ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว วิธีที่นิยมใช้ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยที่มีสิ่งแปลกปลอมที่อุดกั้นหลอดลมมากที่สุดก็คือวิธีหัตถการไฮม์ลิคช์[1]
หลักการคือการใช้แรงอัดกระแทก[2]ตรงบริเวณกะบังลมอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดแรงดันขึ้นกดทับ ส่วนล่างของปอดจึงขับอากาศที่ตกค้างในปอดให้เกิดกระแสลมพร้อมกับแรงดันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านหลอดลม ขจัดสิ่งแปลกปลอมที่อุดกั้นหลอดลมให้ถูกดันออกมาผ่านหลอดลมและลำคอ ทำให้ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้
แต่ในขณะเดียว กันวิธีหัตถการไฮม์ลิคช์ยังคงเป็นวิธีการที่มีโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนสูง ทว่าประสิทธิภาพในการช่วยชีวิตกลับไม่ได้สูงมากนัก
เห็นได้ชัดว่าผู้เป็นพ่อของเด็กคนนี้ไม่ได้มีความชำนาญในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยวิธีการนี้
ในตอนที่เด็กหญิงถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาล เด็กหญิงหมดสติแล้ว ในสภาวะวิกฤติเช่นนี้ วิธีหัตถการไฮม์ลิคช์ไม่จัดว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
อีกทั้งที่โรงพยาบาลมีตัวเลือกในการช่วยชีวิตที่เหมาะสมกว่าวิธีหัตถการไฮม์ลิคช์มาก ไม่ว่าจะเป็นวิธีการส่องกล้องด้วยบรองโคสโคป หรือการเจาะคอ
ถ้าเฉินชางอยู่นอกโรงพยาบาล และบังเอิญเจอผู้ป่วยประเภทนี้เข้า เขาจะต้องเลือกกู้ชีพด้วยวิธีการหัตถการไฮม์ลิคช์แน่นอน
แต่ถ้าผู้ป่วยอยู่ในสภาวะระบบทางหายใจหยุดทำงาน หัวใจหยุดเต้น ห้ามกระทบกระเทือนบริเวณด้านหลังของผู้ป่วยเด็ดขาด ควรนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ห้องหัตถการภายในห้องส่องกล้องของโรงพยาบาลอันดับมีองค์ประกอบที่ได้มาตรฐานสูงมาก ถึงแม้จะเทียบกับห้องผ่าตัดไม่ได้ แต่ก็เพียงพอที่จะใช้เป็นสถานที่ทำหัตถการเจาะคอได้อย่างสบาย
แต่ในเมื่อเป็นการผ่าตัด ไม่จะเป็นการผ่าตัดเล็กหรือใหญ่ จำเป็นต้องได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้งการเซ็นยินยอมเข้ารับการผ่าตัดจากคนในครอบครัวเป็นเอกสารกองใหญ่ ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะเป็นช่วงเวลาคับขับ แต่เฉินชางก็ยังต้องดำเนินการตามกฎระเบียบนี้ให้ครบถ้วน
อย่าคิดว่าเอกสารยินยอมเหล่านี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ ถึงอย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นการผ่าตัด ย่อมมีความเสี่ยงและข้อจำกัดที่แฝงอยู่แน่นอน รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีเหตุผิดพลาดเกิดขึ้น
เมื่อเฉินชางเดินออกมาจากห้องส่องกล้อง ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกัน!
พูดให้ถูกต้องสักหน่อยก็คือ มีผู้หญิงสวมชุดที่ดูเหมือนเป็นชุดยูนิฟอร์มของพนักงานธนาคาร ใบหน้าของเธอเปียกปอนไปด้วยน้ำตา กำลังยืนชี้หน้าด่าผู้ชายที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงนั้น
“สวีเหลียง คุณบอกมาสิว่าโตป่านนี้แล้วคุณทำอะไรเป็นบ้าง ให้ดูแลลูกยังดูแลไม่ได้ ทั้งวันเอาแต่เล่นเกมห่วยแตกนั่น! คุณเล่นต่อสิ? ทำไมไม่เล่นแล้วล่ะ ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ ถ้าลูกพิการขึ้นมาฉันจะหย่ากับคุณ!”
