เล่ม 1 ตอนที่ 129 มาไม่ทัน

สลับชะตา ชายามือสังหาร

เขางานยุ่งอยู่ข้างนอกตลอดวัน กว่าจะกลับจากข้างนอกก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ความรู้สึกไม่สงบภายในใจซือหม่าเลี่ยจึงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

“พ่อบ้าน ตอนนี้บรรดาคุณชายอยู่ที่ไหนกันหรือ”

พ่อบ้านเข้ามาจากข้างนอกแล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพ คุณชายใหญ่กับคุณชายรองไปตรวจดูโรงงานที่เมืองหลินแล้วขอรับ คุณชายสามอยู่บ้าน ส่วนคุณชายสี่และคุณชายห้าอยู่ที่วิทยาลัยขอรับ”

“ไปเรียกตัวพวกเขากลับมาให้หมด” ซือหม่าเลี่ยพูด

พ่อบ้านมองซือหม่าเลี่ยอย่างประหลาดใจปราดหนึ่ง วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นเสียแล้วกระมัง เหตุใดจึงต้องเรียกตัวพวกเขากลับมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ด้วย

“ท่านแม่ทัพ ตอนนี้เลยหรือขอรับ”

“อืม เจ้าไปตอนนี้เลย ให้คุณชายใหญ่กับคุณชายรองกลับมาคืนนี้เลย” ซือหม่าเลี่ยพูด

พ่อบ้านเห็นท่าทีจริงจังของซือหม่าเลี่ยก็รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นอย่างแน่นอน จึงพูดว่า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

พ่อบ้านจากไป ซือหม่าเลี่ยอยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวายใจอยู่ตลอด พร้อมกับเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง

เพียงไม่นานพ่อบ้านก็กลับมาแล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพ ส่งคนไปหาตัวคุณชายใหญ่กับคุณชายรองแล้วขอรับ พรุ่งนี้เช้าน่าจะกลับมาได้ คุณชายสี่กลับมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณชายห้ากำลังปลีกวิเวกอยู่ จึงไม่เห็นเขาเลยขอรับ”

“ไม่เห็นโยวเย่ว์เลยอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าเลี่ยพูด

“ขอรับ ตอนที่พวกเราไป คุณชายชวีบอกว่าคุณชายห้าพูดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนปลีกวิเวกว่าหากเขาไม่ออกมาก็ห้ามไปเรียกเขาเป็นอันขาด คาดว่าคงจะถึงช่วงเวลาวิกฤติแล้วขอรับ” พ่อบ้านตอบ “แต่พวกเขาบอกว่าเขาเข้าไปได้สองวันแล้ว คงใกล้จะออกมาแล้วล่ะขอรับ”

“อืม พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยไปดูอีกทีแล้วกัน ถ้าหากคุณชายห้าออกจากการปลีกวิเวกแล้วก็ให้เขากลับมาทันทีเลย” ซือหม่าเลี่ยพูด

“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านรับคำสั่ง

เช้าวันรุ่งขึ้น นอกจากซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว ซือหม่าโยวหมิง ซือหม่าโยวฉี ซือหม่าโยวหราน และซือหม่าโยวเล่อล้วนมาถึงครบทั้งสี่คนแล้ว

“ท่านปู่ ท่านเรียกตัวพวกเรากลับมากะทันหันทำไมหรือ” ซือหม่าโยวหมิงถาม

“ใช่แล้ว มีธุระด่วนอันใด มีอีกตั้งหลายร้านค้าที่นั่นที่พวกเรายังมิได้ไปตรวจตรากันเลย” ซือหม่าโยวฉีพูด

“วันนี้พวกเราก็มีเรียนด้วย” ซือหม่าโยวเล่อพูด

“พวกเจ้ารีบไปจากเมืองหลวงเดี๋ยวนี้เลย ภายในหนึ่งปีนี้ห้ามกลับมาเป็นอันขาด” ซือหม่าเลี่ยพูด

“อะไรนะ!”

“เพราะเหตุใดกัน!”

“ท่านปู่!”

“ออกไปอย่างนั้นหรือ!”

