ตอนที่ 170 ชำระเงินค่าตรวจ

แม่สาวเข็มเงิน

“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงยิ้ม “เพราะมีแนวโน้มที่จะผิดพลาดได้ง่าย ถ้าหากว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นในครั้งนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องรับผิดชอบน่ะสิเจ้าคะ ?”

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ?!” อาหญิงหลีรีบพูดขึ้นทันที “ป่าวชิง เจ้าลองคิดดูสิว่ามีหมอที่ไหนเขากลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดแล้วไม่ตรวจโรคให้คนไข้กันล่ะ วิธีการรักษากระดูกหักของเจ้า แม้แต่แม่เฒ่ากัวเองก็ยังบอกว่าดี อย่างนี้พวกข้าก็วางใจแล้ว”

เจียงป่าวชิงนึกอะไรบางอย่างได้ นางจ้องอาหญิงหลีสักครู่ จู่ ๆ ก็ยิ้มและตกปากรับคำในที่สุด

อาหญิงหลีดีใจมาก จากนั้นนางก็ชมว่าเจียงป่าวชิงดีอย่างนั้นดีอย่างนี้

เจียงป่าวชิงกลับไปบอกเจียงหยุนชาน จากนั้นก็จัดการตัวเอง เสร็จแล้วก็ไปที่บ้านตระกูลหลีด้วยกันกับอาหญิงหลี

อาหญิงหลีพานางเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็ไปต้มชา

อาหลีเป็นคนหน้าบางเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นเจียงป่าวชิง ท่าทางเขาก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ ทว่าเมื่อเขานึกถึงขาของพ่อเขา ต่อให้เขาจะไม่เป็นธรรมชาติเพียงใด แต่ก็ต้องยิ้มต้อนรับเจียงป่าวชิงอยู่ดี “เด็กตระกูลเจียง เจ้ามาแล้ว รีบไปดูพ่อข้าเร็วสิ ไม่รู้ว่าอาการเขาไปถึงไหนแล้ว”

ขณะนี้ปู่หลีนอนอยู่บนเตียง เขาทักทายเจียงป่าวชิงพอเป็นพิธี  เขาดูมีชีวิตชีวามากและดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติเลย

เจียงป่าวชิงยื่นมือออกไปลูบขาของปู่หลี ครั้งนี้ปู่หลีทำใจไว้แล้ว ถึงแม้ว่าจะเจ็บ แต่เขาก็พยายามกัดฟันทน

เมื่อนึกถึงการส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาต่อหน้าเด็กผู้หญิงตัวเล็กวัยสิบกว่าปีเมื่อครั้งที่ผ่านมา ปู่หลีก็รู้สึกว่าใบหน้าแก่ ๆ ของตนยังแสดงท่าทีอดกลั้นไว้ไม่มากพอ

เจียงป่าวชิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่มีการเคลื่อนย้ายนิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ในระหว่างที่พูด มือที่ละเอียดของเจียงป่าวชิงก็ได้ทำการยึดแผ่นไม้ขนาบไปด้วย จากนั้นนางก็ลุกขึ้น “กว่าจะหายดีก็คงจะอีกร้อยวัน ท่านปู่หลีอายุมากแล้ว อย่างน้อยต้องรักษาตัวประมาณครึ่งปีกว่า ต่อไปท่านปู่ก็ระวังหน่อยแล้วกันนะเจ้าคะ”

“นี่… นี่เจ้าตรวจเสร็จแล้วรึ ?” อาหลีมีความรู้สึกยากที่จะเชื่อ

ปู่หลีนอนด่าอยู่บนเตียงทว่าดูมีชีวิตชีวา “ทำไม หรือว่าเจ้าหวังให้พ่อเจ้าเป็นอะไร”

อาหลีพูดยิ้ม ๆ “ดูท่านพูดสิ จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ข้าแค่กลัวว่าไอ้ลูกหมามันจะกระแทกขาพ่ออีกก็เท่านั้น” พูดเสร็จก็หันไปมองลูกชายที่อยู่ข้าง ๆ  เขานั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธจากใจ “เจ้า! เจ้าน่ะโตขนาดนี้แล้ว! แม้แต่เด็กตัวเล็ก ๆ ก็ยังดูไม่อยู่  เฝ้าไอ้ลูกหมาให้ดี ๆ! ถ้าไอ้ลูกหมากระแทกขาปู่เจ้าอีก ข้าจะตีไอ้ลูกอกตัญญูอย่างเจ้าให้ตาย”

