ตอนที่ 235 น่าสนใจ
น่าสนใจดี!
“เธอสนใจ……” จู่ ๆ เขาก็ชะงักไป เธอเป็นแค่พนักงานในบริษัทเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมาสนใจว่าจะซื้อตระกูลเหลียวไปทำอะไร ยังไงซะเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องของธุรกิจ
เขาต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่ต่างประเทศ ฉีหย่วนหยางอาจจะอยากกลับประเทศก็ย่อมได้
“เธอพูดเพราะเป็นความจริง!? เธอไม่กังวลว่าวันนี้ฉันต้องไปเจอผู้หญิงทั้งสิบสองราศีนั่นเหรอ?” เธอรู้สึกว่าความเป็นไปได้นั้นก็มี
“น้ำเสียงของคุณนายจิ่งดูไม่ได้โกหกนะ”
“ครั้งที่แล้วเธอยังฟังไม่ออกอีกเหรอ?”
เพราะครั้งก่อนไม่ได้พาเธอไปด้วยกัน! วันนี้ต้องพาเธอไปด้วยให้ได้ มันควรเป็นแบบนั้น
ข่าวฉาวของพวกเขาทั้งสองที่ว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ตยังต้องให้เธอไปช่วยพิสูจน์อีกเหรอ?
ซูรั่วหยาดูไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น
“ประธานจิ่งคะ คุณจะไปหรือเปล่า ฉันยังมีงานที่ต้องทำนะ ไม่มีเวลามานั่งอยู่กับคุณตลอดหรอกนะ”เธอหมุนตัวกลับและเดินออกไป จิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ด้านหลังเองก็ไม่ได้รั้งเธอไว้
เธอออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
งานส่วนอื่น ๆ ของเธอนั้นทำเสร็จไปนานแล้ว ดังนั้นทันทีที่กลับมาห้องทำงานตัวเองก็เริ่มหาข่าวเกี่ยวกับบริษัทการค้าเหลียนมู่
ข้อมูลมีไม่มาก เรียกว่าแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
เจ้าหน้าที่กฎหมายปฏิบัติการเรียกว่าเหลียนมู่ ข้อมูลเกี่ยวกับเขานั้นมีไม่เยอะ ไม่มีแม้แต่สารานุกรมเดียว
ยิ่งเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก
แต่ทว่าในตอนนี้เธอดูเหมือนจะไม่สามารถสืบค้นเข้าถึงเหลียนมู่ได้เลย อีกอย่างในช่วงที่เธอป่วยนั้นก็ดูเหมือนโอวหยางลี่จะตัดสินใจเซ็นสัญญาข้อตกลงกับบริษัทจิ่งไปแล้วด้วย
ตอนนี้เธอจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องไปที่บริษัทโอวหยางอีก
หานเซียวเองก็ตายไปแล้วเหมือนกัน เบาะแสของแม่ก็ขาดหายไป สกุลเหลียวก็ล่มสลาย สิ่งที่เธออยากทำนั้นกำลังตกอยู่ในสภาวะหยุดชะงักอีกครั้ง
ตอนเลิกงานจิ่งเป่ยเฉินดูเหมือนต้องการจะกลับไปจริง ๆ เธอเองก็ยืนส่งเขาออกไปอย่างมีความสุข
ทันทีที่เธอปิดประตูรถ รถก็ถูกขับออกไป ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของจิ่งเป่ยเฉินที่เผยรอยยิ้มออกมา “อันโหรว เธอกล้าไม่รอฉัน เธอต้องตายแน่ ๆ!”
“แล้วถ้าเกิดฉันง่วงจะทำยังไง?”
“ก็นอนไประหว่างรอสิ” เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าครั้งสุดท้ายที่เธอรอเขานั้นก็ทิ้งให้เขาอยู่กับห้องว่างเปล่าคนเดียว
“OK! ไม่มีปัญหา พูดคุยเรื่องเก่า ๆ กันให้ดี ๆ นะ ไม่ต้องรีบร้อนกลับมา” เธอเอื้อมมือไปที่ประตูรถอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวหยาง ช่วยขับรถช้า ๆ หน่อยนะ!”
“ไว้ใจได้เลยครับ!”
รถสีดำขับผ่านหน้าเธอไป เธอรีบหันหลังและเดินตรงไปที่รถที่ก่อนหน้านั้นจิ่งเป่ยเฉินเคยให้กับเธอ ก่อนจะขับกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ที่บ้านตระกูลจิ่ง
จิ่งเป่ยเฉินยังไม่ทันเข้าไปข้างในก็ได้ยินเสียงของจิ่งเซิงพูดขึ้น น้ำเสียงวัยกลางคนที่ดูหนักแน่น และคงใช้เวลาอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลานาน ตอนนี้สภาพร่างกายของเขาจึงยังคงดูดีอยู่ไม่ใช่น้อย
จิ่งเซิงยืนอยู่ตรงห้องนั่งเล่น พร้อมกับเล่าเรื่องผจญภัยให้กับซูรั่วหยาฟังอย่างตื่นเต้น
เขาเดินไปพร้อมเอ่ยอย่างเบา ๆ ว่า “พ่อ!”
