยกลับร้อนรนจนทนไม่ไหว

 

 

“ได้ค่ะ ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผู้จัดการขานรับก่อนจะรีบกลับหลังหันเดินออกไป

 

 

เพียงแต่ในขณะที่เธอกำลังหมุนตัว สายตาพลันเหลือบไปเห็นดวงตาที่หนาวเย็นคู่นั้นของเฉินฝานซิง ทำให้รู้สึกสั่นผวาเล็กน้อย จู่ๆ ความหนาวเหน็บที่แปลกประหลาดก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมา

 

 

 

 

ผู้จัดการร้านเข้าไปในห้องนิรภัยพร้อมกับพนักงานขายอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเข้าไปหยิบเครื่องประดับอัญญมณีออกมา

 

 

ผู้จัดการขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าดูแย่กว่าปกติ

 

 

พนักงานหลายคนที่เห็นท่าทางหม่อลอยของเธอก็รีบพูดปลอบใจ

 

 

“ผู้จัดการ คุณไม่ต้องเป็นห่วง เฉินฝานซิงนั่นทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ คุณก็ใช่ว่าจะไม่รู้ข่าวของเธอ คบกับผู้ชายหลายคนนั้นขนาดนั้น ตอนนี้ต่อให้เธอมีเสี่ยเลี้ยงจริง ก็คงไม่ใช่คนมีหน้ามีตาแน่ จะมีเงินให้ได้เธอสักแค่ไหนกันเชียว”

 

 

“นั่นน่ะสิ จะผิดใจกับคุณหนูสามท่านเพราะเธอไม่คุ้มเลย”

 

 

ผู้จัดการร้านพยักหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด “เรื่องพวกนี้ฉันรู้ดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้ฉันรู้สึกลนลานแปลกๆ บอกไม่ถูก”

 

 

“นั่นเพราะว่าคุณกำลังจะได้ทำผลงานชิ้นโบว์แดงยังไงล่ะ ผู้จัดการ”

 

 

“ยังไง”

 

 

“คิดดูสิคะ ตอนนี้ คุณหนูสกุลเฉินสองคนข้างนอกกำลังแข่งอะไรกันอยู่ เรื่องเงินยังไงล่ะ พวกเราไม่ต้องสนใจว่าพวกเธอใครมีเงินมากกว่ากันกันแน่ ยังไงซะ สิ่งที่พวกเธอกำลังประชันกันอยู่ก็คือเครื่องประดับในร้านของพวกเรายังไงล่ะ”

 

 

“อนาคตข้างหน้า พวกเราแค่ขายออกทุกวันวันละชุด ผลสรุปยอดขายก็ส่งให้เบื้องบนอย่างไร้ความกดดันได้แล้ว คุณลองคิดดูสิคะ พี่น้องคู่นั้นตอนนี้กำลังแข่งกันอยู่ ยอดขายแค่ระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้ไล่ทันยอดขายหลายเดือนของพวกเราได้เลยนะ ถึงเวลานั้น บริษัทจะต้องตบรางวัลชิ้นใหญ่แน่ๆ แล้วถ้าเรื่องรู้ไปถึงศูนย์กลางที่ต่างประเทศ เรื่องเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ผู้จัดการคะ พูดขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไงล่ะ โอกาสดีขนาดนี้ แบบนี้ก็เท่ากับใกล้จะได้เลื่อนตำแหน่งอย่างพรวดพราดแล้วนะ”

 

 

หลังจากที่เหล่าพนักงานในร้านพูดแบบนี้ ผู้จัดการร้านจึงค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลายลงมาได้บ้าง หากพูดถึงเรื่องตื่นเต้น เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เธอตื่นเต้นได้อยู่เหมือนกันจริงๆ

 

 

เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น “เอาละ เอาของพวกนี้ออกไปให้หมดเลย”

 

 

“ค่ะ”

 

 

พวกเธอเดินเรียงแถวออกไป ทุกคนค่อยๆ วางอัญมณีในมือลงบนเคาน์เตอร์ด้วยความระมัดระวัง

 

 

“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง เครื่องประดับห้าชุดนี้เป็นของที่ล้ำค่าที่สุดในร้านของพวกเรา ล้วนแต่เป็นงานฝีมือที่นักออกแบบเครื่องประดับอัญมณีชื่อดังทำเองทั้งนั้น”

 

 

ในขณะที่พูด ผู้จัดการร้านก็ชำเลืองไปมองเฉินฝานซิงที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

 

 

“ราคานั้นสูงมากจริงๆ ไม่อนุญาตให้จับเล่น ถ้าหากไม่ซื้อ ก็อย่าเสียเวลาดูเลย”

 

 

ทำงานขายมาหลายปี เกลียดที่สุดก็คือลูกค้าประเภทที่มาดูอย่างเดียวแต่ไม่ยอมซื้อ ที่เกลียดยิ่งกว่านั้นคือลูกค้าที่ดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ถามข้อมูลอยู่นาน เปลืองเวลาพวกเธอไปตั้งเยอะขาดนั้นแล้วยังไม่ยอมซื้อ!

 

 

นับประสาอะไรกับลูกค้ารายนี้ที่เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าไม่มีปัญญาซื้อแน่ๆ