ตอนที่ 151 สู้ให้ตายกันไปข้าง

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

สถานการณ์ในตอนนี้ เลวร้ายกว่ายามถูกปีศาจร้ายสิบสองตัวปิดล้อมเสียอีก

 

เพราะตรงนี้มีปีศาจร้ายที่มีระดับพลังยุทธ์เทียบเท่านักพรตแปลงจิตอยู่ตัวหนึ่ง

 

ไม่สิ…พูดให้ถูกก็คือสองตัว! ปีศาจร้ายบนพื้นตัวนั้นก็กลายเป็นร่างมนุษย์แล้ว

 

“ทำอย่างไรดี หนีหรือ” สวีเสี่ยวหลานกระซิบถาม

 

อันหลินแค่นยิ้ม “เจ้าไม่เห็นหรือว่าบอสใหญ่ตัวนั้นหมายหัวพวกเราแล้วน่ะ เกรงว่าแค่เราขยับ มันก็จะลงมือทันที พวกเราหนีระดับแปลงจิตไม่พ้นหรอก”

 

“พวกเจ้าจัดการกับปีศาจร้ายสี่ตัวที่เหลือ ปีศาจร้ายร่างมนุษย์นั่นให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!” อันหลินล้วงยันต์หลายแผ่นออกมา พูดกับทุกคนที่อยู่รอบตัว

 

สวีเสี่ยวหลานมองอันหลินอย่างเป็นกังวล

 

แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะนางรู้ว่านี่เป็นแผนการที่ดีที่สุด

 

ยันต์พิชิตมารที่ประดิษฐ์โดยปรมาจารย์จางแห่งสำนักหลงหูแผ่นหนึ่ง ยันต์โจมตีจากมือของนักพรตโหยวมู่สี่แผ่น รวมถึงยันต์คุ้มกันฝีมืออาจารย์ซวีอวิ๋นสามแผ่น นี่เป็นไพ่ตายทั้งหมดที่อันหลินมี

 

เขาจำต้องสังหารปีศาจร้ายร่างมนุษย์ตรงหน้านี้ให้ได้ก่อนไพ่ตายเหล่านี้จะถูกใช้หมด!

 

ปีศาจร้ายตาสีชาดมองอันหลิน จากนั้นก็จดจ้องยันต์ในมือเขาด้วยท่าทางครุ่นคิด

 

ปีศาจร้ายบิดเบี้ยวอีกสี่ตัวที่เหลือกระโจนใส่อันหลินทันใด ราวกับได้รับคำสั่ง

 

“เคล็ดวิชากระบี่ขี่สายฟ้า!” ชุดสีขาวของจี่เยี่ยนหลิงโบกสะบัด กระบี่รายล้อมด้วยอัสนีสีขาว ฟาดปีศาจร้ายสี่ตัวนั้น

 

คล้ายว่าปีศาจร้ายจะหวาดกลัวสายฟ้าชนิดนี้โดยกำเนิด เมื่ออัสนีบาตรอันทรงอานุภาพฟาดลงมา ปีศาจร้ายทั้งสี่ตัวก็หนีเตลิดเปิดเปิงไปตามสัญชาตญาณ

 

สวีเสี่ยวหลาน เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋ได้โอกาส รีบแยกย้ายไปขวางปีศาจร้ายเหล่านั้นทันที

 

กลิ่นอายพลังของปีศาจร้ายตาสีชาดมหาศาลและไร้ขอบเขต นัยน์ตาสีแดงจ้องอันหลินเขม็ง

 

แววตาของมันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ซ้ำยังเจือพลังลึกลับพิเศษบางอย่าง ทำให้อันหลินรู้สึกว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางซากศพนองเลือด จมดิ่งอยู่ในกลิ่นคาวเลือดและความสิ้นหวังอันไร้ที่สิ้นสุดทันใดเสี้ยววินาทีที่อันหลินใจลอย ปีศาจร้ายตาสีชาดก็เคลื่อนไหว เมื่อกระทืบเท้า ความเร็วก็ทะลุกำแพงเสียง พุ่งเข้ามาประชิดตัวเขาในพริบตา

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาของอันหลินขาวโพลน สายลมก่อตัวใต้ฝ่าเท้า ร่างกายถอยหลังอย่างรวดเร็ว

 

ชั่วขณะที่ถอยหลัง ยันต์ก็ถูกกระตุ้นแล้ว และระยะห่างของอันหลินกับปีศาจร้ายตาสีชาดกลับใกล้เพียงเอื้อม!

