เซี่ยยวี่หลัวลืมตามองดูมุ้งที่อยู่เหนือศีรษะอย่างเหม่อลอย
หลังจากเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ ฟังนิทานแล้วก็หลับสนิท เซี่ยยวี่หลัวพลิกตัวไปมา ไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าพลิกตัวไปมานานแค่ไหน อาจเพราะง่วงมาก จึงผล็อยหลับไป
กลางดึก นางฝันเห็นเซียวยวี่จ้องมองนางด้วยสีหน้าดุร้ายอีกครั้ง ฝันร้ายที่น่ากลัวนั่น ทำให้เซี่ยยวี่หลัวสะดุ้งตื่น ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวนอนไม่หลับอีกต่อไป จึงถือโอกาสสวมใส่เสื้อผ้า ลุกจากเตียง
นางล้างหน้าบ้วนปาก รวบผมเสร็จ ทาเครื่องประทินผิวหน้า แล้วจึงเข้าห้องครัว
ในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน อาหารเช้าก็ต้องทำให้มากขึ้นเล็กน้อย
เซี่ยยวี่หลัวหุงข้าวปริมาณมากกว่าปกติ ล้างไข่ไก่สี่ฟอง ใส่ลงไปในหม้อทั้งหมด หลังจากหุงต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จึงเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน แล้วจึงไปสวนหลังบ้านเพื่อเด็ดผัก
สวนหลังบ้านมีผักจำนวนไม่น้อยที่สามารถกินได้แล้ว
ท่านราชบัณฑิตน้อยชอบกินอาหารรสเผ็ด เซี่ยยวี่หลัวหิ้วตะกร้าไปเด็ดพริกมาสิบกว่าเม็ด ก่อนเด็ดถั่วแขกอีกเล็กน้อย แล้วจึงหันตัวกำลังจะกลับไป
เพิ่งลุกขึ้น หางตาก็เหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง ร่างของคนผู้นั้นเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยยวี่หลัวคาดเดาว่าคนผู้นั้นต้องเป็นเซียวยวี่แน่ นางหิ้วตะกร้าออกจากสวนหลังบ้านไป
เซียวยวี่ก็ตื่นแต่เช้า
หลังจากล้างหน้าบ้วนปากจึงไปอ่านตำราที่ห้องหนังสือ
กลางคืนเห็นไม่ชัด เมื่อครู่มายังห้องหนังสือ มองผ่านหน้าต่างออกไปด้านนอก เซียวยวี่ก็ถึงกับตกตะลึง
เห็นเพียงสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ถูกหักร้างถางพงจนกลายเป็นแปลงผักที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ในแปลงปลูกผักนานาชนิด เจริญงอกงามอย่างดี รอบสวนหลังบ้านปลูกดอกไม้ป่าไว้จำนวนไม่น้อย
ดอกไม้ป่าขนาดเล็กนั่นพบเห็นได้ง่ายมาก ขอเพียงถึงช่วงเดือนห้าเดือนหก ดอกไม้ชนิดนี้ก็จะบานสะพรั่งทั่วภูเขา บานเป็นพุ่มๆ น่าดูยิ่งนัก
บัดนี้ดอกไม้เหล่านั้นอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง ดอกไม้เป็นพุ่มๆ มีทั้งสีแดง สีเหลือง สีขาว สีชมพู สีสันสดใส ประชันความงามกัน แต่งแต้มสวนหลังบ้านจนราวกับเป็นสวรรค์บนดิน
พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่เพียงต้องเอาใจใส่ ทั้งยังต้องใช้แรงกายไม่น้อย เดิมทีด้านหลังนี้มีแต่พื้นที่รกร้าง ต้องบุกเบิกพื้นที่ทีละเล็กทีละน้อย เช่นนั้นต้องใช้แรงกายมากเพียงใดกัน?