สวีเหลียงนั่งกอดเข่าเอาหน้าซุกไว้กับหน้าขา มือทั้งสองข้างกุมศีรษะ ปล่อยให้ฝ่ายหญิงด่าสาดเสียเทเสียโดยที่ไม่ตอบโต้สักคำ
เรื่องนี้เป็นความผิดของเขาจริงๆ!
ถ้าเกิดอะไรกับลูกของเขาขึ้นมาจริงๆ เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต
ในหัวเขาคิดถึงเถียนเถียนลูกสาวของเขาไม่หยุด ภาพรอยยิ้มที่ผุดขึ้นในหัวของสวีเหลียงเป็นเหมือนคมมีดที่ทิ่มแทงหัวใจส่วนที่ลึกที่สุดซ้ำๆ จนเป็นแผลลึก!
ถามว่าเขาเจ็บปวดไหม
เขาเจ็บปวดดั่งมีดเชือดเฉือนใจ!
สวีเหลียงถึงขั้นยอมแลกชีวิตของตัวเองเพื่อให้ลูกสาวของเขาได้มีชีวิตรอด
เธอเพิ่งจะสามขวบเท่านั้นเอง!
เธอน่ารัก เฉลียวฉลาด ยิ้มเก่ง
เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ เถียนเถียนเพิ่งจะท่องจำพินอิน[3]ได้ เถียนเถียนดีใจมาก ดูเหมือนว่าเธอจะกระตือรือร้นที่จะท่องจำพินอินไม่ยอมหยุด เธอท่องมันครั้งแล้วครั้งเล่า เขียนออกมาตามที่จำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกครั้งที่สวีเหลียงคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็แทบอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือของเขาทิ้ง!
ถ้าเขาไม่ไปเล่นเกม แต่อยู่สอนการบ้านลูกสาวจนเสร็จ ท่องพินอินคัดพินอินไปด้วยกัน ดูเธอเติบโต…
คงจะวิเศษมากเลย!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาของสวีเหลียงก็ไหลหยดลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า
ไม่ใช่เพราะความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ!
แต่เป็นความรู้สึกสำนึกผิด!
เป็นความรู้สึกอับจนหนทาง!
ชีวิตมีเพียงครั้งเดียว ไม่มีใครจ่ายค่าความผิดพลาดให้คุณ มือทั้งสองข้างของสวีเหลียงกุมศีรษะ ปลายนิ้วมือทั้งสิบจิกลงบนหนังศีรษะ จน…เข้าเนื้อ!
ทว่าเขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเถียนเถียน
เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา คิดถึงตอนที่หนูน้อยน่ารักขี่คอเขา หนูน้อยกำเส้นผมของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง พลางส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า พ่อจ๋าผมมันจังเลย พ่อจ๋าไม่สระผม สวีเหลียงก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
เขากลัวเหลือเกิน!
เขากลัวจะตายอยู่แล้ว!
เขารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เขารู้สึกผิดมากเหลือเกิน!
คำดุด่าของภรรยาที่พรั่งพรูออกมา ความโกรธเกรี้ยวของภรรยาที่ลงกับเขา สำหรับเขาแล้วกลับกลายเป็นสิ่งที่ช่วยคลายความทุกข์ให้รูปแบบหนึ่ง
ด่าผมเถอะ!
ผมผิดไปแล้ว!
ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ…
ความโมโหเดือดดาลกับความโกรธแค้นของภรรยากลับช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดบาปในใจผมให้เบาบาง
“สวีเหลียง คุณอยู่กับฉัน คุณอยู่กับลูกสาวฉัน…” หญิงสาวร้องห่มร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นสายน้ำ ชุดยูนิฟอร์มเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมูกน้ำตา สิ่งเหล่านี้ไม่มีความสลักสำคัญอะไรกับเธอ จะมีอะไรสำคัญไปกว่าลูกของเธอได้เล่า
เมื่อผู้ป่วยที่อยู่บริเวณนั้นเห็นสองสามีภรรยาคู่นี้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเขาต่างก็ได้แต่ทอดถอนใจ!