ลูกชายของอาหลีถูกด่าจนหัวหด

แต่ปู่หลีที่นอนอยู่บนเตียงกลับไม่พอใจ เขาถลึงตาใส่ลูกชายอย่างโหดเหี้ยมและตบข้างเตียงไปด้วย “หลานเจ้ากระแทกขาข้า แล้วเหตุใดเจ้าต้องด่าหลานข้าด้วย ? ไอ้คนเหลวแหลก! เห็นเจ้าแล้วข้ารู้สึกรำคาญตาจริง ๆ”

อาหลีเองก็ถูกด่าจนไหล่หดเช่นกัน

ในเมื่อไม่เป็นอะไรแล้ว เจียงป่าวชิงก็เตรียมออกจากห้องเพื่อไปคุยกับอาหญิงหลี แต่บังเอิญว่านางเห็นอาหญิงหลีรีบเดินเข้ามาข้างในอย่างรีบร้อนพอดี และทั้งสองคนเกือบชนกันอยู่รอมร่อ

อาหญิงหลีมีท่าทางแปลกใจ “เสร็จแล้วหรือ เหตุใดจึงเร็วนักล่ะ ? ขาของพ่อสามีข้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”

เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

“โอ้! ถ้าอย่างนั้นก็ดี ดีเลย!” อาหญิงหลีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็เรียกชื่อเจียงป่าวชิงอย่างสนิทสนม “ป่าวชิง ข้ามีเรื่องจะรบกวนเจ้าสักหน่อย หลานสาวของบ้านเหล่าหลินที่อยู่บ้านข้าง ๆ แขนเคล็ดเพราะไม่ทันระวัง เจ้าช่วยไปดูให้หน่อยได้หรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “อ้อ ได้สิเจ้าคะ เรื่องเล็กนิดเดียวเอง แต่เรามาชำระเงินค่าตรวจท่านปูหลีกันก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”

อาหญิงหลีคิดว่าตัวเองฟังผิดไป “อะไร ? เจ้าบอกว่าอะไรนะ ?”

“ก็ค่าตรวจท่านปู่ไงเจ้าคะ” เจียงป่าวชิงเน้นคำนี้อย่างหนักแน่น จากนั้นนางก็มองใบหน้าของอาหญิงหลีที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างอารมณ์ดี “อาหญิงหลี ท่านอาคงไม่ได้คิดว่าการตรวจโรคไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตรวจหรอกใช่ไหมเจ้าคะ ?”

เมื่อเห็นสีหน้าของอาหญิงหลีก็รู้แล้วว่านางคิดแบบนั้นจริง ๆ

เจียงป่าวชิงจึงมองอาหญิงหลีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่อาหญิงหลีพยายามปรับสีหน้าให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็พูดขึ้นอย่างเก้อเขิน “ไม่ใช่… เอ่อ ป่าวชิง เราต่างเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น เจ้าเองก็ช่วยตรวจดูอาการกระดูกหักอย่างสะดวกไม่ยุ่งยาก และเจ้าไม่ได้เป็นหมออะไรด้วย เหตุใดเจ้ายังเก็บเงินอีกล่ะ ?”

เจียงป่าวชิง “อาหญิงหลีพูดเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ เมื่อสักครู่ตอนที่ท่านอาไปเชิญข้ามาที่นี่ ท่านอายังบอกว่า ‘มีหมอที่ไหนเขากลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดแล้วไม่ตรวจโรคให้คนไข้กันล่ะ’ อยู่เลย แต่เหตุใดพอถึงตอนที่จะต้องจ่ายค่าตรวจกลับกลายเป็นว่าข้าไม่ใช่หมอแล้ว  ทำไมหรือเจ้าคะ ? หรือว่าพอเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกันก็ไม่ควรเก็บเงิน ?”