 

พลังอัสนีทลายวิญญาณ!

 

สายฟ้าที่แฝงพลังหยางเป็นเหมือนกระบี่อัสนีสีฟ้า พุ่งทะลุช่องโหว่ของปีศาจร้ายตาสีชาดโดยพลัน

 

เปรี้ยง!

 

สายฟ้าระเบิด ปีศาจร้ายตาสีชาดที่เป็นหนังหน้าไฟถูกสายฟ้าทะลวงทรวงอก พลังงานอันน่ากลัวบดขยี้ผิวดินในรัศมีสามจั้งจนแหลกเป็นผุยผง

 

ปีศาจร้ายแผดเสียงดังทุ้ม ถอยหลังไม่กี่ก้าว ร่างดำทะมึนก็เริ่มหย่อนยานเล็กน้อย

 

มันได้รับบาดเจ็บแล้ว… แต่ว่า แค่นี้ยังคงไม่พอ!

 

ยันต์ของอันหลินระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าอีกครั้ง

 

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ดวงตาของปีศาจร้ายสีชาดก็ปล่อยลำแสงสีแดงออกมา ลำแสงเส้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของการดับสูญ พื้นหินที่ลำแสงเส้นนี้เฉียดเข้าใกล้ ล้วนเริ่มผุกร่อนและเน่าเปื่อย

 

กระจกน้ำแข็ง!

 

ยันต์คุ้มกันถูกกระตุ้น กระจกน้ำแข็งสีขาวปรากฏตรงหน้าอันหลิน กำบังเขาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

ลำแสงส่องกระทบกระจกน้ำแข็ง การปะทะของทั้งสองทำให้กระจกน้ำแข็งปริแตกทันที แต่การโจมตีของปีศาจร้ายสีขาดก็มลายหายไปเช่นเดียวกัน

 

ชั่วอึดใจต่อมา ปีศาจร้ายตาสีชาดก็พุ่งมาประชิดอันหลินอีกครั้ง กำปั้นดำขลับดุจน้ำหมึก ถูกปล่อยลงมาอย่างแรงหมายจะกระแทกอันหลิน

 

ศิลาเกราะกำบัง!

 

ยันต์คุ้มกันอีกหนึ่งแผ่นถูกกระตุ้น ชั้นหินสีทองก่อตัวกลางอากาศ

 

โครม! หมัดกระแทกลงมา คลื่นพลังน่ากลัวทำให้ผิวดินในรัศมีสิบจั้งแตกละเอียด แม้แต่ปฐพีก็สั่นสะเทือนภายใต้การโจมตีนี้

 

ในขณะเดียวกัน ปีศาจร้ายตาสีชาดกลับถูกพลังสะท้อนอันยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยายสะเทือนจนถอยกรูด

 

พลังเซียนที่แฝงอยู่ในยันต์แผ่นนี้ไม่ได้มีผลช่วยคุ้มกันเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณสะท้อนกลับอีกด้วย

 

สิ่งที่อันหลินรอคอยก็คือชั่ววินาทีที่ปีศาจร้ายถอยหลัง ลำดับต่อไปก็คือช่วงเวลาแห่งการตัดสินชะตา!

 

ยันต์โจมตีสี่แผ่นจากนักพรตโหยวมู่ลอยขึ้นฟ้า ส่องแสงสว่างไสวพร้อมกัน

 

ไท่ซานบงกชวายุ!

 

ลมรูปร่างดอกบัวขนาดใหญ่ลอยลงมาจากท้องฟ้า พร้อมกับแรงกดดันอย่างรุนแรงปานภูเขาไท่ซานตกลงมา โจมตีปีศาจร้ายตาสีชาดที่ล่าถอย

 

พสุธาในรัศมีสิบกว่าจั้งถูกแรงลมอันน่าสะพรึงโจมตีจนทรุดตัว ปีศาจร้ายตาสีชาดบาดเจ็บสาหัส ทรุดตัวคุกเข่ากับพื้น แรงกดดันนั่นทำให้มันไม่อาจแม้แต่จะเงยหน้าด้วยซ้ำ

 

อัคคีสวรรค์ลงทัณฑ์!

