สิ่งที่ตั้งอยู่ติดผนังคือชั้นวางตำราหนึ่งแถว ตำราที่เขาเคยอ่านถูกจัดวางอยู่บนนั้นทีละเล่มอย่างเป็นระเบียบ บนนั้นไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย ถูกทำความสะอาดอย่างเอาใจใส่ หน้าชั้นวางเป็นโต๊ะหนังสือตัวใหญ่ บนนั้นมีอุปกรณ์เครื่องเขียนจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เซียวจื่อเมิ่ง “พี่ใหญ่ นั่นล้วนเป็นของใหม่ พี่สะใภ้ใหญ่ซื้อให้ท่านใหม่หมดเลยเจ้าค่ะ”
มุมหนึ่งของโต๊ะตัวกว้าง มีแจกันดินเผาเก่าแก่โบราณขนาดเล็กวางอยู่ ในแจกันมีดอกไม้ขนาดเล็กสีสันสดใสเสียบอยู่สองดอก แต่งแต้มให้ห้องหนังสือที่เรียบง่ายมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้น
นอกจากโต๊ะหนังสือและชั้นวางตำราแล้ว ในห้องไม่มีของประดับอื่นอีก แต่สำหรับคนเรียนหนังสือ เพื่อไม่ให้เสียสมาธิ ขอเพียงมีของสองสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้ว
สายลมพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง พัดจนผ้าม่านโปร่งสีขาวพลิ้วไหว เซียวยวี่เห็นอย่างเลือนรางว่าตรงมุมหนึ่งของผ้าม่านโปร่ง ปักลายใบไผ่สีเขียวมรกตไว้
ออกไปนานสามเดือนกว่า แต่ละวันล้วนมีชีวิตอย่างหวาดระแวง เพราะนอกจากต้องสอบแล้ว ความคิดทั้งหมดของเขาล้วนอยู่กับเด็กสองคน เป็นห่วงว่าเด็กสองคนอยู่ที่บ้านจะถูกทารุณและข่มเหงรังแกอย่างไร
วันนี้ได้กลับมา ทุกสิ่งที่เห็น และเด็กทั้งสองคน ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง ตกตะลึงจนเขาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นกับตา
เขาลูบตำราของตัวเอง ตำราทุกเล่มถูกเช็ดทำความสะอาดจนไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย พอจะดูออกว่ามีคนคอยเช็ดพวกมันอยู่เป็นประจำ
เด็กสองคนยังเล็กเกินไป บางครั้งดูแลตัวเองยังไม่ได้ ย่อมไม่มีทางคิดเรื่องอื่นได้ พอจะดูออกว่าเป็นอีกคนที่อยู่ในบ้านคอยดูแลสิ่งเหล่านี้อย่างใส่ใจ
แต่นางทำไปเพื่ออะไรกัน?
เครื่องหมายคำถามนับไม่ถ้วนลอยวนเวียนอยู่ในห้วงความคิด เขามีคำถามมากมายที่อยากถาม
“นี่… ล้วนเป็นสิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวทำ? ” เซียวยวี่หยิบตำราพร้อมเอ่ยถาม
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส ย่อมกล่าวตามจริง “เจ้าค่ะ ล้วนเป็นสิ่งที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำ พี่สะใภ้ใหญ่ยังใช้ผ้าสะอาดเช็ดตำราทั้งหมด ข้าก็ช่วยทำด้วยเจ้าค่ะ! ”
นางแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ เชิดหน้าขึ้นสูง รอคอยให้เซียวยวี่เอ่ยชม
“อาเมิ่งเก่งจริงๆ รู้จักช่วยทำงานให้พี่ใหญ่ด้วย” เซียวยวี่ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
เซียวจื่อเมิ่งได้รับคำชม ย่อมรู้สึกภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าข้าเก่งที่สุด พี่สะใภ้ใหญ่ยังบอกว่าตัวหนังสือของข้ามีความก้าวหน้ามากกว่าตัวหนังสือที่พี่รองเขียนด้วยเจ้าค่ะ! ”
“นางสอนเจ้าและพี่รองเขียนหนังสือด้วย? ” เซียวยวี่รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
“เจ้าค่ะ พี่ใหญ่ ข้าเขียนไว้มากมายทีเดียว ข้าจะไปนำมาให้ท่านดูเจ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งกระโดดโลดเต้นกลับไปที่ห้อง หยิบกระดาษปึกหนึ่งที่มีตัวหนังสือเขียนอยู่มา ยื่นส่งให้เซียวยวี่ประหนึ่งกำลังมอบของล้ำค่า “พี่ใหญ่ ท่านดู นี่คือที่ข้าเขียน นี่คือที่พี่รองเขียน ท่านว่าใครเขียนได้สวยเจ้าคะ”
เซียวยวี่กวาดตามองทีหนึ่ง ก็ดูออกแล้วว่าเด็กสองคนก้าวหน้าขึ้นมากทีเดียว!
