ตอนที่ 150 คนทรยศในหมู่ปีศาจร้าย

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

อันหลินต้องการปีศาจร้ายเพียงตัวเดียว บัดนี้ปีศาจร้ายกลับโผล่มาเป็นฝูง…

ของขวัญหรูหราของปีศาจร้ายแบบนี้ พวกเขาไม่อยากได้จริงๆ

อันหลินกำยันต์โจมตีระดับแปลงจิตไว้ในมือซ้ายแล้ว หากศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เช่นนั้นเขาก็จำต้องใช้ไพ่ตายใบนี้ เขากวาดตามองปีศาจร้ายที่ปิดล้อมพวกเขา มีทั้งสิ้นสิบสองตัว

ปีศาจร้ายไม่มีระดับพลังยุทธ์ เขาไม่อาจสัมผัสได้ว่าพวกมันแข็งแกร่งปานใด แต่ความรู้สึกที่อันตรายอย่างยิ่งบางอย่าง กลับปกคลุมไปทั่วตลอดเวลา

ฟิ้ว!

มีปีศาจร้ายสี่ตัวเคลื่อนไหวแล้ว พุ่งเข้ามาหาพวกอันหลิน

“จิตวิญญาณแห่งไฟ!”

เปลวไฟปกคลุมทั่วร่างสวีเสี่ยวหลาน นางเป็นดุจพญาหงส์อาบเพลิง กวัดแกว่งกระบี่ ปล่อยเปลวไฟที่มีอานุภาพมหาศาลครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่อปีศาจร้ายเผชิญหน้ากับเพลงกระบี่เหล่านี้ ร่างสีดำก็เลื้อยไปเลื้อยมา จากนั้นชั่ววินาทีที่มันขยับ กรงเล็บสีดำก็ก่อตัว ยื่นออกไปตะปบกระบี่เปลวเพลิง

ตูมๆ ๆ!

เปลวไฟระเบิด แผดเผาบริเวณโดยรอบจนไหม้เกรียม

ร่างสีดำมุดออกจากกองเพลิงด้วยกลิ่นอายของความโหดเหี้ยมและเย็นเยือก โจมตีสวีเสี่ยวหลานอีกครั้ง ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้!

ขณะเดียวกัน ปีศาจร้ายอีกสามตัวก็พุ่งมาประชิดแล้ว

จี่เยี่ยนหลิงใช้กระบี่หิมะขาวโพลนรบกับปีศาจร้ายตัวหนึ่ง

เจ้าอัปลักษณ์ถือกระบองเงินเปิดศึกกับปีศาจร้ายอีกตัว

ทั้งสองล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของอันหลิน แต่เมื่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ก็ลำบากมากเช่นกัน

ทุกการโจมตีของปีศาจร้ายไม่เพียงแต่อำมหิตเลือดเย็น คาดเดาได้ยาก แต่ยังส่งผลกระทบถึงจิตใจด้วย

ปีศาจร้ายอีกตัวโถมตัวใส่อันหลิน แต่อันหลินกลับตะโกนบอกต้าไป๋ว่า “เจ้ารีบไปช่วยสวีเสี่ยวหลาน!”

จู่ๆ ก็มีหนามแหลมผุดออกจากผิวของปีศาจร้ายที่กำลังต่อสู้กับสวีเสี่ยวหลาน เป็นดุจตัวเม่น จากนั้นก็เริ่มขยายใหญ่ทันที ยื่นออกไปจะทิ่มแทงสวีเสี่ยวหลานด้วยพลังทะลุทะลวงอันแข็งแกร่ง

สวีเสี่ยวหลานหน้าถอดสี ปีกเปลวไฟกระพือพาตัวเองถอยหลังอย่างรวดเร็ว

แต่หนามแหลมมากเหลือคณานับที่ยื่นมาเป็นดั่งกระบี่คม ความเร็วของมันรวดเร็วกว่าความเร็วในการเคลื่อนไหวของนาง