ไม่มีใครตำหนิติเตียน แล้วก็ไม่มีใครด่าว่า
ที่โรงพยาบาลจะได้เห็นบทละครแห่งชีวิตที่หลากหลายเรื่องราวเหลือเกินเกิดขึ้นในทุกวัน มีทั้งเรื่องราวแห่งความสุข ความโกรธ ความวิตก ความเศร้าหมอง ความหวาดกลัว ความทุกข์จากการจากลา ความสุขที่ได้พบกันอีกครั้ง มีทั้ง…
เมื่อเห็นหญิงสาวตกอยู่ในสภาพจิตใจเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ทำได้แค่เพียงรู้สึกเห็นใจ
จะรู้สึกอะไรได้อีกล่ะ
เมื่อเฉินชางเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็เดินเข้าไป “เอ่อ คุณพ่อของผู้ป่วย?”
เมื่อสวีเหลียงเห็นเฉินชาง เขาก็รีบลุกขึ้นทันที “คุณหมอ คุณหมอ! ลูกสาวผมเป็นไงบ้างครับ”
หญิงสาวเองก็สงบสติอารมณ์ลงในเวลาต่อมา นัยน์ตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลอเบ้า “คุณหมอ…คุณหมอ…เถียนเถียนเป็นไงบ้างคะ”
เฉินชางมองดวงหน้าของสวีเหลียงที่เปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำตาที่ยังไม่ได้เช็ดออก “ไม่ต้องกังวลครับ ตอนนี้อาการของเด็กยังไม่อันตรายถึงชีวิต แต่เราคีบยางลบออกมาผ่านการส่องกล้องไม่ได้ จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดหลอดลมเพื่อเอายางลบที่ติดอยู่ออกมา เราจำเป็นต้องให้คนในครอบครัวของเด็กเซ็นยินยอมก่อนครับ”
เมื่อสวีเหลียงกับหญิงสาวได้ยินคำว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต พวกเขาก็พลันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ถึงอย่างไรเสียตอนที่นำตัวเด็กมาส่งที่โรงพยาบาล ลมหายใจของเด็กก็รวยรินจนแทบจะหยุดหายใจแล้ว…
สวีเหลียงพยักหน้าตกลงทันที “ผมเซ็น! จะให้เซ็นอะไรผมก็เซ็นทั้งนั้น! คุณหมอครับ…คุณหมอจะต้องช่วยลูกผมให้ได้นะครับ ต้องจ่ายเท่าไหร่ผมก็ยอม ตกลงนะครับคุณหมอ?”
เฉินชางพยักหน้าอย่างจริงจัง “ครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
…
หลังจากที่เฉินชางนำเอกสารที่ต้องเซ็นให้นางพยาบาลนำไปให้ครอบครัวของเด็กแล้ว เขาก็กลับเข้าไปในห้องผ่าตัด ตระเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งยาที่จำเป็นต้องใช้ในการผ่าตัด
เฉินชางเริ่มถ่ายทอดแผนการผ่าตัดและลำดับขั้นตอน ทุกขั้นทุกตอนเป็นระเบียบแบบแผนจริงจัง
การแสดงออกที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญที่เปี่ยมประสิทธิภาพของเฉินชางทำให้ความกังวลของเซียวเหอเมื่อครู่นี้เหือดหายไปหมดสิ้น
ความกังวลของเขาถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกทึ่ง หมอหนุ่มคนนี้เป็นบุคคลที่น่านับถือ และมีจิตใจอย่างที่แพทย์ฉุกเฉินควรมีจริงๆ ราวกับเป็นบุคคลที่มีหัวใจที่พร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินอยู่แล้ว จึงมีท่าทีที่ดูสงบเยือกเย็นเช่นนี้ได้
หมอหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้ ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้จักล่ะ
ต้องทราบว่า ภายในห้องส่องกล้องมักมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยปกติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นแล้ว น้อยครั้งมากที่จะเห็นหมอหนุ่มคนนี้เข้ามาช่วย
หรือว่าเขาจะเพิ่งเข้ามาใหม่?
