ตอนที่ 169 บริหารจัดการห้าง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 169 บริหารจัดการห้าง

คุณแม่จี้ไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้สักเท่าไร

ตอนยังสาวก็ชอบดันทุรังไปเสียทุกเรื่องทั้งที่ไม่ได้มีความสามารถอะไร ชวนให้นางปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย

แต่มันก็เป็นแค่เรื่องในอดีต เทียบกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำตอนนี้ดูสิ?

ทั้งที่เป็นฝ่ายมาขอให้ลูกนางช่วยก่อนแท้ ๆ แม้ว่าคนที่ออกหน้าจะเป็นคุณลุงจี้ แต่ก่อนเขาจะมาหาก็ต้องปรึกษากับภรรยาก่อนไม่ใช่เหรอ?

ไม่ใช่แค่ภรรยา แต่ทุกคนในครอบครัวก็ต้องเห็นตรงกันก่อนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงเอาสวนมาขายต่อไม่ได้หรอก

ตอนนี้พอเห็นว่าสวนเจริญงอกงามกลับนึกเสียดายขึ้นมาเสียอย่างนั้น นางล่ะอยากย้อนเวลาไปตบอีกฝ่ายจริง ๆ

เมื่อปีก่อนนางยังมีใจชวนมาช่วยงาน แต่ปีนี้ให้ตายก็ไม่มีทาง!

คุยเรื่องวุ่นวายจบ นางก็ถามถึงเรื่องจี้เจี้ยนเยี่ย “แล้วพี่รองแกขับรถคล่องแล้วหรือยังล่ะ?”

“คล่องแล้วครับ แม่ไม่ต้องห่วงเลย แถมพี่สะใภ้ใหญ่ก็ตั้งใจทำงานดีด้วยครับ” เขาบอก

นับได้ว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดี คุณแม่จี้จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “แกคงต้องคอยช่วยพี่รองอีกเยอะ ส่วนพี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลหรอก แค่ได้ค่าจ้าง หล่อนก็ไม่ไปก่อเรื่องอะไรแล้วล่ะ”

แม้นางจะไม่พอใจเฝิงฟางฟางอยู่บ้างแต่ก็เชื่อในความสามารถของหล่อน ถึงอย่างไรนางก็เลือกสะใภ้คนนี้มาด้วยตัวเอง หล่อนเป็นคนขยัน ไม่ใช่พวกคดโกงหรือไม่เอาถ่าน

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้ตอบรับอะไร

ช่วงนี้เขาค่อนข้างยุ่ง เมื่อลงมาจากสวนก็ขับตรงไปที่ห้างทันที

ห้างใกล้ซ่อมแซมปรับปรุงเสร็จแล้ว ทุกอย่างมีหงเจี่ยคอยควบคุมดูแลอยู่ ตัวห้างสร้างขึ้นตามสมัยนิยมชวนให้ผู้คนหันมามอง

“มาแล้วเหรอเจี้ยนอวิ๋น?” เมื่อเฝิงฟางฟางเห็นเขาก็กล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้ม

“ครับ แวะมาดูสักหน่อยน่ะครับ” เขาพยักหน้ารับ

“สวัสดีครับเถ้าแก่!” พนักงานคนอื่น ๆ เห็นเขาก็พากันตะโกนทักทาย

เขาก้มศีรษะเชิงรับรู้ ขณะเดียวกันก็เห็นว่าทุกคนกำลังงานยุ่ง

นี่เป็นสิ่งที่หงเจี่ยขอเอาไว้ หล่อนขอให้เรียกตัวเองว่าพี่หงก็พอ แต่ต้องเรียกเขาว่าเถ้าแก่ ส่วนซูตานหงให้เรียกว่าเถ้าแก่เนี้ย