 

เสาอัคคีพุ่งลงมา ภายใต้แรงสนับสนุนจากกระแสลม ทำให้การมาเยือนของอัคคีสวรรค์ดุเดือดยิ่งขึ้น เปลวไฟท่วมท้นท้องฟ้าปกคลุมปีศาจร้าย แผดเผาจนผืนธรณีละลาย

 

กระบี่เก้าสุริยะ!

 

กระบี่แสงสีขาวเก้าเล่มแฝงด้วยจิตสังหารอันเด็ดขาด กลายเป็นลำแสงสีขาวเก้าเส้น ทะลวงปีศาจตาสีชาดที่ถูกอัคคีสวรรค์แผดเผา

 

หอกอัสนีทลายปีศาจ!

 

นี่เป็นการโจมตีสุดท้ายของอันหลิน พลังสายฟ้าค่อนข้างมีผลทำลายล้างปีศาจร้ายมากเป็นพิเศษ จึงเก็บการโจมตีนี้ท้ายสุด สำแดงในช่วงเวลาที่ปีศาจร้ายตาสีชาดอ่อนแอที่สุด!

 

กระแสไฟฉีกทึ้งปฐพี เสียงดังดุจวิหคนับหมื่นตัวร้องขับขานพร้อมเพรียงกัน

 

ภายใต้แรงสนับสนุนจากคาถาเรียกสายฟ้าของอันหลิน หอกอัสนีทลายปีศาจก็ทะลวงศีรษะของปีศาจร้ายได้อย่างแม่นยำไร้ที่ติ

 

เปรี้ยง! พลังของหอกอัสนีถูกระเบิดออกมาทั้งหมด ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันสายฟ้าขนาดใหญ่ เขมือบทุกสรรพสิ่งจนหมดสิ้น!

 

ลมหยุดพัด ไฟมอดดับ อัสนีก็เริ่มเลือนหายไป…

 

อันหลินกำกระบี่พิชิตมาร มืออีกข้างหนีบยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งไว้

 

นี่เป็นยันต์คุ้มกัน และเขาเองก็เหลือยันต์แปลงจิตแผ่นสุดท้ายให้ใช้แล้ว

 

หลังประสบกับการโจมตีอย่างรุนแรงแล้ว หลุมที่มีความกว้างขนาดหลายสิบจั้งก็ปรากฏให้เห็นบนผิวดิน

 

เพราะเจ้าอัปลักษณ์ต้องต่อสู้ขณะที่ใช้พลังเนตรสีทองไปด้วย ทำให้แสงสว่างที่นี่สว่างเป็นพักๆ บวกกับฝุ่นตลบอบอวล อันหลินไม่เห็นสภาพภายในหลุม ไม่อาจแน่ใจได้ว่าปีศาจร้ายตัวนี้ตายแล้วหรือยัง

 

เขาค่อยๆ ย่องเข้าไปหาหลุมช้าๆ เตรียมพร้อมกระตุ้นยันต์ทุกเมื่อ

 

ในตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายความตายที่โชยมาปะทะหน้า…

 

วิชาคุ้มกันรูปทอง!

 

เขากระตุ้นยันต์คุ้มกันโดยไม่ลังเล

 

เงาดำบิดเบี้ยวกระโจนใส่อันหลินพร้อมกับปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เคียดแค้นและอำมหิต

 

แขนข้างหนึ่งของมันหายไปแล้ว ดวงตาบนศีรษะปริแตก ร่างที่ก่อตัวขึ้นมาก็หย่อนยานและบิดเบี้ยวไม่เป็นชิ้นดี ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพปางตายแล้ว แต่กลิ่นอายพลังของมันกลับมหาศาลจนน่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้!

 

ม่านกำบังที่เกิดจากลำแสงสีทองก่อตัวตรงหน้าอันหลิน อักขระนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนม่านแสง แฝงด้วยพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่

 

จู่ๆ แขนของปีศาจร้ายตาสีชาดที่กำลังพุ่งเข้ามาก็สั่นระริก กลายเป็นกระบี่ดำขลับที่แผ่รังสีอำมหิตไปทั่วทุกสารทิศ ลอยไปทางม่านแสงสีทองหมายทิ่มแทง

 

ฉึก…

 

ม่านแสงถูกทะลวงจนเกิดรูโหว่ กระบี่ทมิฬทิ่มแทงตัวอันหลิน

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน ความเจ็บปวดที่เจือด้วยมลพิษทางจิตใจอันล้นเหลือ ก็เริ่มกัดกินร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