อาหญิงหลีถูกเจียงป่าวชิงตอกกลับด้วยคำพูดของนางเองจนนางพูดไม่ออก ใบหน้าของนางเขียวและเปลี่ยนเป็นสีแดงในที่สุด ผ่านไปสักครู่นางถึงจะพูดขึ้นว่า “ข้า… ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง อีกอย่าง ตอนนั้นก็เป็นเจ้าเองที่ต้องการมารักษาอาการให้พ่อสามีของข้า ไม่ใช่เราไปเชิญเจ้ามาสักหน่อย”

“นั่นก็ใช่เจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงพยักหน้า “แต่ตอนนั้นข้าก็บอกด้วยว่าถ้าหากว่ารักษาไม่หาย ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่รักษาได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พวกท่านยังเชิญข้ามาเป็นรอบที่สองอีก ตอนนี้พวกท่านก็ควรจะชำระเงินค่าตรวจสักหน่อยมิใช่หรือ ? ข้าแบกความรับผิดชอบคนเดียวไม่ไหวหรอกจริงไหมเจ้าคะ ? อาหญิงหลี ท่านอาคิดว่าถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกพูดออกไปมันจะเหมาะสมหรือเปล่าล่ะ ? …ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นที่ทำเรื่องแบบนี้ ก็คงจะถูกคนอื่น ๆ ด่าว่าหน้าไม่อายไปแล้ว”

เจียงป่าวชิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทำนองเสียงของนางนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่สิ่งที่นางพูดออกมานั้นกลับเหมือนเป็นการตบหน้าอาหญิงหลีอย่างไรอย่างนั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่อาหญิงหลีได้ชื่นชมถึงฝีปากของเจียงป่าวชิง นางโมโหจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว แต่ก็ได้แค่ครุ่นคิดอย่างเคียดแค้นว่าแท้จริงแล้วตระกูลเจียงพูดถูก เจียงป่าวชิงปัญญาอ่อนมาตั้งหลายปี จู่ ๆ ก็ฉลาดอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางจะต้องถูกสิ่งชั่วร้ายบางอย่างครอบงำอย่างแน่นอน!

เป็นเพราะเจียงป่าวชิงคุยกับอาหญิงหลีตรงประตูทางเข้า อาหลีที่อยู่ในห้องก็ได้ยินคร่าว ๆ เขาจึงรีบเดินออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดอย่างเก้อเขินเล็กน้อย “เด็กตระกูลเจียง เราออกไปแล้วค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันดีกว่า…”

ทว่าในตอนนั้นเอง ปู่หลีที่นอนอยู่บนเตียงตะโกนออกมาอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเสียง “ไอ้ลูกอกตัญญู! เจ้ารีบเอาค่าตรวจให้นางเร็วเข้าเลย ทำไมห๊ะ ?! นางรักษาขาข้าก็เท่ากับว่าเป็นการช่วยชีวิตข้า ชีวิตข้าไม่คู่ควรกับเงินพวกนั้นรึ ?”

อาหลีหน้าแดงก่ำ “ท่านพ่อ ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ให้เงินนาง ข้าก็แค่กลัวว่าจะทำให้ท่านรู้สึกหนวกหูเท่านั้น จึงคิดว่าจะออกไปปรึกษาเรื่องค่าตรวจข้างนอก”

เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “อาหลีไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้จะเรียกราคาตามอำเภอใจหรอก ให้ข้าสามสิบสลึงก็พอเจ้าค่ะ”

สามสิบสลึง บอกว่าเยอะก็ไม่เยอะขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย

ตอนที่พวกเขาเตรียมไปตรวจที่ในอำเภอ ทั้งตัวนั้นมีเศษเงินไม่กี่ตำลึงที่เก็บออมไว้ในบ้านเป็นเวลาหลายปี

ตอนนี้เจียงป่าวชิงตรวจอาการขาของปู่หลีเสร็จแล้ว และนางคิดค่าตรวจเพียงสามสิบสลึงเท่านั้น ซึ่งนี่ถือว่ามีหิริโอตัปปะมากแล้ว