ในชั่ววินาทีแห่งความคับขัน ระเบิดสุญญากาศก็พุ่งผ่านไป สะเทือนจนปีศาจร้ายตัวนั้นล่าถอย

“ต้าไป๋! เจ้ามาทางนี้ได้อย่างไร รีบไปช่วยอันหลินสิ!” เมื่อสวีเสี่ยวหลานเห็นต้าไป๋ ก็ชักสีหน้าพร้อมกับอุทานลั่น

“พี่อันนั่นแหละบอกให้ข้ามาช่วยเจ้า โฮ่ง!” ต้าไป๋ตอบตามความจริง

สวีเสี่ยวหลาน “…”

ขณะนั้นเอง อันหลินที่ประมือกับปีศาจร้ายเพียงลำพัง ถึงได้รู้ว่าปีศาจร้ายน่ากลัวปานใด

สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามใจชอบ ท่าร่างพิสดาร การโจมตีจิตใจที่ป้องกันไม่ได้ หากว่าวอกแวกเพียงนิดเดียว การโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตจะโผล่มาทันที

ขณะที่ทุกคนถูกปราบปรามอยู่นั้น ก็มีปีศาจร้ายสีตัวกระโจนเข้ามาอีก!

หากปีศาจร้ายตัวนี้เข้าร่วมสงครามจริง พวกเขาต้องต้านไม่ไหวแน่

“กระบี่พิฆาตเย้ยเหมันต์!”

อันหลินจนใจ จำต้องใช้ยันต์แปลงจิต

เพียงชั่วพริบตา กระบี่สีฟ้าก็ผุดออกมาจากแผ่นยันต์ พุ่งผ่านไปด้วยอานุภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ร่างของปีศาจที่กำลังสู้กับอันหลินกลายเป็นสองท่อนในเสี้ยววินาที มันส่งเสียงร้องโหยหวน สุดท้ายก็หายลับไป

สำเร็จแล้ว!

แต่ระบบกลับไม่แจ้งเตือนว่าเอาชนะปีศาจร้ายได้แล้ว หรือการโจมตีปีศาจร้ายด้วยการยืมมือผู้อื่นไม่นับ

ไม่มีเวลาให้คิดมาก เขาหยิบยันต์ออกมาอีกครั้ง

“กระบี่พิฆาตเย้ยเหมันต์!”

ครั้งนี้เขาเล็งปีศาจร้ายสองตัวที่อยู่ค่อนข้างใกล้ เช่นนี้สามารถจัดการสองตัวได้ในคราวเดียว

กระบี่ที่แฝงด้วยความเย็นเยือกจับขั้วหัวใจออกมาจากยันต์อีกครั้ง เมื่อกระบี่ตวัดฟันปีศาจร้าย แม้แต่การเคลื่อนไหวของปีศาจร้าย ก็ถูกความเย็นเยียบแช่แข็ง

ร่างของปีศาจร้ายสองตัวขาดเป็นสองท่อนอีกครั้ง พลังงานที่อำมหิตและบิดเบี้ยวถูกทำลายล้างอย่างรุนแรง เลือนหายไปในฟ้าดินอย่างสิ้นเชิง

ยันต์พวกนี้ได้ผลดีชะงัก แต่อันหลินกลับปวดใจเหลือเกิน

ยันต์ที่ได้จากสือหลิงจื่อเจ้าสำนักคุนหลุนถูกใช้หมดแล้ว เขาหยิบยันต์พิชิตมารที่ปรมาจารย์จางเจ้าสำนักหลงหูมอบให้ออกมาอย่างเจ็บปวด

“ปีศาจสวะ เอาอานุภาพของพลังอัสนีทลายวิญญาณไปกินเสีย!”

