ตอนที่ 234 ความยากลำบาก

ถ้าหากตระกูลเหลียวล้มลงจริง ๆ การใช้ชีวิตของเธอที่บ้านของโอวหยางลี่คงจะยิ่งยากลำบาก เธอรู้จักเฉาลี่เฟยเป็นอย่างดี

ตอนที่ตระกูลอันล่มสลาย เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะให้โอวหยางลี่แต่งงานกับเหลียวเว่ย ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ก็ถือว่าโอวหยางลี่หย่ากับเหลียวเว่ยแล้ว ด้วยความมั่นคงในปัจจุบันของโอวหยางลี่ในเมือง A ที่ยังเป็นที่นิยมอยู่ค่อนข้างมาก

ช่วงค่ำคืนก็กลับมาอีกครั้ง สกุลเหลียวตอนนี้ยังไม่มีประกาศข่าวเกี่ยวกับการล้มละลาย ไม่มีเลยแม้แต่น้อย

ให้คนอื่น ๆ นั้นเดาดูว่าแท้จริงแล้วจิ่งเป่ยเฉินหมายความยังไงกันแน่!

บ้านของโอวหยางที่เคยสว่างไสวในตอนนี้กลับมืดสนิท เหลือเพียงแค่ชั้นสองที่มีแสงไฟสลัว ๆ ปรากฏขึ้นมา

กระทั่งเกิดเสียงหนึ่งขึ้นดัง เพล้ง! โอวหยางลี่ปล่อยแก้วไวน์ลงบนพื้น ก่อนจะนั่งมองคนที่อยู่ตรงข้ามที่กำลังเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยความงุนงง

“โหรวโหรว……” เขายื่นมือไป อยากที่จะเอื้อมไปหาคนข้างหน้า แม้จะเป็นแค่เพียงภาพจินตนาการของเขาก็ตาม

ร่องรอยความดุร้ายและความเสียใจฉายผ่านออกมาจากดวงตาของเหลียวเว่ย เธอสวมชุดกระโปรงพลิ้วสีม่วงเดินไปหาเขา พร้อมแต่งหน้าแบบที่อันโหรวชอบแต่ง ม้วนลอนผมถูกปล่อยไปตามธรรมชาติ ปิดบังเรือนร่างของเธอ แต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ก็ถูกเขาดึงเธอเข้าไปอย่างกะทันหัน

“โหรวโหรว! โหรวโหรว!” โอวหยางลี่แทบอยากจะกอดผู้หญิงคนนี้ไว้อย่างบ้าคลั่ง

เขาสงสัยว่าตัวเองนั้นดื่มมากเกินไปหรือเปล่า ถึงได้เห็นโหรวโหรวกลับมาข้างกายเขาแบบนี้ และตอนนี้เธอก็กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ลี่!” เธอเอ่ยคำพูดเบา ๆ ออกมา ถึงแม้จะไม่ได้คล้ายกับน้ำเสียงของอันโหรวมากนัก แต่ทว่าน้ำเสียงกลับอ่อนโยน โอวหยางลี่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกหลงใหล คิดว่าเธอคนนี้คืออันโหรว

หลังจากที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างรุนแรง ทั้งสองคนก็จูบกันอย่างเร่าร้อน เหลียวเว่ยรู้สึกได้ถึงเสื้อผ้าของเธอที่ค่อย ๆ ถูกเปลื้องออกไป เธอหมุนตัว แต่กลับถูกเขากอดรัดและดึงไปที่โซฟา

ค่ำคืนนี้เธอได้วางยาเขา ซึ่งเป็นวันที่เธอคำนวนเอาไว้แล้ว คืนนี้จะเป็นคืนที่มีโอกาสตั้งท้องได้สูงมาก เธอไม่ควรที่จะพลาดโอกาสนี้อย่างเด็ดขาด

สกุลเหลียวใกล้ที่จะล่มละลาย เมื่อเห็นพ่อของแม่ของเธอที่นับวันยิ่งแก่ลง เธอขอร้องโอวหยางลี่กับเฉาลี่เฟยอยู่หลายครั้ง แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย

หลายวันมานี้ ไม่ว่าจะเป็นเมือง Aหรือเมืองอื่น ๆ คนที่หามาให้ช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ไม่มีใครเต็มใจหรือคิดจะช่วยพวกเขาเลยสักคน

เพราะงั้นต่อให้สกุลเหลียวต้องล่มสลายไป เธอก็ต้องห้ามออกจากบ้านของโอวหยางลี่โดยเด็ดขาด เธอชอบโอวหยางลี่มาก เธอไม่คิดอยากจะทิ้งเขาไปหรอกนะ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหายออกจากไปชีวิต นั่นจะทำให้เธอที่เป็นคุณหนูผู้สูงส่งกลายเป็นคุณหนูผู้ถังแตก ซึ่งมันเป็นอะไรที่เธอรับไม่ได้อย่างแน่นอน

ตอนนี้หนทางเดียวที่จะช่วยเธอได้ก็คือ……การตั้งครรภ์ลูกหลานของตระกูลโอวหยาง

เด็กเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยเธอได้ แม้ว่าโอวหยางลี่จะไม่ต้องการลูกก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังมีเฉาลี่เฟยที่อยากได้ ซึ่งเธอคนนั้นต้องการหลานชายเป็นอย่างมาก

“โหรวโหรว! โหรวโหรว!”