“ฉันได้ยินว่าฉันจะได้เป็นคุณปู่แล้ว!” จิ่งเซิงปรบมือของเขาและเข้ามาตบบ่าของลูกชาย
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบไปมองมือที่วางอยู่บนไหล่ คิ้วทั้งสองข้างขมวดขึ้นเป็นปมเข้าหากัน
“คุณคะ!” ซูรั่วหยาตะโกนเรียก ห่างหายไปนานขนาดนี้ หรือว่าลืมนิสัยของลูกชายไปกันแล้วเนี่ย?
จิ่งเซิงเอามือของตัวเองออกพร้อมหัวเราะลั่น “แม่ของนายบ่นฉันอยู่ทุกวัน พวกเราไม่ได้เป็นพ่อแม่ที่ปิดกั้นสักหน่อย มีลูกไม่ใช่เหรอ! คราวหน้าก็ให้กำเนิดลูกของแกก็ได้! มีลูกสะใภ้สวย ๆ ไปทำไม ถึงแม้จะดูสบายตา เจ้าลูกชายเองก็ไม่ใช่คนที่คิดอะไรตื้น ๆ อยู่แล้ว ”
“ผมเป็น” จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ
เขาคิดว่าตัวเองนั้นดูมาพอแล้ว
ช่วงเวลาที่เหลือควรจะให้จิ่งเซิงกับซูรั่วหยาหวนระลึกอยู่ด้วยกัน
จิ่งเซิงผงะเล็กน้อย ราวกับว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไป
ซูรั่วหยาที่อยู่ด้านข้างก็ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เขามีดวงตาที่งดงามไว้ใช้มอง เขาย่อมมองเห็นความงามที่อยู่ภายในอยู่แล้ว!”
จิ่งเป่ยเฉินที่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดก็เหลือบสายตามอง มันไม่ได้โกหกจริง ๆ
“หึ!” จิ่งเซิงเหลือบมองไปที่ด้านหลังของเขาและพูดว่า “แล้วลูกสะใภ้ของฉัน?! ทำไมไม่พาเธอมาด้วย? อย่าบอกนะว่าลูกไม่คิดจะพาเธอมาด้วย! ลูกสะใภ้ขี้เหร่แบบนั้นไม่ช้าก็เร็วต้องมาเจอพ่อแม่อยู่ดี ในโลกออนไลน์ดังเสียขนาดนั้น แล้วทำไมไม่กล้าพาเธอกลับมาด้วย?”
“ช่างไม่มีความกล้าเสียจริง ๆ ไม่เห็นเหมือนฉันเลยสักนิด” จิ่งเซิงก้มหน้าลงมองไปที่ซูรั่วหยา “คุณ เหมือนกับคุณมากกว่าแล้ว!”
“ไม่เหมือนฉันหรอก เหมือนตัวเขาเองมากกว่า” ซูรั่วหยาส่ายหน้าพลางพูด
อันโหรวเธอนี่มันร้ายกาจจริง ๆ ถึงกลับไม่ยอมพูดเรื่องนี้!
“เดี๋ยวจะพาเธอกลับมาด้วยเลย พ่อกับแม่ได้เจอเธอแน่! ต่อให้เธอจะรู้สึกไม่ดีก็เถอะ” เขายิ้มอย่างเย็นชา และคิดจะกลับไปคิดบัญชีกับเธอ
ภายในบ้านพักวิลล่าที่อยู่ห่างไกล อันโหรวที่กำลังดูทีวีกับหยางหยางและหน่วนหน่วนก็ได้จามออกมา
เธอหายจากการเป็นหวัดไปแล้ว ตอนนี้ไม่น่าจะกลับมาเป็นหวัดเร็วขนาดนั้นนะ
“แม่จ๋า…….” เสียงที่ดูไร้เดียงสาเอ่ยขึ้น ทั้งสองคนต่างก็จ้องมองมาที่เธอ
“แม่จ๋าไม่เป็นอะไร แต่ว่าคืนนี้พ่อจ๋าอาจจะไม่ได้กลับมา หน่วนหน่วนคะ แม่จ๋านอนเป็นเพื่อนหนูดีไหมคะ?” เธอที่เพิ่งจามไปรู้สึกถึงลางสังหรณ์ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ ต้องเป็นจิ่งเป่ยเฉินที่กำลังนินทาเธออยู่แน่ ๆ
เธอไม่ได้บอกว่าคุณนายจิ่งบอกให้เธอไปด้วย! เรื่องนี้เกี่ยวด้วยงั้นเหรอ?