ยังมีไม้ไผ่ที่ล้อมสวนหลังบ้านไว้ ล้วนแต่ยังใหม่อยู่ น่าจะเพิ่งตัดมาจากบนภูเขาเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ในสวนหลังบ้านมีโต๊ะหินวางอยู่ตัวหนึ่ง ยังมีเก้าอี้หินอีกสี่ตัว เหนือโต๊ะหินมีโครงไม้เลื้อยก่อไว้ บนโครงไม้มีเถาวัลย์เลื้อยขึ้นไป เซียวยวี่รู้จัก นั่นคือองุ่นป่า
นางขุดองุ่นป่ากลับมาปลูกสองต้นงั้นหรือนี่
บนโครงไม้มีเถาวัลย์เลื้อยอยู่เต็ม รออีกสักสองปี ก็จะมีองุ่นแล้ว
เมื่อเห็นสวนหลังบ้านถูกจัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย งดงามราวกับแดนสวรรค์ เซียวยวี่ยืนอยู่ริมหน้าต่างพร้อมทอดถอนใจเบาๆ
เวลานี้เอง ประตูห้องข้างๆ เปิดออก ร่างกายเซียวยวี่เคลื่อนไหวเล็กน้อย เห็นเซี่ยยวี่หลัวหิ้วตะกร้ามายังสวนหลังบ้าน
ยามนี้ท้องฟ้ายังไม่สว่างเจิดจ้า ด้านนอกมีเพียงแสงสลัว ทั้งยังมีหมอกเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวก้มตัวเด็ดพริกและถั่วแขกจำนวนหนึ่ง ก่อนจะก้มลงถอนหญ้าที่เพิ่งขึ้นใหม่ แล้วจึงลุกขึ้นหิ้วตะกร้ากลับไป
เซียวยวี่เกรงว่านางจะเห็นเขา จึงรีบหลบไปอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเห็นหรือไม่ นางเพียงหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก็หิ้วตะกร้าเดินกลับไปแล้ว
เซียวยวี่พิงอยู่ข้างกำแพง ผ่อนลมหายใจยาวทีหนึ่ง เขาไม่ได้หยุดนิ่ง แต่กลับห้องหนังสือไปอ่านตำราอย่างตั้งอกตั้งใจ
เซี่ยยวี่หลัวกลับไปยังห้องครัว ในหม้อมีกลิ่นหอมของข้าวลอยฟุ้ง
ยังล้างผักไม่เสร็จ เด็กสองคนก็มายังห้องครัวแล้ว พอช่วยเซี่ยยวี่หลัวจัดวางชามและตะเกียบเสร็จ เซียวจื่อเมิ่งก็ไปตามเซียวยวี่ “พี่ใหญ่…”
เซียวยวี่กวักมือ เซียวจื่อเมิ่งมาอยู่ข้างกายเขา เซียวยวี่สอดมือทั้งสองข้างเข้าใต้รักแร้นาง อุ้มนางขึ้นมานั่งบนตัก “เมื่อคืนอาเมิ่งนอนหลับสบายหรือไม่? ”
“หลับสบายมากเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่เล่านิทานกล่อมข้านอนหลับ ข้านอนรวดเดียวถึงตอนเช้าเลยเจ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งแสดงสีหน้ามีความสุข
ใบหน้าของนางมีสีแดงเลือดฝาด พอสัมผัสก็นุ่มลื่น ยังไม่ได้หวีผม ปล่อยผมสยาย ผมของนางยาวถึงช่วงเอวแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งถือเชือกผูกผมไว้ในมือ คลานลงจากตักเซียวยวี่ “พี่ใหญ่ ข้าไปหาพี่สะใภ้ใหญ่ก่อนนะเจ้าคะ”
พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าวันนี้จะทำผมเปียสองข้างทรงสวยให้ นางจะไปดู
เซียวยวี่มองเซียวจื่อเมิ่งกระโดดโลดเต้นไปด้วยท่าทางดีอกดีใจ ภายในใจยากจะสงบได้ ทางห้องครัว มีกลิ่นหอมของอาหารลอยมาแล้ว เซียวยวี่ลูบท้องตัวเอง หิวแล้ว
อาหารเย็นเมื่อวานของเซี่ยยวี่หลัวทำให้เขารู้สึกตกตะลึงยิ่ง
เขาโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยกินอาหารที่อร่อยถึงเพียงนั้นมาก่อน แม้จะเป็นอาหารบ้านๆ ทั่วไป แต่รสชาติที่ทำออกมากลับดีกว่าในภัตตาคารเสียอีก!
เซียวจื่อเซวียนบอกว่า เซี่ยยวี่หลัวทำอาหารเป็น ทำอาหารได้อร่อยมาก เขาไม่ได้พูดปด!
เซี่ยยวี่หลัวผัดถั่วแขกเสร็จ จึงทำพริกหยวกหู่ผี* แล้วจึงหวีผมให้เซียวจื่อเมิ่ง
แบ่งผมออกเป็นสองส่วน ผมตรงหน้าผากใช้เชือกผูกผมผูกไว้ ค่อยๆ พันลงมาจนถึงด้านล่างใบหู สุดท้ายจึงถักเปียผมที่เหลือด้วยการถักเปียสี่แถว ด้านบนประดับด้วยดอกกุหลาบเลื้อยสีชมพูสองดอกที่นางเพิ่งเด็ดมาช่วงเช้า ผมถักเปียลู่ลงตรงอก ลักษณะเหมือนบุตรสาวผู้มีรูปโฉมงดงามและจิตใจดีจากครอบครัวเล็กๆ
“พี่สะใภ้ใหญ่ ผมทรงนี้ดูดีเหลือเกินเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งเห็นตัวเองในกระจก ก็กล่าวด้วยท่าทางตกตะลึง
นางยังไม่เคยเห็นใครทำผมทรงนี้มาก่อนเลย!