ทุกคนล้วนพรั่นพรึงกับคำพูดของซือหม่าเลี่ย แม้กระทั่งพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ก็ยังมองซือหม่าเลี่ยอย่างตกใจ

“อืม อีกประเดี๋ยวไปเก็บข้าวของแล้วจากไปเสีย ภายในหนึ่งปีนี้ห้ามกลับมาเด็ดขาด” ซือหม่าเลี่ยพูด

“ท่านปู่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ เหตุใดจึงต้องให้พวกเราจากไปด้วยเล่า” ซือหม่าโยวหรานพูด

“พวกเจ้าฟังที่ข้าบอกก็พอแล้ว” ซือหม่าเลี่ยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ท่านปู่ ท่านไม่ยอมบอกเหตุผลพวกเรา พวกเราก็มิอาจจากไปได้หรอก” ซือหม่าโยวหมิงพูด

“ใช่แล้ว ท่านปู่ หากท่านไม่ยอมบอก พวกเราก็ไม่ไป” ซือหม่าโยวเล่อพูด

“พวกเจ้าอย่าทำให้ข้าโมโหเชียวนะ!” ซือหม่าเลี่ยตะคอก

“ท่านปู่ ท่านไม่ยอมบอกเหตุผลพวกเรา ต่อให้พวกเราจากไปแล้วก็ไม่มีทางสงบจิตสงบใจได้หรอก” ซือหม่าโยวหรานเอ่ย

“เฮ้อ…” ซือหม่าเลี่ยถอนหายใจแล้วพูดว่า “นิสัยของพวกเจ้านี่มันจริงๆ เลย เช่นนั้นก็บอกเหตุผลพวกเจ้าแล้วกัน…”

ซือหม่าเลี่ยเล่าเรื่องตระกูลให้ฟัง ทั้งยังเล่าลางสังหรณ์ของตนอีกด้วย

“ท่านปู่ ท่านจะบอกว่าเป็นไปได้ที่คนของตระกูลจะมาถึงที่นี่อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวหมิงขมวดคิ้ว พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกตนจะมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้

“เมื่อวานข้ารู้สึกได้อย่างรุนแรงเป็นพิเศษเลยว่าพวกเขาจะมา” ซือหม่าเลี่ยพูด “พวกเจ้าเป็นกิ่งก้านสาขาของตระกูลซือหม่า ดังนั้นพวกเจ้าจึงจำเป็นต้องจากไป ถ้าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาจริงๆ ก็ถือว่าเป็นการทำเพื่อรักษาอนาคตวงศ์ตระกูลแล้วกัน”

“ท่านปู่ แล้วน้องห้าเล่า” ซือหม่าโยวหรานถาม

“ยังปลีกวิเวกอยู่ที่วิทยาลัย ข้าให้คนไปบอกนางแล้ว เมื่อใดที่นางออกจากการปลีกวิเวกก็จะส่งนางออกไปทันที” ซือหม่าเลี่ยพูด “เอาละ เรื่องนี้จะเนิ่นช้ามิได้อีกแล้ว พวกเจ้ารีบจากไปเดี๋ยวนี้เลย”

“แต่ว่า… ท่านปู่ ถ้าหากคนพวกนั้นมากันจริงๆ พวกเราจะวางใจให้ท่านอยู่ที่บ้านคนเดียวได้อย่างไรเล่า…” ซือหม่าโยวเล่อไม่อยากจากไป ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนซือหม่าเลี่ย

“เหลวไหล!” ซือหม่าเลี่ยตวาดในทันใด “ถ้าหากคนทางนั้นมากันจริงๆ อาศัยพลังเช่นเจ้าจะต้านทานไหวอย่างนั้นหรือ อีกฝ่ายกวาดสายตาทีเดียวก็ทำให้เจ้าขยับเขยื้อนมิได้แล้ว แล้วเจ้าจะเอาอะไรมาต่อต้านพวกเขากันเล่า ชีวิตอย่างนั้นหรือ”

“แต่ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะมานี่นา…” ซือหม่าโยวเล่อก้มหน้าพลางเอ่ยเสียงเบา

“ท่านปู่ มิสู้ท่านจากไปพร้อมกับพวกเราเลยดีกว่า” ซือหม่าโยวหรานพูด

“ข้าเป็นถึงแม่ทัพแห่งอาณาจักร แล้วจะจากไปพร้อมกับพวกเจ้าได้อย่างไร” ซือหม่าเลี่ยส่ายศีรษะ “พวกเจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็ห้ามกลับมาเป็นอันขาด การรักษาชีวิตเอาไว้ต่างหากเล่าจึงจะสำคัญที่สุด เข้าใจหรือไม่”

“เข้าใจแล้วขอรับท่านปู่”

“เอาละ จัดเตรียมข้าวของเอาไว้ให้พวกเจ้าเรียบร้อยหมดแล้ว หยิบแหวนเก็บวัตถุไปกันคนละวงแล้วไปเสีย” ซือหม่าเลี่ยพูดก่อนจะหยิบเอาแหวนเก็บวัตถุออกมาสี่วง

ทั้งสี่คนก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วรับแหวนเก็บวัตถุมาก่อนจะหยดโลหิตลงไป

ซือหม่าเลี่ยนำทั้งสี่คนออกมา เพิ่งเดินไปถึงลานบ้าน เขาก็สะดุ้งในทันใด แล้วมองท้องฟ้าอย่างระแวดระวัง

“มาแล้ว!”