ถือเป็นชื่อเรียกที่ตกลงใช้ร่วมกัน

“พี่สะใภ้ใหญ่เป็นยังไงบ้างครับ?” เขาถามพลางยื่นตะกร้าสตรอเบอรี่ให้

“สบายดีจ้ะ ไม่ต้องเป็นห่วง หัวหน้าเฉินกับคนอื่น ๆ ก็ดีกับฉันมาก” เฝิงฟางฟางรับตะกร้าไปขณะส่งยิ้มให้

เขาพยักหน้ารับ

หงเจี่ยเองก็ให้เกียรติหล่อนเป็นพิเศษโดยมอบตำแหน่งให้ เพราะรู้ว่าเป็นพี่สะใภ้ของเขา

ห้างนี้มีหัวหน้าอยู่ 2 คน ก็คือหัวหน้าเฉินซึ่งทำงานคู่กับเฝิงฟางฟาง

แม้สิ่งที่เฝิงฟางฟางทำเมื่อช่วงปีใหม่ที่แล้วจะดูไม่ดีนักและที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำประโยชน์ให้ใคร หากแต่หล่อนก็ถือเป็นคนที่มีความสามารถ

การมีไหวพริบของหล่อนเหมาะสมกับงานตำแหน่งนี้ไม่น้อย

หล่อนไม่คิดจะใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นพี่สะใภ้ของเถ้าแก่ เพราะรู้นิสัยของจี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหงดี

หล่อนเองก็ไม่ต่างกับพี่รองของเขา ต่อให้เป็นถึงพี่ชาย หากไม่ตั้งใจทำงาน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ต้องหาคนมาแทนที่อย่างแน่นอน นับประสาอะไรกับหล่อนกันล่ะ?

เฝิงฟางฟางจึงตั้งใจทำงานอย่างหนัก แม้ว่าจะเป็นหัวหน้าแต่ก็คอยช่วยคนอื่นอยู่เสมอ ไม่อยู่เฉยและอู้งานแม้แต่น้อย จนทำให้คนเห็นว่าหล่อนไม่ใช่คนเกียจคร้านได้ในที่สุด

หล่อนเข้ากับได้ดีกับหัวหน้าเฉิน ได้เรียนรู้งานหลายอย่างจากอีกฝ่าย โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกว่าหล่อนต้องการจะมาแย่งตำแหน่งไป แต่กลับทำให้อีกฝ่ายประทับใจในตัวหล่อน

ต้องบอกว่าหล่อนทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าที่จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดเอาไว้

แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวชมออกมาเพราะคิดว่าหล่อนคงมีความสามารถอยู่แล้วมากกว่า

“พี่สะใภ้ใหญ่เอาสตรอเบอรี่ไปแบ่งกับทุกคนแล้วกันนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

“ได้จ้ะ” เฝิงฟางฟางพยักหน้า

หล่อนรู้ว่าที่น้องสามให้เอาสตรอเบอรี่ไปแบ่งทุกคนเพราะต้องการช่วยให้หล่อนสนิทสนมกับคนอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น

“หัวหน้าเฝิง เถ้าแก่เอาสตรอเบอรี่มาฝากอีกแล้วเหรอคะ?” เด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้น

เฝิงฟางฟางคุ้นชินกับการถูกเรียกสามคำสั้น ๆ ว่าหัวหน้าเฝิงไปแล้ว หล่อนหยิบไปแค่สองลูกขณะยิ้มให้อีกฝ่าย “ครั้งก่อนที่เอามาเธอก็ชอบมากเลยนี่ ฉันไปบอกเจี้ยนอวิ๋นแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเอามาฝากอีกเหมือนกัน รับตะกร้าไปสิ”

“ขอบคุณทั้งเถ้าแก่แล้วก็หัวหน้าเฝิงมาก ๆ นะคะ!” เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างพร้อมกอดตะกร้าเอาไว้ ก่อนจะตะโกนบอก “หัวหน้าเฝิงมีสตรอเบอรี่มาให้กินอีกแล้ว รีบมาเร็วเข้า ของอร่อยแบบนี้เดี๋ยวก็หมดก่อนหรอก!”