“ตัวหนังสือของอาเมิ่งเขียนได้ดูดีจริงๆ ” เซียวยวี่เอ่ยชม
ตัวหนังสือของเด็กสองคนดีขึ้นไม่น้อย เดิมทีเซียวยวี่คิดว่าพอเขาไม่อยู่ เด็กสองคนจะละเลยเรื่องการเขียนหนังสือ ใครจะรู้ว่าเด็กสองคนนี้ไม่เพียงไม่ได้ละเลย กลับเขียนได้ดีกว่าก่อนเขาจะไปเสียอีก!
“พี่สะใภ้ใหญ่ให้ข้ากับพี่รองคัดตามตัวหนังสือของท่านวันละสองหน้าทุกวัน ข้ามักจะจับพู่กันได้ไม่ดี พี่สะใภ้ใหญ่จึงจับมือของข้าเขียนเจ้าค่ะ! ”
จับมือของอาเมิ่งเขียนหนังสือ?
เซี่ยยวี่หลัวเขียนหนังสือเป็นหรือ!
เซียวยวี่ขมวดคิ้ว กำลังคิดจะถามว่าเซี่ยยวี่หลัวเขียนหนังสือเป็นได้อย่างไร เสียงของเซียวจื่อเซวียนก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“พี่ใหญ่ ข้าเตรียมน้ำอาบให้ท่านแล้ว ท่านรีบมาอาบน้ำได้แล้วขอรับ”
ห้องนอนด้านนอกมีห้องอาบน้ำ เซียวจื่อเซวียนยกน้ำร้อนและน้ำเย็นมาหลายถัง เซียวยวี่เห็นว่าพอตัวเองกลับบ้าน ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ แม้แต่น้ำที่ใช้อาบก็มีคนเตรียมให้แล้ว ภายในใจรู้สึกอบอุ่นเสียยิ่งกว่ากระไร
“พี่ใหญ่ เสี้อของท่านอยู่ด้านใน ยังมีผ้าเช็ดตัว ล้วนเป็นของใหม่และสะอาด สบู่ก็เพิ่งนำออกมาขอรับ”
เซียวยวี่มายังห้องเล็กในเรือนของตัวเอง ในนั้นมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ในอ่างมีน้ำใส่ไว้เกินครึ่งอ่าง ข้างๆ มีเก้าอี้สูงตัวหนึ่ง บนเก้าอี้มีสบู่สีขาวก้อนหนึ่งวางอยู่ เขาหยิบขึ้นมาดมดู เป็นกลิ่นดอกกุ้ยฮวาที่หอมหวน
เห็นอาเซวียนบอกว่า สบู่นี่เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนทำเอง ในสบู่ที่ใช้อาบน้ำผสมน้ำหวานของดอกไม้ ข้างเก้าอี้มีผ้าเช็ดตัวสะอาดผืนหนึ่ง ข้างผ้าเช็ดตัว คือเสื้อฤดูใบไม้ผลิผืนบางที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย
เสื้อสีขาว เป็นเสื้อใหม่
เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เป็นของที่ตัดเย็บขึ้นใหม่!
เขาเอื้อมมือไปสัมผัส เนื้อผ้าอ่อนนุ่มมาก สวมใส่บนกายน่าจะสบายเป็นพิเศษ
เซียวยวี่ถอดเสื้อผ้าบนกายที่ไม่รู้ว่าสวมใส่มากี่วันออก ลงไปในอ่างอาบน้ำ น้ำอุ่นร้อน รู้สึกสบายไปจนถึงเส้นผม
เขาบิดผ้าผืนหนึ่งจนหมาด วางไว้บนใบหน้า
ภายในใจมีคำถามนับพันนับหมื่น ทำให้เขาทั้งรู้สึกยินดีและฉงนใจ
ยินดีที่พอกลับถึงบ้าน น้องชายน้องสาวได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เรื่องเล็กใหญ่ภายในบ้านมีการจัดการอย่างเรียบร้อย ไม่ใช่กลับมาแล้วมีแต่เรื่องวิวาทไม่หยุด เอะอะโวยวาย เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก
เรื่องที่ฉงนสงสัย คือเหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงเปลี่ยนไป?
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้นางเปลี่ยนไป?
หากนางไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา ก็จะเปลี่ยนกลับไปสู่อุปนิสัยอย่างเดิมอีกหรือไม่?
คำถามมากมาย ข้อกังขามากมาย ความสงสัยมากมาย!
เซียวยวี่ปล่อยตัวเองให้จมลงไปใต้น้ำ จมอยู่ภายในอ่างอาบน้ำทั้งตัว
เพราะอะไรกัน?
อาบน้ำเสร็จ คำถามเหล่านั้นก็ยังคิดไม่ตก บนตัวสะอาดสะอ้านรู้สึกสบายตัว ภายในสมองกลับยังมีแต่ปมปริศนา
สวมเสื้อผ้าเสร็จ มายังลานบ้าน เสียงพูดคุยสนุกสนานดังขึ้นจากห้องของเซี่ยยวี่หลัว ไม่รู้ว่านางกล่าวอะไร เซียวจื่อเมิ่งจึงหัวเราะคิกคัก
เซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเมิ่งอาบน้ำด้วยกัน อาบเสร็จแล้ว นางออกมาเทน้ำ จึงเห็นเซียวยวี่ที่กำลังตากลมอยู่กลางลานบ้านพอดี
เซียวยวี่ได้ยินเสียง หันกลับไปก็เห็นนางเช่นกัน
สายตาของทั้งสองคนสบประสานกันเป็นครั้งที่สอง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกลัว!
