ภาคที่ 1 บทที่ 119 มนุษย์มหัศจรรย์

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 119 มนุษย์มหัศจรรย์

ดูสิ!

ทำไมผลลัพธ์ของการฝังเข็มถึงได้มหัศจรรย์ขนาดนี้!

เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของพ่อแม่เด็กชาย บรรดานักศึกษาแพทย์ที่อยู่ในห้องฝังเข็มต่างก็พูดอะไรไม่ออกด้วยความอิจฉาริษยา

ใครกันแน่ที่ไม่ได้เรียนคณะแพทย์แผนจีน?

ใครกันแน่ที่เรียนเรื่องการฝังเข็มมาโดยตรง?

ทุกคนรู้สึกว่าตนเองยังห่างชั้นจากซูเย่อยู่อีกมากนัก!

หลี่เคอหมิงซึ่งยืนอยู่ข้างเตียงของเด็กชายก็กำลังประหลาดใจเช่นกัน

หรือว่าซูเย่จะมีวิธีการพิเศษเฉพาะตัวที่ทำให้ผลลัพธ์การฝังเข็มสามารถเห็นผลได้รวดเร็วขนาดนี้

ตอนนี้

มีผู้คนเป็นสักขีพยานในการฝังเข็มของซูเย่เป็นจำนวนมาก

ดวงตาของแม่เด็กชายเป็นประกายแวววาว เธอหันไปมองสามี และพยักหน้าพร้อมกัน

“เราอยากให้คุณหมอซูเป็นคนรักษาลูกของเราค่ะ”

แม่เด็กพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “พวกเราเชื่อมั่นในตัวคุณหมอซู”

ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย และหันไปมองหน้าหลี่เคอหมิง

หลี่เคอหมิงก็กำลังมองหน้าเขา และผงกศีรษะเล็กน้อย

“ได้เลยครับ”

ซูเย่พยักหน้าตอบรับ

พ่อแม่เด็กรีบขยับถอยออกไปด้วยความเต็มใจและมีความสุข

ซูเย่เดินไปที่เตียงของเด็กชายอย่างไม่ลังเล หลังตรวจสอบสภาพร่างกายแล้วชายหนุ่มก็เริ่มกำหนดจุดฝังเข็ม

เข็มแรกที่ต้องปักลงไปคือจุดชิงหมิง

เข็มที่สองคือจุดข้างขมับ

ซูเย่ยังคงใช้พลังลมปราณเช่นเดิม

ตามด้วยจุดชวีปิ้น และจุดถงจื่อเหลียว

เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะดึงเข็มออกมา ชายหนุ่มก็ต้องทำการดูดเลือดออกจากใต้ผิวหนังเป็นจำนวน 0.5 มิลลิเมตรตามความยาวของตัวเข็มในทุก ๆ จุดที่ฝังลงไป

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการที่เรียกว่าการปล่อยเลือด ดวงตาของเด็กชายก็หายบวมอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำความแดงก่ำของดวงตาก็อันตรธานหายไป เพียงเวลาอึดใจเดียวเด็กชายก็กลับมามีดวงตาเป็นปกติอีกครั้ง

ทุกคนที่รับชมการฝังเข็มต่างก็ปากอ้าตาค้าง

นี่มันรวดเร็วเกินไปแล้ว!

“แบบนี้มันใช่แน่เหรอครับ?” เหล่านักศึกษาแพทย์แผนจีนที่อยู่ในห้องฝังเข็มต่างก็หันไปมองหน้าอาจารย์ของตนเองอย่างต้องการคำตอบ

หลี่เคอหมิงเองก็กำลังตกตะลึงไม่แพ้ทุกคน

ในความเห็นของเขา แม้ว่าอาการของเด็กชายจะไม่หนักหน่วง แต่อย่างน้อยก็ควรเข้ารับการฝังเข็มไม่ต่ำกว่าสามครั้ง ถึงจะสามารถรักษาอาการให้หายดีเช่นนี้ได้

แต่ซูเย่กลับสามารถทำได้ในการฝังเข็มแค่ครั้งเดียว?

