บทที่ 168 ความรักที่ยุ่งเหยิง

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 168

ความรักที่ยุ่งเหยิง

เฉิงรุ่ยเหยียนนั้นมองสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเพราะหน้ากาก จึงได้ทำการจับชีพจรของเจียงหวายเย่ แล้วพบว่าร่างกายของเจียงหวายเย่นั้นมีพิษชนิดใหม่เพิ่มขึ้นมา

พิษชนิดนี้รุนแรงมาก เกรงว่าจะทำให้ผู้ที่ถูกพิษนั้นรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง

เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้ส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกมา เจียงหวายเย่นั้นมีชะตากรรมที่เลวร้ายเสียจริงๆ นอกจากแม่ตายพ่อก็ไม่รักแล้ว ยังมีคนที่อยากจะฆ่าเขาให้ตายอีก คนคนนี้มีชีวิตรอดถึงทุกวันนี้ได้ยังไงเนี่ย?

“องค์ชาย เกรงว่าตัวข้าเองก็ไม่อาจจะที่จัดการกับพิษนี้ได้ บางทีถ้าเป็นแม่นางหลินอาจจะพอมีหนทางรักษาก็เป็นได้”

สีหน้าของเฉิงรุ่ยเหยียนนั้นไม่ค่อยดีนัก เมื่อก่อนตัวเขานั้นมักโอ้อวดตัวเองอยู่เสมอ เขารู้สึกได้ว่าวิชาการแพทย์ของเขานั้นเป็นเลิศมาก ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในรัฐเจียง แต่เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับพิษของเจียงหวายเย่อยู่ร่ำไป

พิษของเจียงหวายเย่นั้นไม่เคยธรรมดาเลย มันเหนือเกินความสามารถของเขาที่จะรักษาได้เสมอ

ในขณะที่เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็น “เจ้าไม่จำเป็นต้องรักษา ขอแค่ทำให้องค์ชายมีชีวิตรอดต่อไปก็พอ”

“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ หากพิษนี้ยังคงอยู่ในร่างกายมันจะกลายเป็นอันตรายขึ้นมาในอีกไม่เร็วก็ช้า” เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้เก็บซ่อนนิสัยที่ชอบเยาะเย้ยของเขา แล้วปรากฏใบหน้าที่จริงจังบนใบหน้าของเขาแทน “ข้าว่าท่านไปหาแม่นางหลินจะดีกว่า!”

“ข้าเชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์อันดีของท่านกับแม่นางหลินนั้น นางจะต้องไม่บ่ายเบี่ยงอย่างแน่นอน บางทีแม้แต่ค่ารักษาก็คงจะไม่เก็บด้วยซ้ำ?”

เจียงหวายเย่ที่ได้ยินคนที่อยู่ตรงหน้าเขาที่เอาแต่พูดถึงหลินซีเหยียนไม่หยุดแล้ว สีหน้าของเขาก็ได้หนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ได้ทนไม่ไหวแล้วตะโกนออกมา “ก็พิษนี้เป็นของแม่นางหลินเองนั่นแหละ แล้วจะให้เปิ่นหวางไปรักษากับนางได้อย่างไร?”

ว่าไงนะ? เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้หยุดพูดแล้วคิดขึ้นมาว่า เจียงหวายเย่นั้นไปเหยียบตาปลาของหลินซีเหยียนที่ไหนเข้า ถึงได้ทำให้นางนั้นคิดที่จะฆ่าเขาอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก รุ่ยเหยียนก็คิดได้ว่าด้วยนิสัยที่อวดดีและเลือดเย็นของเจียงหวายเย่แล้ว หากว่าเขาพูดออกไปตรงๆอาจจะไม่ดีแน่

เจียงหวายเย่ก็ได้มองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่เป็นไปไม่ได้ เขาจึงได้หันหน้าหนีโดยไม่พูดอะไรและคิดที่จะออกไป แต่ทว่าเขาก็ถูกดึงแขนเสื้อรั้งเอาไว้

“ต่อให้ข้าอยากที่จะถอนพิษนี้มากเพียงใด แต่ข้าก็ทำอะไรกับมันไม่ได้จริงๆ จะทำได้ก็แค่ทำให้มันชะลออาการของพิษออกไปอีกหน่อยเท่านั้น”

เฉิงรุ่ยเหยียนนั้นเกิดมาหน้าตาดีมาก ถ้าไม่ติดว่าในอดีตนั้นเขาติดเล่นพนันเที่ยวผู้หญิงแล้ว จนไม่เหลือสภาพของหนุ่มเนื้อหอมอีกแล้ว ในเวลานี้สีหน้าของเขาที่จริงจังนั้นทำให้ผู้คนดูแล้วสบายตามาก

