บทที่ 175 ขวางทางหน้าด้าน ๆ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 175 ขวางทางหน้าด้าน ๆ

จางซิ่วเอ๋อยิ้ม “ถ้างั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”

คุณชายฉินเอ่ย “แต่เจ้าคิดให้ดี ๆ นะ สูตรเครื่องเทศนี้อยู่ในมือเจ้าก็ไม่อาจสร้างเงินได้มาก ต่อให้เจ้าหาเงินได้จริงในอนาคตก็รักษาไว้ไม่ได้”

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยขึ้นทันควัน “เรื่องนี้ไม่ลำบากให้ท่านต้องเป็นห่วงหรอก”

ที่จริงไม่ใช่ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่คิดร่วมมือกับคุณชายฉิน

แต่จางซิ่วเอ๋อไม่สบายใจเท่าใดนัก คุณชายฉินเป็นเหมือนจิ้งจอก หากนางไม่ทันระวังอาจตกหลุมพรางได้!

ต่อให้นางจะร่วมมือกับใครสักคนก็ต้องรู้ตื้นลึกหนาบางของคน ๆ นั้นก่อนสิ ตอนนี้คุณชายฉินเป็นใครนางก็ไม่รู้ จะวู่วามร่วมมือได้อย่างไร?

อีกอย่าง

ไม่ใช่ว่าจางซิ่วเอ๋อสบประมาทตัวเอง แต่จางซิ่วเอ๋อคิดจริง ๆ ว่าตัวเองเป็นเพียงแม่ม่ายน้อยในหมู่บ้าน ตอนนี้ไม่น่าจะมีจุดยืนอะไรไปร่วมมือกับคุณชายฉิน

ต่อให้นางมีจุดยืน คุณชายฉินจะเห็นนางอยู่ในสายตาเหรอ?

ไม่อย่างนั้นคุณชายฉินก็คงไม่พูดแต่เรื่องจะซื้อสูตรเครื่องเทศ แต่ไม่พูดถึงเรื่องร่วมมือ

จางซิ่วเอ๋อต้องการเวลา อย่างน้อย ๆ นางต้องรู้ข้อมูลของคุณชายฉิน อย่างน้อย ๆ ต้องให้ตัวเองมีจุดยืนบ้าง

ต่อให้ท้ายที่สุดแล้วนางยังต้องขายสูตรเครื่องเทศนี้อยู่ดี การยื้อเวลาไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

สรุปก็คือ จางซิ่วเอ๋อต้องรอบคอบแล้วรอบคอบอีก

ตอนนี้จึงไม่สามารถรับปากได้ในทันที

ดีที่ดูผิวเผินแล้วคุณชายฉินเป็นสุภาพบุรุษ อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่ได้ทำกลอุบายหลอกลวงปล้นชิงอะไร

คุณชายฉินยิ้ม สีหน้ายังดีอยู่ “เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่บังคับ”

“คุณชายฉิน! ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านเป็นคนดี! ข้ามองท่านไม่ผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!” จางซิ่วเอ๋อมองคุณชายฉินน้ำตาคลอ มอบหมวกใบใหญ่*ให้คุณชายฉินอย่างไม่ลังเล……

*การเอ่ยยกย่องสรรเสริญอย่างเกินจริง

ความหมายก็คือเจ้าเป็นคนดี อย่าได้ใช้กลอุบายชั้นต่ำเชียวล่ะ

คุณชายฉินเงียบ

สุดท้ายเขากระแอมเบา ๆ“ข้ามีธุระอื่นขอตัวก่อน ไว้มาหาเจ้าวันหลัง”

ตอนจางซิ่วเอ๋อได้ยินครึ่งประโยคแรก ในใจรู้สึกเบิกบานสุด ๆ

ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดท่านเทพคุณชายฉินก็จะไปแล้ว

แต่พอได้ยินครึ่งประโยคหลัง จางซิ่วเอ๋อรู้สึกหมดเรี่ยวแรง

คุณชายฉินลุกขึ้น เดินออกไปอย่างสง่างาม

จางซิ่วเอ๋อเดินตามหลังคุณชายฉินออกไปข้างนอก นางไม่ได้จะไปส่งคุณชายฉิน แต่คิดจะรอจนคุณชายฉินไปแล้วจะไปเรียกคนตระกูลจ้าวมากินข้าว