เหลียวเว่ยสูดลมหายใจเข้า รู้สึกเจ็บปวดภายในใจ แต่ร่างกายกลับยอมเขาอย่างช่วยไม่ได้

นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้นอนด้วยกัน แล้วยังออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงแบบนี้อีก

เช้าวันรุ่งขึ้น โอวหยางลี่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง เขายกมือจับขึ้นกุมขมับของตัวเองด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะก้มหน้าลงและเห็นว่าพวกเขาได้หลับนอนด้วยกัน

เขาค่อย ๆ ทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขาเห็นโหรวโหรว เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโซฟาทันที ก่อนจะมองเหลียวเว่ยที่หลับอยู่ข้าง ๆ และพูดว่า “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

เหลียวเว่ยได้ยินเสียงที่โกรธเคืองของเขา เธอจึงตื่นขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันได้ชำเหลืองสายตามองเขา เธอก็รีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาทันที ก่อนจะสวมมันด้วยความรวดเร็ว

“ทำไม? สามีของตัวเองต้องถามหาเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้กับฉันด้วยเหรอ? ในเมื่อคุณเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ!” ตอนนี้เธอต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ เพราะตระกูลเหลียวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับร่างกายของเธอ

ชุดกระโปรงบนร่างกายของเธอถูกเขาฉีกออกอย่างไม่เกรงใจอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เธอจึงเปลือยกายอยู่ต่อหน้าเขา

โอวหยางลี่โยนกระโปรงเธอลงไปบนพื้นพลางแสดงสีหน้าที่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก เขาก้มลงมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว“เหลียวเว่ย เมื่อคืนเธอทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ!”

“ฉันทำเรื่องชั่วร้ายมากเลยงั้นเหรอ? คนที่ผิดควรจะเป็นนายมากกว่าถึงจะถูก! นายเป็นลูกเขยคนอื่นหรือยังไง? เห็นอยู่ว่าตระกูลเหลียวกำลังแย่ แต่กลับไม่คิดจะช่วย!”เธอลุกขึ้นยืนและเงยหน้ามองไปที่เขา พร้อมกับพูดจาเสียดแทง

“ฉันไม่คิดจะพูดกับเธอเรื่องนี้หรอกนะ! จิ่งเป่ยเฉินพูดออกไปตั้งนานแล้วนี่ เธอคิดว่าฉันจะช่วยได้งั้นเหรอ? หรือเธอต้องการให้กลุ่มโอวหยางกรุ๊ปต้องล่มสลายไปพร้อมกับสกุลเหลียวในเมือง A!” โอวหยางลี่จ้องมองไปที่เธอและพูดต่อว่า “หลังจากนี้อย่ามาเล่นตลกต่อหน้าฉันอีก โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัวเหมือนกับเธอคนนั้น! ฉันไม่ชอบเธอตั้งแต่ก่อนหน้านั้น และจนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่เคยชอบเธอ เธอควรสำเหนียกตัวเองได้แล้ว ไม่อย่างนั้นละก็ หลังจากนี้ฉันจะสั่งให้เธอออกจากบ้านของฉันไป!!”

โอวหยางลี่พูดจบก็หันหลังเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที ทิ้งเอาไว้เพียงแต่ความยุ่งเหยิง ปล่อยให้เหลียวเว่ยอยู่ด้านหลังเพียงลำพัง

เธอนั่งลงกับพื้นด้วยความหดหู่ ก่อนที่จะหลับตาแน่นและกัดฟันกรอด พลางตะโกนออกมา “อันอีหาน!”

ในค่ำคืนนั้นที่แสงไฟไม่ได้ดูสว่างมากนัก เธอเห็นใบหน้าที่ถูกตกแต่งของเธอถูกล้างออก แต่ก็ไม่เห็นว่าหน้าตาที่แท้จริงของเธอนั้นเป็นยังไง เพราะเธอถูกจิ่งเป่ยเฉินกอดเอาไว้ ได้ยินแต่เสียงเรียกของเขาเพียงสองคำ ‘หานหาน’

ในตอนนั้นอารมณ์และความตื่นเต้นเกิดขึ้นค่อนข้างมาก จิ่งเป่ยเฉินทำไมถึงไม่พูดชื่อโหรวโหรวออกมากัน?