ไม่อาจบรรยายได้ว่ามันเป็นความทุกข์ทรมานเช่นใด อันหลินรู้สึกเพียงว่าในเสี้ยววินาทีนั้น หัวสมองขาวโพลน สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ มีเพียงความเจ็บปวดและสิ้นหวัง

 

ความรู้สึกบิดเบี้ยวอันไร้ที่สิ้นสุดโจมตีไปทั่วทุกอณูรูขุมขน ราวกับร่างกายจะระเบิดอย่างไรอย่างนั้น

 

เขาเริ่มแผดร้องอย่างเจ็บปวด

 

“อันหลิน!” สวีเสี่ยวหลานเห็นอันหลินที่กำลังกรีดร้องอย่างทนทุกข์ ความตื่นตระหนกก็ฉายวาบในดวงตา พุ่งไปหาอันหลินอย่างไม่ลังเลใจ

 

แต่ในตอนนั้นเอง สายฟ้าสีขาวที่เจิดจ้าและดุดันก็ฟาดปีศาจร้ายตาสีชาด

 

เปรี้ยง! สายฟ้าฟาดจนปีศาจร้ายถอยไปหลายก้าว กระบี่สีดำที่ก่อตัวจากร่างของปีศาจร้ายก็หลุดออกไปด้วยเช่นกัน

 

อันหลินทรุดตัวคุกเข่าอย่างหมดแรง ร่างกายสั่นเทิ้ม

 

พลังประหลาดที่เปี่ยมด้วยความสิ้นหวังกำลังทำให้เขาดำดิ่ง นำเขาไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นปีศาจร้าย

 

แต่ในขณะเดียวกัน กระเป๋าของเขาก็ส่องแสงสีทอง พลังที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์ที่สุดเริ่มหลั่งไหลเข้าไปในตัวเขา กำลังต่อสู้กับพลังประหลาดเหล่านั้น

 

จี่เยี่ยนหลิงโถมเข้าไปหาอันหลิน นางกัดฟันกรอด ใบหน้าฉายความหนักแน่น

 

ปีศาจร้ายที่ต่อสู้กับนางก่อนหน้านี้ก็ตามมาเช่นกัน แต่ถูกเจ้าอัปลักษณ์เข้าขัดขวางสุดความสามารถ

 

ปีศาจร้ายตาสีชาดระเบิดพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง กระบี่สีดำวาดวงโคจรอันมีอันตรายถึงชีวิต

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าทุกคนจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่…

 

“อัสนีเก้าท่อน!”

 

จี่เยี่ยนหลิงไม่หวั่นเกรง ชั่วขณะที่ประสานอิน สายฟ้าก็ฟาดลงมาแล้ว

 

แต่ท่าร่างของปีศาจร้ายตาสีชาดรวดเร็วจนถึงขั้นที่นางคาดเดาไม่ได้ สายฟ้าฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทิ่มทะลวงผิวดิน กลับไม่โดนร่างที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วนั่น

 

ทันใดนั้น ปีศาจร้ายตาสีชาดก็เข้าประชิดตัวนาง กระบี่กลายเป็นลำแสงสีดำจะพุ่งไปปักหัวใจของนาง

 

ความเร็วที่น่ากลัวเช่นนี้ จี่เยี่ยนหลิงไม่มีทางหลบหลีกได้เลย

 

แววตาของจี่เยี่ยนหลิงมีความเด็ดเดี่ยว นางยังหาคนคนนั้นไม่เจอ ไม่อยากให้จบลงแบบนี้…

 

ฟิ้ว!

 

ร่างดำทะมึนโผล่มาตรงหน้าจี่เยี่ยนหลิง

 

กระบี่แทงร่างของมัน แต่กลับถูกมันจับไว้แน่นด้วยสองมือ ไม่ยอมให้ขยับแม้แต่นิด

 

มันกำลังเผชิญหน้ากับจี่เยี่ยนหลิง เนื้อตัวสั่นเทา ส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด

 

จี่เยี่ยนหลิงเบิกตากว้าง จ้องฉากตรงหน้าอึ้งๆ

 

ไม่ใช่แค่นาง แม้แต่อันหลินและพวกสวีเสี่ยวหลาน ก็มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ

 

เพราะผู้ที่มารับกระบี่แทนจี่เยี่ยนหลิง เป็นปีศาจร้ายที่อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้นก่อนหน้านี้!

 

…………………