เซี่ยยวี่หลัวหวีผมให้ตัวเองครู่หนึ่ง เส้นผมของนางทั้งดำทั้งดกและเงางาม หวีผมให้แม่หนูน้อย ไม่ลำบากสำหรับนาง แต่หวีผมให้ตัวเอง กลับลำบากยิ่งนัก
ดังนั้น ปกตินางจึงทำแต่ทรงถักเปีย ปล่อยให้ลู่ลงตรงอก แล้วจึงผูกเชือกผูกผมที่นางทำขึ้นเองไว้ด้านบน ส่วนปลายของเชือกผูกผมปักมุกไว้ด้านละหนึ่งเม็ด มุกนั่นดูดียิ่งนัก คล้ายกับเครื่องแก้ว ด้านนอกเป็นสีขาว ด้านในเป็นสีฟ้า ราวกับว่าภายในถูกประดับด้วยท้องฟ้าสีฟ้าคราม เรียบง่ายและดูโอบอ้อม ดูดียิ่งนัก
เซียวจื่อเซวียนยกอาหารไว้ไปบนโต๊ะ เซี่ยยวี่หลัวหวีผมเสร็จแล้ว จึงนำหน่อไม้แห้งไปแช่น้ำ แล้วจึงเข้าไปในห้อง
เซียวยวี่ออกจากห้อง พบกับเซี่ยยวี่หลัวที่เพิ่งออกจากห้องครัวพอดี
สองคน คนหนึ่งอยู่ทางซ้าย อีกคนอยู่ทางขวา ตรงกลางมีลานบ้านขวางกั้นอยู่ กลับหันสบตาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เซี่ยยวี่หลัวหัวใจเต้นแรง อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน อย่างไรก็ต้องเห็นหน้ากันจริงๆ
“อรุณสวัสดิ์…” เซี่ยยวี่หลัวพยายามฝืนยิ้ม ให้ตัวเองดูปกติที่สุด
เซียวยวี่ไม่ได้กล่าวอะไร ไม่ส่งสายตามาด้วยซ้ำ ยกเท้าก้าวเข้าไปในห้องโถง ไม่ได้สนใจนาง
เซี่ยยวี่หลัวก็อยากให้เขาไม่สนใจนางอยู่แล้ว เมื่อเห็นเขาเข้าไปในห้อง นับเลขอยู่ในใจห้าวินาที แล้วจึงเข้าห้องไป
เซียวยวี่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ มองอาหารบนโต๊ะด้วยอาการเหม่อลอย
อาหารที่กินเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านมากอยู่แล้ว พอเห็นอาหารในเช้าวันนี้ โจ๊กข้าวสีขาวผ่องดุจหิมะ ยังมีแผ่นแป้ง ไข่สี่ฟอง พริกหนึ่งจาน และถั่วแขกที่เหมือนกับเมื่อคืนหนึ่งจาน
เด็กสองคนเห็นบ่อยจนไม่รู้สึกแปลก ของดีกว่านี้พวกเขาก็เคยกินมาแล้ว นั่งลงข้างโต๊ะ เซียวจื่อเซวียนตักโจ๊กเต็มชามใหญ่ให้ทุกคน ทั้งสี่คนจึงเริ่มกินข้าว
เซี่ยยวี่หลัวปอกไข่ไก่ วางไข่ฟองหนึ่งไว้ในชามของเซียวจื่อเมิ่ง ใช้ช้อนบด โจ๊กสีขาวผ่องดุจหิมะพลันกลายเป็นสีเหลือง แล้วจึงยื่นส่งให้เซียวจื่อเมิ่ง
เซียวจื่อเมิ่งใช้ช้อนตักเข้าปากไปช้อนแล้วช้อนเล่า มือซ้ายจับแผ่นแป้งไว้หนึ่งแผ่น กินคำโตอย่างเอร็ดอร่อย
เซียวยวี่ก้มหน้า มองดูอาหารตรงหน้า หยิบตะเกียบขึ้นมา เริ่มกินอาหาร
บนโต๊ะมีกับข้าวสองอย่าง พริกหนึ่งจาน ถั่วแขกหนึ่งจาน ไม่ได้ใส่พริก
เซียวยวี่ครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ จึงกินแต่โจ๊กตรงหน้า ลืมคีบกับข้าว ทั้งยังลืมกินไข่และแผ่นแป้งใส่ไข่ เซี่ยยวี่หลัวดันอาหารไปตรงหน้าเขา เซียวยวี่เห็นเข้าพอดี
เซี่ยยวี่หลัวถูกจับได้ ว่านางกำลังพยายามเอาอกเอาใจท่านราชบัณฑิตน้อย “นี่เป็นส่วนของเจ้า อย่าให้เสียของ! ”
ยามนางแย้มรอยยิ้ม ใบหน้างดงามดูมีชีวิตชีวา ทั้งดวงตาและคิ้วงามล้วนแฝงเร้นด้วยประกายยิ้มแย้ม ไม่เหมือนกับแต่ก่อน ที่ไม่เคยยิ้ม ต่อให้ยิ้ม ก็แค่ตวัดมุมปากทีหนึ่ง เบื้องลึกแววตาไม่เคยฉายประกายยิ้มแย้ม ทั้งเย็นชาและไร้อารมณ์
เซียวยวี่มองนางอย่างเรียบสงบแวบหนึ่ง แล้วจึงกินส่วนของตัวเอง
—————————–
เชิงอรรถ
*พริกหยวกหู่ผี คืออาหารที่นำเอาพริกหยวกจี่กับกระทะจนมีลายไหม้พาดตัวพริกเหมือนลายเสือ แล้วจึงผัดกับซอสหรือราดซอส