ทำไมถึงได้เป็นหานหาน?

หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอันอีหาน ไม่ใช่อันโหรว?

ทันทีที่ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำ เธอก็รีบลุกขึ้นไปบนนอนเตียง พร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมา

ตระกูลเหลียวไม่รอดถึงวันนี้แน่ ๆ!

แต่เมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากลับไม่ได้ดูข่าวของตระกูลเหลียวเลยสักนิด เธอรู้สึกสนใจความสัมพันธ์ระหว่างอันอีหานกับจิ่งเป่ยเฉินมากกว่า

บนอินเทอร์เน็ตมีรูปภาพของคนสองคนกำลังไปรับเด็ก ๆ ด้วยกัน ในรูปนั้นจิ่งเป่ยเฉินกอดเด็กผู้หญิงผมบลอนด์ทองที่มีดวงตาสีฟ้า ดูแล้วไม่น่าจะเป็นลูกจิ่งเป่ยเฉิน

ถ้าหากเป็นลูกของอันอีหานละก็ แสดงว่าเธอคงต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ หรือว่าอันอีหานกับอันโหรวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันจริง ๆ

อันโหรว ทางที่ดีเธออย่ากลับมาเลย!

 

เธอนั้นไม่คิดอยากจะให้เธอได้เห็นชะตากรรมที่เธอได้รับตอนนี้

แต่ไหนแต่ไรเธอคือผู้ชนะ และหลายปีมานี้เธอก็ยังคงเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะอยู่เสมอ!

เธอกำโทรศัพท์มือถือแน่น ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตู เธอหันหน้าไปมองโอวหยางลี่ที่แต่งตัวเสร็จแล้วและเดินออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่จะชำเหลืองสายตากลับมามองเธอเลยสักนิด

ปัง! เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นอย่างรุนแรง เธอก็รู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ

แต่เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นในโลกอินเทอร์เน็ต เธอก็โยนโทรศัพท์ของเธอลงบนเตียง ก่อนจะพิงไปที่ผนังและนอนคว่ำลงเพื่อให้ง่ายต่อการตั้งท้องมากที่สุด

  

……

ในที่สุดข่าวของสกุลเหลียวก็ได้ประกาศเกี่ยวกับการล้มละลายขึ้น และเป็นข่าวที่ถูกบริษัทสกุลจิ่งฮุบซื้อมา ไม่มีแม้แต่กลุ่มเครือโอวหยางกรุ๊ปเข้าซื้อมันแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการขายทิ้งและสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลไปแทน

ส่วนผู้ที่ขายทอดออกไปนั้นเป็นคนที่ลึกลับซึ่งไม่มีใครล่วงรู้

อันโหรวที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากคุณนายจิ่ง เธอก็คิดอยากจะหัวเราะออกมาทันที

นั่นก็เพราะว่าเมื่อครู่นี้คุณนายจิ่งได้ฝากให้เธอบอกจิ่งเป่ยเฉินว่าคืนนี้ให้กลับไปที่บ้าน เพราะว่าวันนี้พ่อของเขานั้นกลับมาจริง ๆ แล้ว

หรือว่าครั้งที่แล้วจะเป็นกลับมาปลอม ๆ งั้นเหรอ?

แต่ว่าจิ่งเป่ยเฉินจะกลับไปหรือเปล่านั้น……..

เธออดที่จะยิ้มไม่ได้ ก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงแหบแห้งว่า “คุณนายจิ่งวางใจได้เลยค่ะ ฉันจะบอกเขาให้เอง”

“เธอ……” อีกฝ่ายลังเลอยู่เล็กน้อย “เธอเองก็มาด้วย! พวกเราอยากเห็น”

“คุณนายจิ่ง ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังมีงานต้องทำ ประธานจิ่งน่าจะกลับไปได้นะคะ” ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอพ่อแม่ของเขาเท่าไรนัก

“งั้นก็ตามใจเธอละกัน!” ซูรั่วหยาวางสายโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกนึกเสียดาย

หลังจากนั้นเธอก็ได้เดินไปยังห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินและบอกคำพูดที่ถูกฝากมาจากซูรั่วหยาไป แต่เธอไม่ได้พูดเรื่องที่อยากให้เธอไปหา แค่บอกกับเขาไปว่าพ่อของเขากลับมาจริง ๆ แล้ว

จิ่งเป่ยเฉินในที่สุดก็ได้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอ ในใจก็แอบคิดว่าประธาน TE ฉีหย่วนหยางคนนี้เป็นบ้าไปแล้วหรือยังไงกัน?

นี่เขาเล่นทำให้สกุลเหลียวเกิดความหวัง แต่ทันใดนั้นก็เล่นฮุบซื้อสกุลเหลียวด้วยราคาก้อนโตไปแบบนั้น