เพราะฉะนั้นต้องรีบหลบหนีไปให้ไกลที่สุด
ทางด้านจิ่งเป่ยเฉินที่กำลังถูกบ่นเกี่ยวกับการไม่ทำศัลยกรรม และยังพูดว่าหากเขาชอบคนสวยก็คงไปหาคนสวย ๆ ไม่ต้องหาคนที่มีหน้าตาซีดเซียวที่มีลูกถึงสองคนก็ได้
ใบหน้าที่ซีดเซียว คำพูดนี้เหมาะกับการที่เธอต้องคอยแต่งหน้า
“เฉินเอ๋อร์ ลูกฟังอยู่หรือเปล่า?” ซูรั่วหยามองไปที่เขาที่ดูเหม่อลอยจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้
“โอเค” รีบไปส่งพวกเขาก่อนดีกว่า เพราะเขาต้องรีบกลับไปเก็บกวาดคนของเขาแล้ว!
แต่เมื่อเขากลับมาก็พบเจอแต่เตียงที่ว่างเปล่า รอยยิ้มจาง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
รู้ว่าตัวเองผิดยังกล้าหนีไปอีกนะ
ต้องมีคนชดใช้วันนี้ ไม่ใช่วันพรุ่งนี้แน่ ๆ
เช้าของวันที่สอง ทั้งคู่เจอกันที่โต๊ะรับประทานอาหาร เธอจูงมือหน่วนหน่วนให้เข้าไปทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
เธอรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเขาในตำแหน่งที่ไกลที่สุด พลางคอยดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วนให้กินอาหารเช้าโดยไม่สนใจเขา
แต่ในระหว่างทางที่จะไปบริษัทนั้น เธอไม่สามารถหลบหนีเขาได้
ความจริงแล้วเธอเองอยากจะขับรถไปบริษัทเองมากกว่า จิ่งเป่ยเฉินที่มีชื่อเสียงกล่าวว่าเธอเป็นคนขยันและประหยัด ต้องเตรียมสินสอดให้ลูกชายและลูกสาวจึงจัดการเก็บกุญแจรถของเธอไป
เลวชะมัด!
เขารู้สึกเกลียดเธอ เรื่องนี้เธอเป็นคนผิด ดังนั้นหลังจากที่ขึ้นรถไป เธอจึงเริ่มยอมรับสารภาพความผิดพลาดของเธอเอง
“ที่รักขา ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ นะคะ”เธอยื่นมือเล็ก ๆ ของเธอไปจับเสื้อเชิ้ตของเขา “คุณเองก็จำคนร้ายไม่ได้ งั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ!”
“ความหยิ่งทะนงของเธอไปไหนแล้ว?” สีหน้าที่ตึงเครียดของเขา เมื่อได้เห็นท่าทางของเธอแบบนั้น ถึงจะโกรธมากแค่ไหนก็แทบจะหายโกรธในทันที
“ถูก……นายกินไปแล้ว?” ตอนนี้เธอต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อหน้าเขามากกว่า มีชีวิตรอดได้ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่เมื่อเธอมองไปยังใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินที่ยื่นเข้ามาใกล้ เธอก็แค่พูดส่ง ๆ ไปเท่านั้นเอง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแสดงท่าทีพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ถึงขนาดนี้ นี่เขาคิดจะกิน ๆ จริงเหรอ?
“หึ!” เธอเอื้อมมือไปขวางไว้ตรงกลางระหว่างใบหน้าของเขาและเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขยับเข้ามาใกล้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “วันนี้ต้องไปเซ็นสัญญาไม่ใช่เหรอ?”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ” เขาจับมือของเธอออก ก่อนจะปล่อยมือเธอลง
เขาโน้มตัวเข้าไปหาเธออีกครั้ง แผ่นหลังบางเอนลงและเม้มริมฝีปาก “เมื่อวานฉันบอกกับคุณนายจิ่งแล้วว่าฉันจะไม่ไป แต่แค่ไม่ได้บอกนายเท่านั้นเอง!”
เธออาศัยความยืดหยุ่นของตัวเธอค่อย ๆ ใช้แรงดันคลายตัวออก แต่ทว่าเขาก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งโอบเอวของเธอไว้แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “มีอะไรอีกไหม?”
ครั้งนี้เธอถูกเขากอดไว้อย่างแนบแน่นจนแทบจะขยับตัวเองไม่ได้ ก่อนจะปล่อยให้เขาทุ่มแรงทั้งหมดจัดแจงท่วงท่าของเธอไปแทน “เมื่อคืนไม่ได้รอนายที่ห้อง?”
เขาค่อย ๆ ใช้แรงกดหนักขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของเธอในตอนนี้ไหนเลยจะแสดงท่าทีสำนึกผิด “ยอมรับผิดแล้วหรือยัง หือ?”