เฝิงฟางฟางเก็บบางส่วนไว้ให้หัวหน้าเฉิน ที่เหลือก็แจกจ่ายให้ทุกคน ชวนให้ยิ้มแก้มปริกันถ้วนหน้า

ด้านจี้เจี้ยนอวิ๋นก็แยกตัวมาดูโครงสร้างตัวห้างที่ทั้งดูล้ำสมัยและเป็นที่นิยม

ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ห้องน้ำก็ยังดูสวยงาม

จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาขอให้คุณแม่จี้ช่วยถามคนเฒ่าคนแก่สองคนในหมู่บ้านให้ ถึงแม้พวกเขาจะยังอายุไม่มากและมีลูกหลานคอยแวะเวียนมาหา แต่สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกลับบ้านตัวเองอยู่ดี ส่วนใหญ่จึงต้องอยู่เหงา ๆ กันที่บ้าน

เขาจึงขอให้นางช่วยถามว่ามีใครสนใจตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดบ้างหรือไม่? โดยมีเงินเดือนให้ถึง 20 หยวน

ลุงป้าคู่นี้ในหมู่บ้านต่างตอบตกลงในทันที

แม้จะเป็นงานทำความสะอาดแต่ก็ได้เงินถึง 20 หยวน อย่าว่าแต่ 20 หยวนเลย แค่ 15 หยวนพวกเขาก็ยอมตกลงทำแล้ว

คุณแม่จี้เอ่ยเตือน “อย่าพูดถึงค่าจ้างเชียวล่ะ ถ้าจำเป็นต้องพูดก็บอกไปว่า 15 หยวน ไม่อย่างนั้นพนักงานคนอื่นจะไม่พอใจเอาได้”

ถึงจะเป็นงานเหมือนกันแต่ย่อมอยู่คนละระดับ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป และคนที่ทำงานแบบนี้ก็มักถูกด้อยค่าเสมอ

หากบรรดาหญิงสาวที่เป็นพนักงานขายแต่งตัวดีทั้งหลายได้รู้ว่าลุงป้าอย่างพวกเขาได้เงินเดือน 20 หยวน พวกหล่อนจะต้องไม่พอใจแน่ ถึงอย่างไรก็มีเพียงหัวหน้าเพียงแค่สองคนที่ได้เงินเดือน 30 หยวน ส่วนคนอื่น ๆ นั้นได้ 25 หยวน หากรู้ว่าพวกเขาได้ค่าจ้างถึง 20 หยวน ต่อให้ไม่กล้าไปทักท้วงกับเถ้าแก่ แต่ก็อาจจะแสดงท่าทางไม่สุภาพกับพวกเขาได้

“ไม่เอาไปพูดที่ไหนหรอกน่า ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ทำให้เจี้ยนอวิ๋นต้องเดือดร้อนเด็ดขาด!” พวกเขาต่างรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ

ด้วยยินดีที่ได้งานนี้พวกเขาจึงรีบแบ่งที่ดินให้ลูก ๆ ไปดูแลกัน ก่อนจะออกเดินทางไปทำงานในวันถัดมา

ตอนนี้การเตรียมการเปิดห้างจึงค่อนข้างพรั่งพร้อมแล้ว

“สินค้าจะมาวางขายในอีก 2 วัน อีกไม่กี่วันก็จะเปิดห้างได้แล้วล่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกกับหัวหน้าเฉิน

หัวหน้าเฉินซึ่งเป็นหญิงสาวมากความสามารถวัย 30 เอ่ยกับเขา “ฉันก็กำลังจะแจ้งเถ้าแก่ให้ทราบเรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เลือกใช้คนให้ถูกงานถูกนิสัย ยังไงก็ก้าวหน้าค่ะ ยินดีกับเฝิงฟางฟางที่ค้นพบความถนัดของตัวเองนะคะ

ตื่นเต้น ห้างของเจี้ยนอวิ๋นจะได้เปิดตัวแล้ว

ไหหม่า(海馬)