นางพยาบาลเดินเข้ามาในห้องหัตถการพร้อมเอกสารยินยอมหลายฉบับเพื่อแจ้งให้เฉินชางทราบ
“หมอเฉินคะ เขาเซ็นครบทั้งหมดแล้วค่ะ”
เฉินชางพยักหน้า เขามองเซียวเหอทีหนึ่ง “เริ่มกันเถอะครับ! หัวหน้าครับคุณช่วยจับศีรษะของเด็กให้ตรงๆ ไว้นะครับ”
เซียวเหอพยักหน้า เขาเข้าใจในความต้องการของเฉินชาง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่แพทย์ศัลยกรรมทรวงอก แต่สิ่งนี้ก็เป็นความรู้พื้นฐานทางการแพทย์ การจัดศีรษะให้ตรงทำให้หลอดลมอยู่กึ่งกลางพอดี
เฉินชางเริ่มคลุมผ้าคลุมผ่าตัดปลอดเชื้อตามกฎปฏิบัติ
จู่ๆ เฉินชางก็พบว่า ถ้าจะบอกว่าทหารมีทักษะในการพับผ้าห่มด้วยมือเดียว งั้นแผนกศัลยกรรมของเราก็จะต้องมีทักษะในการปูผ้าคลุมเตียงที่ฉับไว!
อย่างน้อยที่สุดก็ระดับเพอร์เฟกต์!
“ลิโดเคน (Lidocain)[4]หนึ่งเปอร์เซ็นต์กับอะดรีนาลีน (Adrenaline) หนึ่งหยด”
นางพยาบาลพยักหน้า ยาเหล่านี้ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
ยาชนิดนี้เป็นยาชาที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่ เฉินชางเริ่มฉีดยาชาเข้าไปที่เหนือกระดูกอกบริเวณกึ่งกลางไหปลาร้าอย่างช้าๆ
ที่จริงแล้วสาเหตุที่เฉินชางไม่ได้โทรเรียกหลิวเจี้ยนให้มาที่ห้องหัตถการนี้ เพราะเด็กคนนี้หมดสติอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ แต่ถ้าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวอยู่ก็จำเป็นต้องให้วิสัญญีแพทย์เป็นผู้ฉีดยาสลบเข้าเส้นเลือดดำ
การฉีดยาชาเฉพาะที่ไม่ต่างอะไรกับการฉีดยาชาเพื่อทำแผลขนาดเล็กเท่าไรนัก
[1] หัตถการไฮม์ลิคช์ (Heimlich maneuver) หรือ การรัดอัดท้อง (abdominal thrust) เป็นหัตถการปฐมพยาบาลอย่างหนึ่งที่ใช้ในการปฐมพยาบาลช่วยชีวิตผู้ป่วยที่มีสิ่งแปลกปลอมอุดกั้นทางหายใจส่วนบนแบบสมบูรณ์ (complete upper airway obstruction) หรือสำลัก โดยทั่วไปถือว่าเป็นหัตถการที่คิดค้นขึ้นโดยแพทย์ชาวอเมริกันชื่อ Henry Heimlich
[2] แรงอัดกระแทก คือใช้มือกดที่ใต้กระบังลม ซึ่งจะเป็นการบีบรัดปอดและหวังให้เกิดแรงดันผลักวัตถุที่ติดค้างอยู่ในหลอดลมออกมา ทั้งนี้ หน่วยงานสุขภาพหลายแห่งเสนอให้ค่อยๆ ใช้วิธีการต่างๆ ที่เพิ่มแรงดันให้มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากพยายามให้ไอออกมาเองก่อน ทุบหลังแรงๆ แล้วจึงค่อยใช้วิธีอัดรัดท้องหรืออกเป็นวิธีการสุดท้าย
[3] พินอิน ระบบถอดเสียงคำอ่านตัวอักษรจีน ประกอบด้วยสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์
[4] LIDOCAINE (ลิโดเคน) เป็นยาชาที่ใช้ระงับความรู้สึกเฉพาะที่ เมื่อผสมกับอะดรีนาลีน (ADENALINE) จะออกฤทธิ์ยาวนานขึ้น