ตอนที่ 170 ฤดูกาลผลไม้ที่แสนวุ่นวาย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 170 ฤดูกาลผลไม้ที่แสนวุ่นวาย

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้ารับ “งั้นคุณก็จัดการได้เลยครับ ถ้ามีปัญหาอะไรก็แจ้งผ่านหัวหน้าเฝิงเลยนะครับ”

หงเจี่ยเลือกหัวหน้าเฉินมาทำงานย่อมต้องมีเหตุผล คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการห้าง อันที่จริงเขาเองก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเพราะงานที่มีอยู่ก็ยุ่งเต็มที และห้างก็ดูไม่มีปัญหาอะไร

เป็นหัวหน้าเฉินที่มีหน้าที่จัดการ

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงถามถึงโรงงานในเมืองขึ้นมา

“ยังอยู่ระหว่างการเจรจาค่ะ แต่คิดว่าใกล้เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็คงตรงกับช่วงที่พวกเขาจ้างคนงานพอดี ห้างเราจะเปิดก่อนโรงงานแถมเรายังมีส่วนลดให้ตั้ง 3 วัน พวกคนงานก็น่าจะแห่มาซื้อของกันแน่ ๆ ค่ะ” หัวหน้าเฉินบอก

เมื่อเห็นว่าหล่อนเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว เขาก็ไม่ได้แนะนำอะไรเพิ่มเติม

ในที่สุดก็ถึงวันเปิดห้าง

ผู้คนต่างคลาคล่ำกันที่หน้าประตูห้างตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ

มีการลดราคาสินค้าทุกชิ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 3 วันแรก

ห้างนี้มี 2 ชั้น หากแต่ชั้นสองยังคงไม่เปิดให้บริการในตอนนี้

แม้จะเปิดให้บริการเพียงชั้นเดียว แต่ก็ถือว่าพื้นที่กว้างขวางและมีสินค้าให้เลือกสรรมากมาย

ของบางชิ้นมาจากเมืองมหาวิทยาลัย เพราะเป็นสินค้าแปลกใหม่ผู้คนจึงให้ความสนใจกันไม่น้อย

หากแต่ลูกค้ากว่าครึ่งก็ไม่ได้ซื้อในจำนวนมากนัก โดยถือโอกาสซื้อเพียงของที่จำเป็น ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ลดราคา มีกำหนดราคาไว้ชัดเจน อีกทั้งยังราคาไม่แพงด้วย

แต่คนบางคนก็มาซื้อของไปหลายอย่าง เนื่องจากมีโรงงานทอผ้าหลายแห่งเปิดเมื่อไม่นานมานี้ จึงมีการจ้างแรงงานซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเข้าพักอยู่ในหอพักบริเวณใกล้ ๆ โรงงาน ทำให้ต้องซื้อข้าวของเครื่องใช้ใหม่

แม้หลายคนจะเอาเตียงมาด้วยเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็เลือกจะมาซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ใหม่ เช่น แปรงสีฟัน สบู่ ยาสีฟัน ผ้าขนหนู

เพราะในช่วงสามวันแรกนี้สินค้ากำลังลดราคา 20 เปอร์เซ็นต์อยู่ หากซื้อไปแล้วยังไม่ใช้งานตอนนี้ก็เก็บเอาไว้ได้

ตอนนี้มีโรงงานทอผ้าใหญ่ ๆ อยู่สามแห่ง แต่ละแห่งมีคนงานราว 40 คน รวมกันแล้วก็มีมากกว่า 100 คน

นอกจากนี้ต่อไปโรงงานเหล่านี้ก็ต้องจ้างคนงานเพิ่มอีก

โรงงานเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนได้มีช่องทางทำมาหากินเพราะให้เงินเดือนสูง ว่ากันว่าจะได้ค่าจ้างจำนวนเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับผลงานที่ทำได้ ตราบใดที่ขยันขันแข็งก็ต้องได้ 20 หยวนเป็นอย่างต่ำแน่นอน

แต่หากเกียจคร้านก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ห้างนี้มีพนักงานนับรวมแล้ว 7 คน ได้แก่หัวหน้า 2 คน พนักงานขาย 3 คน และพนักงานทำความสะอาดอีก 2 คน

หัวหน้าเฉินกับเฝิงฟางฟางเองก็มีหน้าที่ดูแลลูกค้าด้วยเช่นกัน ทำให้เหล่าพนักงานขายที่เคยเชิดหน้าดูถูกลูกค้าต่างเปลี่ยนกิริยาท่าทางที่เป็นมิตรกับลูกค้ามากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ลูกค้าทุกคนจึงประทับใจมาก

ผ่านไปหลายวันยอดขายก็ยังไม่สูงนักแต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

จี้เจี้ยนอวิ๋นตรวจดูรายงานสรุปยอดขายอย่างละเอียด แม้ 3 วันแรกจะลดราคาก่อนจะกลับมาขายราคาปกติ แต่ห้าวันมานี้ยอดขายก็ไม่สูงนัก

เมื่อหักลบกับต้นทุนก็ได้กำไรเกือบครึ่ง สินค้าขายดีคือสตรอเบอรี่และแตงโม รองลงมาคือด้ายขนแกะและของใช้ในบ้าน

และถ้าหากหักค่าจ้างคนงานอีกก็จะเหลือกำไรน้อยมาก

แต่เขาก็ไม่เสียกำลังใจ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นแค่ช่วงเริ่มต้น และยังมีพื้นที่ที่ไม่ได้เปิดให้บริการอยู่ ตราบใดที่ยังมีกำไรเขาก็จะเปิดห้างนี้ต่อไป