คนบางคนจะสร้างแรงกดดันและดูน่าเกรงขามแต่กำเนิด ทำให้คนอื่นรู้สึกวางตัวไม่ถูก
“คือ… เจ้า เจ้าอาบเสร็จแล้วงั้นหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวเห็นเขาแล้ว จะไม่กล่าวอะไรเลยก็คงไม่ได้ เช่นนั้นเสียมารยาทเกินไป นอกจากนั้น จะทำให้ท่านราชบัณฑิตน้อยรู้สึกว่านางหยิ่งยโสเกินไป เพื่อสร้างภาพลักษณ์อันดีให้เซียวยวี่เห็น จึงกล่าวทักทายด้วยท่าทางลำบากใจ
เซียวยวี่พยักหน้า สีหน้ายังคงเรียบสงบเช่นเคย
ด้านนอกแม้จะไม่สว่างมาก แต่ใครให้เซี่ยยวี่หลัวมีสายตาดี มองบุรุษตรงหน้าอย่างทะลุปรุโปร่ง
เขาอาบน้ำเสร็จแล้ว เปลี่ยนเสื้อซับในที่นางทำให้ใหม่ เสื้อซับในเป็นสีขาวล้วน อ่อนนุ่มและสบายตัว เพราะเป็นเสื้อที่สวมใส่ไว้ด้านใน ไม่ใส่ออกไปข้างนอก ดังนั้นเซี่ยยวี่หลัวจึงซื้อผ้าอย่างดี ฝีมือการตัดเย็บของนางก็ไม่เลว ตัดเย็บตามขนาดเสื้อผ้าเดิมของเขาโดนขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ทำออกมาได้พอดีตัว
ทั้งสองคนต่างจ้องมองกันโดยไม่กล่าวอะไร เหมือนจะมีกลิ่นอายคุกรุ่นเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวพูดไม่ออก ไม่มีอะไรให้พูด ได้แต่หาหัวข้อสนทนา “คือ เสื้อตัวนี้ไม่มีตรงไหนไม่พอดีตัวใช่หรือไม่? หากมีตรงไหนไม่พอดี เจ้าบอกข้าได้ ข้าจะแก้ให้ทันที! ”
เซียวยวี่ก้มหน้า มองดูเสื้อบนกาย ก่อนใส่เขาลองดูเสื้อตัวนี้โดยละเอียดแล้ว
เสื้อซักได้สะอาด บนเสื้อยังมีกลิ่นหอมของสบู่ ฝีเข็มละเอียด พอจะดูออกว่ามีฝีมือเย็บปักดีเยี่ยม
หากไม่ใช่เพราะเซียวจื่อเมิ่งบอกว่าเห็นเซี่ยยวี่หลัวตัดผ้า เย็บเสื้อ ปักลายด้วยตัวเอง เซียวยวี่คงคิดว่า นี่เป็นเสื้อสำเร็จที่เซี่ยยวี่หลัวแอบซื้อกลับมาจากร้านผ้า แล้วแสร้งทำเป็นว่านางเป็นคนตัดเย็บขึ้นเอง!
“เสื้อใส่ได้พอดีตัว” เซียวยวี่กล่าวตอบอย่างเรียบสงบ
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม ถือถังน้ำพร้อมยิ้มแก้เก้อ “พอดีตัวก็ดีแล้ว คือ นี่ก็ดึกแล้ว เจ้าเดินทางมาก็เหนื่อย รีบพักผ่อนเถอะ เครื่องนอนล้วนเพิ่งเปลี่ยนใหม่ เคยตากแดดแล้ว สะอาดมาก เจ้านอนอย่างสบายใจได้ ไม่เคยมีคนใช้มาก่อน! ”
จื่อเซวียนบอกว่า พี่ใหญ่ของเขารักความสะอาดเป็นพิเศษ ดังนั้นเซี่ยยวี่หลัวจึงเน้นย้ำประโยคสุดท้าย
เซี่ยยวี่หลัวไม่รอให้เซียวยวี่กล่าวอะไร หิ้วถังน้ำเข้าไปในห้อง นางไม่สนว่าเซียวยวี่จะกล่าวอะไร อย่างไรเสียสิ่งที่นางควรกล่าวก็กล่าวหมดแล้ว
นางก็ไม่ได้คาดหวังว่าเซียวยวี่จะกล่าวอะไรด้วย!
เซียวยวี่ย่อมไม่พูดคุยกับนาง เรื่องนี้นางรู้แก่ใจดี
นางรีบกลับเข้าห้องไปราวกับเป็นลูกหนูตัวน้อยที่แอบขโมยน้ำมันสำเร็จแล้ว ปิดประตูห้อง ผ่านไปเพียงครู่เดียว ไฟในห้องก็ดับไป เหลือแต่ความมืดมิด