เจียงหวายเย่ก็ได้ขึ้นเสียงในลำคอ แล้วจากนั้นก็ได้หรี่สายตาของเขาลงแล้วกล่าว “ข้ามีธุระที่ต้องทำพรุ่งนี้ หวังว่าข้าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ว่าคืนนี้

เฉิงรุ่ยเหยียนก็ได้ร้องโหยหวนอย่างช่วยไม่ได้แสดงถึงอารมณ์ของเขาในเวลานี้ แต่เขาก็ยังให้คำแนะนำกับเจียงหวายเย่ “องค์ชายสิ่งที่ท่านต้องการในเวลานี้คือการพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้นในอนาคตอาจจะสายเกินไป”

เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แผ่นหลังของเขายังคงตั้งตรงเช่นเคย แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความหดหู่

กลับไปที่พระราชวัง เจียงหวายเย่ก็ได้หยิบเอาเอกสารลับออกมาอ่าน ซึ่งพูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของเชื้อพระวงศ์รัฐจงเอาไว้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ประเทศอื่นมองหาช่องว่างนี้แล้วทำการแทรกแซง แต่ละรัฐจึงได้เริ่มต่อสู้กันเพื่อทำการปิดกั้นข้อมูลนี้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าข้อมูลในมือของเจียงหวายเย่นี้สำคัญมากเพียงใด

องค์ชายสองของรัฐจงนั้นในเวลานี้ครอบครองอำนาจอยู่ถึงครึ่งหนึ่ง ในขณะที่องค์ชายองค์อื่นๆนั้นไม่มีอำนาจพอจะต่อกรได้เลย ถ้าอยากจะรักษาสถานภาพในปัจจุบันนี้เอาไว้ให้ได้ ก็มีแต่จะต้องฟื้นฟูพระวรกายของฮ่องเต้จงเท่านั้น

แต่ต่อให้เขานั้นสิ้นพระชนม์ลงไปเมื่อไร ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรเสียทั้งอำนาจและชะตากรรมก็ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี แต่จากที่เจียงหวายเย่รู้มา ที่ฮ่องเต้จงป่วยหนักนั้นจะต้องเป็นเพราะถูกวางยาพิษแน่ๆ

แล้วคนที่เขากำลังตามหาอยู่นั้นก็ปรากฏตัวอยู่ในรัฐจงพอดี ดังนั้นเจียงหวายเย่จึงคิดที่จะไปที่รัฐจงด้วยตัวเอง

ในเวลานี้เขาได้ทำการเรียบเรียงข้อมูลจากที่ต่างๆในหัวของเขา แล้วในขณะที่เขากำลังจะเรียกอันอี้อยู่นั้นเอง ความเจ็บปวดก็ได้แล่นเข้ามาในหัวของเขาทำให้เขาต้องเอามือนวดขมับ

นึกถึงที่เฉิงรุ่ยเหยียนแนะนำเขา ปากของเจียงหวายเย่ก็ได้หัวเราะอย่างประชดประชันออกมาเบาๆ “ชีวิตของเปิ่นหวางไม่เคยสำคัญเลยจริงๆ”

ในขณะที่เขาอาการปวดของเขาบรรเทาลงมาบ้าง เจียงหวายเย่ก็ได้บอกให้อันอี้เตรียมตัวออกเดินทางไปรัฐจง

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจียงหวายเย่นั้นซีดเผือดมาก ทำให้เขาอยากจะถามแต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้แล้วออกไปอย่างเงียบๆ เรื่องขององค์ชายนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปก้าวก่าย

ในขณะที่อันอี้เดินอยู่ก็ได้เอามือจับแผลใหม่ที่หลังของเขา ความเจ็บปวดแปลบนี้ทำให้ปากของเขาบิดเบี้ยวอย่างช่วยไม่ได้หลังจากที่ถูกโบยมา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆสำหรับองครักษ์อย่างพวกเขา

ณ จวนมหาเสนาบดี หลินซีเหยียนที่กำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนพร้อมด้วยหนังสือเล่มหนึ่งตรงหน้านางนั้น หากมองจากไกลๆก็ดูเหมือนนางกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ แต่ในขณะที่ จงซู่เฟิงเดินเข้าไปหานั้นเขาก็พบว่าหลินซีเหยียนนั้นถือหนังสือกลับหัวอยู่

“ช่วงนี้แม่นางหลินได้ไปเจออะไรมาหรือเปล่า?” จงซู่เฟิงนั่งลงที่ม้าหินอ่อนตรงข้ามกับหลินซีเหยียน หลังจากที่อาการดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ได้มีสีแดงมากขึ้นเรื่อยๆ

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เขาเมื่อได้ยินเสียง แต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมาเพราะสิ่งที่นางกำลังคิดอยู่ในใจของนางนั้นก็คือเจียงหวายเย่ ในเวลานี้เป็นยามบ่ายของวันที่สองแล้ว เจียงหวายเย่ที่ถูกพิษไปแล้วทั้งวัน แต่ทำไมถึงยังไม่มาหานางอีกนะ?”