แค่ผักป่าและข้าวต้มที่กินไปเมื่อครู่นี้นางไม่อิ่มหรอก

คืนนี้ต้องกินของดีเพิ่มอีก

คุณชายฉินเพิ่งจะเดินออกมาจากป่าผีสิง จางอวี่หมินและหลีฮวาสองคนก็เดินเข้ามาหา

“คุณชายฉิน รอก่อนเจ้าค่ะ” จางอวี่หมินพูดอย่างตื่นเต้น

นางกลัวแทบแย่ เมื่อครู่ยังกังวลอยู่เลยว่าคุณชายฉินจะค้างคืนที่บ้านจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ แค่คิดแบบนั้นจางอวี่หมินก็รู้สึกอิจฉาริษยาแทบทนไม่ไหว

คุณชายฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทอดสายตาไปที่จางอวี่หมิน

จางอวี่หมินจัดสายรัดเอวของตัวเอง ทำท่าทำทางเขินอายตามฉบับเด็กสาว

“มีอะไร?” เด็กติดตามชุดเขียวก้าวฉับไวมาอยู่ด้านหน้า ขวางจางอวี่หมินไว้

จางอวี่หมินมองเด็กติดตามชุดเขียวอย่างเคียดแค้น นึกในใจ รอให้ข้าได้เป็นเจ้านายเจ้าก่อน เรื่องแรกที่จะทำก็คือเอาเจ้าไปขาย!

เด็กติดตามชุดเขียวเป็นพวกหัวไวเหมือนกัน เขาสัมผัสถึงจิตมุ่งร้ายจากจางอวี่หมินได้ เวลานี้จึงมองตาขวางกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

“คุณชายฉิน คืออย่างนี้ พวกเรามีเรื่องอยากบอกท่านเจ้าค่ะ” ขณะนั้นหลีฮวาก็เดินเข้ามา นางพูดจานุ่มนวล ดูแล้วมีวุฒิภาวะมากกว่าจางอวี่หมินไม่น้อย ไม่มีท่าทางโอหังเหมือนที่รังแกจางซิ่วเอ๋อก่อนหน้านี้

คุณชายฉินไม่พูดอะไร

หลีฮวาจึงคิดเอาเองว่าตัวเองพูดต่อได้ “คืออย่างนี้ อวี่หมินเห็นท่านสนิทกับซิ่วเอ๋อจึงเป็นห่วงท่านน่ะเจ้าค่ะ”

จางอวี่หมินได้ยินแล้วดีใจสุด ๆ รู้สึกว่าหลีฮวาช่างรู้จักพูดจาจริง ๆ ดูสิ พูดถึงนางทุกประโยค แบบนี้นางจะได้มีภาพลักษณ์ที่ดีในใจคุณชายฉิน

ตอนแรกจางอวี่หมินยังกังวลอยู่นิดหน่อยว่าหลีฮวาจะมาแย่งคุณชายฉินกับตัวเอง

แต่ตอนนี้เหรอ? จางอวี่หมินวางใจแล้ว

หลีฮวาพูดต่อ “อวี่หมินก็หวังดี เลยไปหาข้า….เพื่อให้ข้าเล่าความจริงให้ท่านฟัง”

คุณชายฉินเลิกคิ้ว ถ้าเป็นเวลาปกติเขาจะมาฟังสตรีสองคนพูดที่ไหนกัน

ไม่ต้องพูดเรื่องที่สตรีสองคนนางนี้ช่างดูด้อยเกินกว่าจะนำขึ้นโต๊ะเลย ต่อให้เป็นบรรดาคุณหนูผู้ร่ำรวย เขาเองก็ปฏิเสธหมด

ที่ตอนนี้ยอมยืนฟังอยู่ตรงนี้เพราะหลีฮวาพูดถึงจางซิ่วเอ๋อ

คุณชายฉินไม่สนหรอกว่าคนอื่นคิดเห็นกับจางซิ่วเอ๋ออย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจางซิ่วเอ๋อ ต่อให้จางซิ่วเอ๋อเป็นคนที่ใคร ๆ ก็เป็นสามีได้ เขาก็ไม่โกรธหรือจะกระทำสิ่งใด

เขาแค่อยากรู้…..