ช่วงนี้เขาก็งานรัดตัวเพราะแตงโมกับเชอร์รี่สุกพร้อมขายในเวลาไล่เลี่ยกัน

ในช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงยุ่งมาก เหล่าฉินเองก็ต้องการสินค้าไปขายจึงแวะมารับของทุกวัน เมื่อก่อนเขามักจะได้แค่สตรอเบอรี่กลับไปขายหลายตะกร้าแต่ตอนนี้ยังมีแตงโมเพิ่มมาด้วย

แตงโมนี้ทั้งหวานชุ่มฉ่ำ เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมของลูกค้ามาก

นอกจากเขาก็ยังมีพ่อค้าคนอื่น ๆ มารับสินค้าแต่ก็ไม่ได้รับไปมากนัก รวมถึงซูจิ้นตั๋งที่ขับรถสามล้อมารับสินค้าวันละครั้งด้วย

แม้ห้างของจี้เจี้ยนอวิ๋นจะอยู่ในเมืองแต่ก็ยังคงขายราคาเดิม จึงไม่ได้ส่งผลกระทบกับร้านของซูจิ้นตั๋ง

ช่วงที่ห้างเปิดแรก ๆ เขาก็ยังไปทักทายอีกฝ่าย ซูจิ้นตั๋งเข้าใจดีว่าห้างลดราคาทั้งไข่ สตรอเบอรี่ และแตงโม เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อของ มีเพียงไก่ที่ไม่ได้นำมาขาย อีกทั้งเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเรื่องนี้

ซูจิ้นตั๋งสนับสนุนเขาเต็มที่

ตอนนี้ห้างกลับมาขายสินค้าในราคาปกติ ในขณะที่ซูจิ้นตั๋งก็ยังเปิดร้านต่อไปได้ จากร้านซูจิ้นตั๋งต้องเดินเท้าถึงครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงห้าง พูดได้ว่าตราบได้ที่ขายราคาเท่ากันคนก็คงไม่ลงทุนเดินไปซื้อที่ห้างอย่างแน่นอน

อีกทั้งในเมืองก็มีกิจการมากมาย มีห้างเพิ่มมาอีกที่จะกระทบสักเท่าไรกัน?

ถึงอย่างไรก็ต่างคนต่างทำมาหากินอยู่แล้ว

จี้เจี้ยนอวิ๋นมอบหมายให้จี้เจี้ยนเยี่ยเริ่มส่งของไปที่เมืองมหาวิทยาลัย

ปกติในวันหนึ่งก็ต้องไปกลับอย่างน้อย 2 ครั้ง

เขาจะขับไปส่งของที่ร้านช่วงเช้า ก่อนจะกลับมาขนไปขายที่เมืองเจียงสุ่ยกับจี้เจี้ยนอวิ๋นอีกทีในช่วงบ่าย

จี้เจี้ยนเยี่ยมีหน้าที่ขาย ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นทำหน้าที่ดูแลเรื่องเงิน

ผ่านไปราว 4 ถึง 5 วันแตงโมก็ขายหมด

จี้เจี้ยนเยี่ยขับรถส่งของทั้งวันแทบไม่ได้พักผ่อน

เดิมทีจี้เจี้ยนอวิ๋นตั้งใจจะให้เขาพักหลังจากนั้น แต่กลับตรงกับช่วงที่เชอร์รี่สุกพอดี

เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่ต้องเก็บไปขายทันที พวกเขาจึงต้องขนไปขายที่เมืองเจียงสุ่ยหลังเก็บเกี่ยวในช่วงเช้า ส่วนเหล่าฉินกับซูจิ้นตั๋งที่จะมารับของนั้นมีคุณพ่อจี้คอยดูแลให้อยู่แล้ว

จี้เจี้ยนเยี่ยกับจี้เจี้ยนอวิ๋นงานยุ่งอยู่ตลอด ขณะที่ไปส่งของในเมืองเจียงสุ่ย คนที่สวนเก็บเชอร์รี่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เสร็จสิ้นมื้อเที่ยงพวกเขาก็ต้องขับเข้าเมืองมหาวิทยาลัยต่อ

กว่าจะกลับถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยไปราวทุ่มหนึ่งแล้ว

ฤดูกาลผลไม้นั้นกินเวลาประมาณ 2 ถึง 3 เดือน ผลไม้แต่ละอย่างจะทยอยสุกไล่เลี่ยกัน เรียกได้ว่าต่อให้มีช่วงพักก็คงไม่นานนัก

ยังเหลือเก็บเกี่ยวลูกพลับที่สุกช้ากว่าอย่างอื่น ระหว่างรอเขาจึงให้จี้เจี้ยนเยี่ยได้หยุดพัก 2 วัน

จากนั้นค่อยให้ไปส่งของที่เมืองมหาวิทยาลัย

จี้เจี้ยนเยี่ยชักเริ่มทนไม่ไหว ตอนแรกเขามองว่าการขับรถคงไม่น่าเหนื่อยนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะหนักพอ ๆ กับการทำสวนขนาดนี้! ………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เจี้ยนอวิ๋นทำงานหนักมาก เพื่อลูกเมียแล้วสู้ ๆ นะคะ

เห็นใจพี่รองอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะงานขับรถเป็นงานที่เหนื่อยใช่ย่อย แต่อย่าเพิ่งถอดใจเลยนะคะ

ไหหม่า(海馬)