“นี่เขาจะไม่เห็นชีวิตของตัวเองเป็นของเล่นไม่ได้จริงๆรึไงนะ?” หลินซีเหยียนคิ้วขมวดแล้วบ่นพึมพำ

“ไม่ทราบว่าแม่นางหมายถึงอะไรอย่างนั้นเหรอ?”

หลินซีเหยียนที่พูดคำนั้นออกมา ทำให้จงซู่เฟิงไม่เข้าใจไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อนางพบว่านางนั้นเผลอหลุดปากออกไป หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างเขินๆ “ข้าไม่ได้พูดถึงองค์ชายน่ะ ท่านไม่ต้องใส่ใจก็ได้”

หลังจากนั้นไม่นานนัก หลินซีเหยียนก็ได้จมอยู่ในโลกของตัวเองอีก นางนั้นไม่อยากที่จะยอมรับว่านางนั้นกำลังเป็นห่วงเจียงหวายเย่อยู่

เดิมทีเจียงหวายเย่นั้นก็มีพิษตกค้างอยู่ในร่างของเขาอยู่แล้ว ในเวลาเขาก็ได้รับพิษซุ่ยกู่เฝิ่นเข้าไปอีก ถ้าเขาไม่ได้รับการรักษาทันการ เขาได้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงแน่

ยิ่งคิดเป็นห่วงมากขึ้นเท่าไร หลินซีเหยียนก็กระสับกระส่ายมากขึ้นเท่านั้น

ไม่นานนัก ในขณะที่นางกำลังคิดที่จะไปที่พระราชวังอยู่นั้นเอง นกพิราบเสี่ยวฮุยก็ได้บินมาหาพร้อมกับจดหมายจากหลงเยว่

หลังจากที่รับจดหมายมา หลินซีเหยียนก็ได้เปิดอ่านแล้วพบว่าฮ่องเต้เจียงนั้นกำลังค้นหาที่อยู่ขององค์ชายสิบหกแห่งรัฐจงอยู่

“แย่แล้ว” แล้วหลินซีเหยียนก็ได้เก็บจดหมายใส่แขนเสื้อของนาง แล้วก็ไปหยิบกระบี่สวรรค์ของนางแล้วรีบออกไปทันที โดยมีจี๋เฟิงคอยติดตามนางไปด้วย

ในขณะที่จงซู่เฟิงนั้นกำลังสงสัยว่านางอะไรขึ้น เหลยถิงก็ได้รีบมาหาแล้วกระซิบกระซาบที่หูของจงซู่เฟิง แล้วสีหน้าของจงซู่เฟิงก็ได้เปลี่ยนไปทันที

“ทำไมน้องสิบหกถึงได้เข้ามาที่รัฐจงอย่างบุ่มบ่ามแบบนี้ล่ะ?”

แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐจงได้ จงซู่เฟิงจึงรู้ว่าน้องสิบหกนั้นทำไมถึงได้หนีมาที่รัฐเจียง เขาจึงได้รีบตัดสินใจว่าจะไปปกป้ององค์ชายสิบหกก่อนที่จะตกไปอยู่ในมือของฮ่องเต้เจียง

จริงๆแล้วในหลายวันก่อนเขาได้โกหกมหาเสนาบดี หลินไป เขานั้นได้ทำการติดต่อกับคนที่เขาไว้ใจในรัฐจงอยู่ตลอด ทำให้เขารู้ถึงสถานการณ์ของรัฐจงเป็นอย่างดี

เขาได้ทำทั้งหมดนี้ลงไปโดยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายรัฐเจียง เขาแค่ต้องการจะปกป้องตัวเองเท่านั้น อย่างไรเสียเขาต้องพยายามรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดเพราะแม่ของเขากำลังหวังพึ่งพาเขาอยู่

“องค์ชาย สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือต้องตามหาองค์ชายสิบหกให้พบแล้วซ่อนตัวเขาเอาไว้ ท่านจะต้องไม่ปล่อยให้เขาตกอยู่ในมือของฮ่องเต้เจียงเด็ดขาด”

จงซู่เฟิงผงกหัว จากนั้นก็ได้กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อไปใส่เสื้อผ้าที่ดูธรรมดาๆ แล้วออกไปพร้อมกับเหลยถิง