เมื่ออาหลีคิดเปรียบเทียบเช่นนี้ในใจ อีกทั้งตอนนี้พ่อที่นอนอยู่บนเตียงยังคงก่นด่าเขาอยู่อย่างนั้น เขาจึงต้องหันไปมองอาหญิงหลี “เจ้าเอาค่าตรวจให้เด็กตระกูลเจียงไปเถอะ”

อาหญิงหลีรู้สึกปวดใจเล็กน้อย แต่นางยังคงไม่ยอมล้วงเงินออกมา “แค่แผ่นกระดานสองอัน อีกทั้งยังเป็นของบ้านเราด้วย แล้วนางออกอะไร ? เหตุใดถึงได้คู่ควรกับเงินสามสิบสลึง ?”

ปู่หลีมักจะด่าลูกชายอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้เขาอดที่จะด่าอาหญิงหลีไม่ได้จริง ๆ “เอ๊ะ! หญิงชั่ว! เจ้าหมายความว่าขาของข้าไม่คู่ควรกับเงินสามสิบสลึงรึ ?”

อาหญิงหลีตกใจหนักมาก นางไม่กล้าให้คนอื่นได้ยินคำพูดนี้ ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงจะทิ่มจนกระดูกสันหลังของนางแตกละเอียดอย่างแน่นอน

อาหญิงหลีกัดฟันและถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงอย่างโหดเหี้ยม “ก็ได้ รอประเดี๋ยว!” จากนั้นนางก็หมุนตัวกลับไปที่ห้องข้าง ๆ เพื่อไปหยิบเงิน

เจียงป่าวชิงรับเงินสามสิบสลึง จากนั้นก็นำไปใส่ในกระเป๋าอย่างสบายใจ

หลังจากนั้น อาหญิงหลีก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะให้เจียงป่าวชิงดูแขนให้หลานสาวของบ้านเหล่าหลินอีก  ในสายตานาง เด็กตัวเล็ก ๆ แขนเคล็ด ผู้ใหญ่เข้ากระดูกอย่างไม่ยุ่งยากก็ได้แล้ว อีกอย่าง เพื่อนามบัตรของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มันคงจะแพงเกินไปที่จะเสียเงินสามสิบสลึงเพื่อเชิญเจียงป่าวชิงไปตรวจอาการ

เพราะสำหรับครอบครัวชาวนาแล้ว เงินสามสิบสลึงนั้นไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย

เจียงป่าวชิงจากไปด้วยรอยยิ้ม …สิ่งที่นางต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้นี่แล ในเมื่อใครต่อใครรู้ว่านางรักษากระดูกหักเป็นแล้ว ถ้าอย่างนั้นนางก็จะปิดป้ายบอกราคา ราคาที่ปิดป้ายก็จะสูงหน่อย ซึ่งเพียงพอที่จะตักเตือนชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ต้องการเอาเปรียบนางได้แล้ว

เมื่อออกมาจากบ้านตระกูลหลี เจียงป่าวชิงก็ไปที่บ้านของซุนต้าหู

ประตูใหญ่ปิดสนิท เจียงป่าวชิงจึงยกมือเคาะประตู

ซุนต้าหูเปิดประตูด้วยสีหน้าหม่นหมองจิตวิญญาณเหี่ยวเฉา เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเจียงป่าวชิง เขาก็ตกตะลึง จากนั้นก็ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว

เจียงป่าวชิงรีบเรียกซุนต้าหูทันที “พี่ต้าหู ข้าเพิ่งออกมาจากบ้านตระกูลหลี ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพี่เรียกรถล่อให้พวกอาหลีและออกเงินค่ารถเองหรอกรึ ? อาหลีฝากให้ข้าเอาค่ารถมาให้พี่พอดีเลยเจ้าค่ะ”

เจียงป่าวชิงล้วงเงินสามสิบสลึงนั้นออกมาจากในกระเป๋าด้วยสีหน้าราบเรียบ

ซุนต้าหูยังคงรู้สึกงุนงงอยู่ จึงไม่ได้ยื่นมือไปรับเงิน

เจียงป่าวชิงจึงยัดเงินทั้งหมดใส่ในมือซุนต้าหูเสียเลย

.