ซือหม่าเลี่ยเพิ่งเอ่ยวาจาออกไป พลังกดดันขุมหนึ่งจากนอกเมืองก็กดดันเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้ารีบไปเร็วเข้าสิ!” ซือหม่าเลี่ยผลักซือหม่าโยวหมิงที่อยู่ข้างตัวพลางเอ่ยเร่ง

“ฮ่าๆ คิดจะหนีก็สายไปแล้วล่ะ!” น้ำเสียงวางอำนาจลอยเข้ามา ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงพรั่นพรึง

ซือหม่าเลี่ยดีดร่างกายขึ้นไปกลางท้องฟ้าเหนือจวนแม่ทัพแล้วมองคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังทะยานเข้ามา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อรู้สึกได้ว่ามีผู้แข็งแกร่งมาเยือน ชาวเมืองหลวงจึงพากันหยุดฝีเท้าแล้วมองดู

“พรึ่บ…”

“พรึ่บ…”

เงาร่างคนสองสายวาบผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือท่านอาจารย์ใหญ่อาวุโสและผู้รักษาการณ์ท่านหนึ่งของราชวงศ์นั่นเอง

เมื่อเห็นซือหม่าเลี่ย ท่านอาจารย์ใหญ่อาวุโสจึงทะยานเข้ามาแล้วเอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ กลิ่นอายราชันวิญญาณสามคน ทั้งยังมีบรรพวิญญาณอีกด้วย ผู้ที่มาเป็นใครกัน”

ซือหม่าเลี่ยเหลือบมองท่านอาจารย์ใหญ่อาวุโสปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องของพวกเราตระกูลซือหม่า ท่านกับผู้อาวุโสหวงมิต้องเข้ามาร่วมด้วยหรอก”

ผู้อาวุโสหวงมิได้คิดจะมาเข้าร่วมด้วยอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของซือหม่าเลี่ยจึงยืนอยู่ห่างๆ

“เลี่ย…”

ซือหม่าเลี่ยหยิบแหวนวงหนึ่งออกมาแล้วพูดว่า “รบกวนท่านช่วยมอบสิ่งนี้ให้กับโยวเย่ว์ด้วย ห้ามให้โยวเย่ว์ออกมาเป็นอันขาด และท่านก็กลับไปได้แล้ว”

ท่านอาจารย์ใหญ่อาวุโสรับแหวนมาก่อนจะทะยานไปอีกทาง ทว่ามิได้จากไป แต่กลับสังเกตการณ์เรื่องราวทางนี้อยู่ห่างๆ

ซือหม่าหลินนำพวกซือหม่าข่ายมาถึงยังน่านฟ้าเหนือเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นซือหม่าเลี่ย ซือหม่าข่ายก็ตกตะลึงอยู่บ้าง เขาหลุดปากพูดออกมาว่า “เจ้ายังไม่ตายนี่!”

ซือหม่าหลิน ซือหม่าข่าย และซือหม่าชิง ราชันวิญญาณสามคน ทั้งยังมีซือหม่าเค่อผู้เป็นระดับบรรพวิญญาณด้วย พวกเขาก้มหน้าลงมองพวกซือหม่าโยวหมิงทั้งสี่คนในลานบ้านปราดหนึ่ง

“ซือหม่าเลี่ย ตอนนั้นพวกเจ้าหลบหนีความผิด ตระกูลเราใช้พลังมากมายเช่นนั้นก็ยังมิอาจจับตัวพวกเจ้าได้ คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่” เมื่อซือหม่าเค่อมองเห็นซือหม่าเลี่ย นัยน์ตาก็มีอารมณ์แปลกประหลาดสายหนึ่งวาบผ่าน

ก่อนจะมาเขาได้พูดกับซือหม่าข่ายเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอดกลับไปที่ตระกูลเป็นอันขาด ถ้าหากทำได้ก็สังหารพวกเขาทั้งหมดเสียที่นี่เลยจะเป็นการดีที่สุด

ซือหม่าข่ายที่มองไปยังซือหม่าเลี่ยเต็มไปด้วยแววอาฆาต ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาจะรอดชีวิตจากการลอบจู่โจมของหนูปีศาจหกนิ้วได้ เช่นนั้นเขาก็น่าจะมองออกแล้วว่านั่นคือสัตว์ปีศาจ เรื่องนี้มิอาจให้เขาพูดออกมาเป็นอันขาด มิฉะนั้น…