ใช่แล้ว เขาอยากรู้อยากเห็นเรื่องของจางซิ่วเอ๋อมาก ตอนนี้มีคนมาพูดเรื่องจางซิ่วเอ๋อให้เขาฟัง ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี เรื่องจริงหรือเรื่องไม่จริง เขาก็อยากฟัง!

จางซิ่วเอ๋อเห็นคุณชายฉินหยุดฝีเท้าอยู่ข้างนอก เหมือนจะยืนคุยกับจางอวี่หมินและหลีฮวาจึงเบ้ปากอย่างดูแคลน

ถ้าคุณชายฉินเชื่อคำพูดพวกนางจริง ๆ สมองของเขาคงผิดปกติแล้ว

ในอนาคตต่อให้นางอยากหาคนร่วมมือจริง ๆ ก็คงไม่ใช่คุณชายฉิน!

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ออกไป นางยืนรออยู่ในป่า

“ข้ามีพี่ชายคนหนึ่ง ตอนนี้หนีออกจากบ้าน สาเหตุก็เพราะจางซิ่วเอ๋อให้ท่าเขา…..”​ หลีฮวาเอ่ย

ตอนนี้หลีฮวาหลีกเลี่ยงในการพูดถึงความสัมพันธ์ของนางกับสวี่อวิ๋นซาน ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ นางพูดเพียงสวี่อวิ๋นซานคือพี่ชายตัวเอง แต่ไม่ได้พูดเรื่องที่พวกเขาเกิดจากคนละพ่อคนละแม่ และต้องแต่งงานกัน

“ที่วันนี้ท่านแม่ข้าทำแบบนั้นกับจางซิ่วเอ๋อก็เพราะโมโหมากจริง ๆ” หลีฮวาถอนหายใจ ทำหน้าน่าสงสาร

“อวี่หมิน ที่ต้องพูดข้าพูดไปหมดแล้วนะ” หลีฮวาวางท่าเหมือนถูกฝากฝังมา

นางไม่อยากจู่ ๆ มาพูดนู่นพูดนี่ให้คุณชายฉินฟัง ชื่อเสียงขี้นินทาเก็บไว้ให้จางอวี่หมินเถอะ

จางอวี่หมินรีบเอ่ยขึ้น “คุณชายฉิน ไม่ทราบว่าท่านจะมาอีกเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ? ถึงตอนนั้นข้าจะต้อนรับท่านให้ดีเลยเจ้าค่ะ!”

คุณชายฉินเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องที่พวกเจ้าจะพูด พูดจบแล้วใช่หรือไม่?”

บารมีคุณชายฉินน่าเกรงขามมาก จางอวี่หมินพูดอะไรไม่ถูก ได้แค่ตอบเหมือนเสียงพึมพำ “จบ….จบแล้วเจ้าค่ะ”

คุณชายฉินก้าวเท้าไปข้างหน้าต่อทันที

จางอวี่หมินมองอารมณ์บนใบหน้าคุณชายฉินไม่ออก ตอนนี้คุณชายฉินต้องโกรธมากไม่ใช่เหรอ? แล้วก็เลิกชอบจางซิ่วเอ๋อและหันมามองตัวเองแทน

ปฏิกิริยาของคุณชายฉินตอนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของจางอวี่หมินเหลือเกิน!

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นก นกเป็นฝูงเลยค่ะ ขนาดคุณหนูตระกูลสูงเขายังไม่มองเลย พวกเธอสองคนเอาอะไรไปสู้ได้

อ้อ แต่น่าจะเว้นไว้คนหนึ่งล่ะนะที่เขาจะมอง

ไหหม่า(海馬)