อันหลินรู้ว่าไม่ใช่ไพ่ตายรักษาชีวิตพวกนี้ไม่ได้แล้ว จึงเริ่มวางมาดให้สาแก่ใจ

ยันต์พิชิตมารแผ่นหนึ่งถูกกระตุ้น แสงอัสนีสีฟ้าพุ่งออกมา

พลังหยางบริสุทธิ์ที่แฝงด้วยความน่ากลัวจู่โจมปีศาจร้ายเข้าอย่างจัง ประดุจสายฟ้าที่ฉีกกระชากความมืดมิด

ชั่ววินาทีที่เกิดเสียงดังสนั่น ปีศาจร้ายก็มลายหายไป ไม่มีแม้แต่เสียงโหยหวนด้วยซ้ำ

สุดยอด…ดูเหมือนว่าอานุภาพของยันต์พิชิตมารจะสูงกว่ายันต์กระบี่ก่อนหน้านี้เยอะเลย!

ขณะที่อันหลินกำลังคิด ก็ใช้ยันต์พิชิตมารอีกแผ่น กำจัดปีศาจร้ายตัวสุดท้ายที่เพิ่งเข้าร่วมสมรภูมิรบ

เหลือเพียงปีศาจสามตัวที่ยังรบอยู่ อันหลินถือยันต์พิชิตมารแผ่นสุดท้ายไว้ในมือ อีกข้างถือกระบี่พิชิตมารเข้าสู่สนามรบ

ตูม!

เสาแสงพุ่งทะลุฟ้า ปีศาจร้ายที่อยู่ภายในอาณาเขตของเสาแสงถูกอุณหภูมิที่สูงจนน่ากลัวแผดเผา

ปีศาจร้ายพุ่งออกจากเสาแสงพร้อมกับควันที่ลอยห้อมล้อมแล้วกระโจนใส่สวีเสี่ยวหลาน

ในตอนนั้นเอง พลังวายุอันทรงพลังก็ลอยลงมาโจมตีปีศาจร้ายโดยตรง ทำให้พื้นหินในรัศมีสามจั้งทรุดตัวและแตกระแหง

การเคลื่อนไหวของปีศาจร้ายถูกควบคุม

ขณะนั้นเอง สายลมก็ก่อตัวใต้ฝ่าเท้าอันหลิน กระบี่ปกคลุมด้วยกระแสลมขาวบริสุทธิ์ พุ่งเข้าไปในเขตของพายุ พายุอันน่ากลัวไม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาเลยสักนิด

ลำแสงดุจกระแสน้ำ พุ่งไปฟันปีศาจร้ายรวดเร็วปานประกายไฟ!

ฉัวะ!

ปีศาจร้ายขาดเป็นสองท่อนและล้มลงช้าๆ

ร่างบิดเบี้ยวของปีศาจร้ายที่หล่นลงพื้นเริ่มหดตัวและสลายหายไป

ติ้ง!

ระบบแจ้งเตือน ‘เอาชนะปีศาจร้ายสำเร็จแล้ว!’

อันหลินทำหน้าดีใจ ต่อไปก็คือดูดซึมพลังปราณแห่งปีศาจร้าย

เขามองไปทางปีศาจร้าย แต่ทว่า บริเวณนั้นกลับว่างเปล่า อย่าว่าแต่พลังปราณแห่งปีศาจร้ายเลย นอกจากอากาศธาตุแล้ว ไม่มีปราณอะไรทั้งนั้น!

จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาที่ร้ายแรงมาก อะไรคือพลังปราณแห่งปีศาจร้าย เขาควรจะดูดซึมอย่างไร

เขากับพวกสวีเสี่ยวหลาน ร่วมมือกับจี่เยี่ยนหลิงสังหารปีศาจร้ายอีกตัว อาศัยช่วงเวลาที่ปีศาจร้ายใกล้ตายยังไม่ทันหายไป คว้าร่างของปีศาจร้ายไว้

มันเป็นเนื้อสัมผัสที่คล้ายคลึงกับเจลาติน

ขณะเดียวกัน อารมณ์ด้านลบทั้งความสิ้นหวัง เกลียดชัง จมดิ่ง บ้าคลั่งจำนวนมหาศาล…ก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขาอย่างหน้าไม่อาย ทำเอาเขาตกใจจนหน้าซีดเผือด ถอยหลังเป็นพัลวัน

การสัมผัสทางกาย ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับพลังชั่วร้ายเลย มีเพียงแต่การโจมตีทางจิตใจอย่างแสนสาหัสเท่านั้น

การสัมผัสไม่ใช่วิธีการดูดซึมพลังปราณปีศาจ เช่นนั้นควรจะดูดซึมด้วยวิธีไหนกันล่ะ

อันหลินมองปีศาจร้ายตัวสุดท้าย หรือว่า…

วิธีการดูดซึมก็คือกินมันเข้าไปเสีย

เขามองรูปร่างที่เลื้อยไปเลื้อยมาของปีศาจร้าย รวมถึงกลิ่นอายอันชวนให้อกสั่นขวัญแขวน ไม่อร่อยแน่ๆ…

ก็เหมือนกับให้คุณร้อยล้าน แลกกับการกินแมลงสาบครึ่งกิโลกรัม คุณจะกินไหม

แน่นอนว่าปฏิเสธน่ะสิ!

ด้วยเหตุนี้ พวกอันหลินจึงล้อมโจมตีจนปีศาจร้ายตัวสุดท้ายถึงแก่ความตายอย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่นิด

ยันต์พิชิตมารแผ่นสุดท้ายของอันหลินยังไม่ได้ใช้ เขาเตรียมไว้เพื่อจัดการกับปีศาจร้ายที่ยังไม่ได้เข้าร่วมสงครามโดยเฉพาะ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ใช้มัน

คนที่เหลือก็จดจ้องไปยังเบื้องหน้าด้วยความฉงนสนเท่ห์

ตรงนั้นมีปีศาจร้ายสี่ตัวยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเงียบๆ

ปีศาจร้ายที่ล้อมโจมตีพวกเขามีทั้งสิ้นสิบสองตัว แต่ที่ลงมือจริงๆ มีเพียงแปดตัว

แต่ปีศาจร้ายทั้งสี่ตนนี้ไม่ลงมือและไม่หลบหนี เพียงแค่ยืนสง่างามอย่างนิ่งเฉย มันแปลกเกินไปแล้ว

ขณะนั้นเอง เงาดำก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเชื่องช้า

มันเป็นปีศาจร่างมนุษย์ตัวหนึ่ง ศีรษะมีเพียงดวงตาแดงก่ำดวงเดียว พลังงานที่บิดเบี้ยวหนาแน่นอย่างยิ่ง พลังปราณมหาศาลดุจท้องทะเล แค่ออกโรงก็ทำให้รู้สึกหนักอึ้งจนแทบหยุดหายใจ

ในมือของมันมีปีศาจร่างมนุษย์ตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่าลมหายใจของมันรวยริน พลังงานไม่เสถียรเอาเสียเลย

จากนั้นมันก็โยนปีศาจร้ายตัวนั้นลงพื้น นัยน์ตาสีแดงเจือความเย้ยหยัน

เมื่ออันหลินเห็นฉากนี้ก็ตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าปีศาจร้ายตัวนี้แตกต่างกับปีศาจร้ายก่อนหน้านี้ มันหลุดพ้นจากความบิดเบี้ยวของรูปร่างแล้ว…

อันหลินเคยอ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ปีศาจร้ายประเภทนี้ มีความสามารถไม่ต่ำกว่าระดับแปลงจิต!

แต่ปีศาจร้ายที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นแลดูจวนจะไม่ไหวแล้ว มองจากสภาพที่มันถูกกระทำ หรือจะเป็นคนทรยศในหมู่พวกมัน

 ……………