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หลี่เคอหมิงสังเกตวิธีการเคลื่อนไหวมือของซูเย่ตลอดเวลา แต่เขาก็พบว่าชายหนุ่มไม่ได้ใช้วิธีการพิเศษใด ๆ เลย

แม้แต่แพทย์ฝังเข็มมืออาชีพที่อยู่ในห้องขณะนี้ ก็ล้วนแต่ตกอยู่ในความตะลึงงันทั้งสิ้น

พวกเขารู้ดีว่าจุดที่ชายหนุ่มเลือกฝังเข็ม เป็นเพียงจุดฝังเข็มธรรมดา ไม่มีทางเกิดผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมราวปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้เด็ดขาด

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“รักษาแค่ครั้งเดียวก็หายดีแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“หรือว่าเข็มพวกนี้จะช่วยกระตุ้นพลังลมปราณ?”

มีเสียงซุบซิบพูดคุยดังขึ้นในห้องไม่ขาดสาย

แต่เป็นไปได้หรือที่ทุก ๆ เข็มจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของพลังลมปราณได้อย่างนั้น?

หลี่เคอหมิงได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้นเช่นกัน ตัวเขาเองก็อดคิดไม่ได้ จึงต้องหันไปถามกับซูเย่ด้วยความประหลาดใจว่า “เธอกระตุ้นพลังลมปราณได้ใช่ไหม?”

กระตุ้นพลังลมปราณ?

แพทย์ฝังเข็มมืออาชีพต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนั้น

การฝังเข็มในศาสตร์แพทย์แผนจีนไม่ใช่เรื่องยากเกินไป แต่สิ่งที่ยากเกินไปคือการฝังเข็มพร้อมกับกระตุ้นพลังลมปราณในเวลาเดียวกัน

สิ่งนี้เรียกว่าต้องใช้พรสวรรค์พิเศษเฉพาะตัว แพทย์ฝังเข็มจำเป็นต้องมีมือที่ไวต่อการสัมผัส และรู้ว่าคนไข้แต่ละคนมีจุดลมปราณอยู่ตรงไหนบ้าง ถึงจะสามารถกระตุ้นพลังลมปราณให้ไหลเวียนได้อย่างแม่นยำ

นี่คือพรสวรรค์ที่ต้องมีติดตัวตั้งแต่เกิด

มันเป็นเพียงตำนานเล่าขานที่ไม่มีอยู่จริง

ไม่เคยมีผู้คนในวงการแพทย์แผนจีนมีความสามารถเช่นนี้มาก่อน

พวกเขาหันหน้ากลับมามองที่ซูเย่เป็นตาเดียว

หมอนี่เป็นมนุษย์มหัศจรรย์หรืออย่างไร?

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”

ซูเย่ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม

“ระหว่างการฝังเข็มนายรู้สึกแปลก ๆ บ้างไหม?” แพทย์ฝังเข็มคนหนึ่งเอ่ยถาม

“ไม่มีเลยครับ ผมก็แค่กลั้นหายใจ และตั้งสมาธิตามปกติ เมื่อกำหนดจุดฝังเข็มได้แล้ว ผมก็แค่ปักเข็มลงไปเท่านั้น”

ซูเย่กล่าวตอบ น้ำเสียงราบเรียบ

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแพทย์ฝังเข็มตัวจริงจะมีสัญชาตญาณการรับรู้บางอย่างที่สัมผัสได้ว่าซูเย่กำลังโกหก

สังเกตได้จากสีหน้าที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าของทุกคน

ซูเย่พูดอะไรไม่ออก

บรรดาแพทย์ฝังเข็มก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

ถ้าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์สามารถกระตุ้นลมปราณผ่านการฝังเข็มได้จริง ๆ นั่นก็เท่ากับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นแพทย์ฝังเข็มแล้ว

หลี่เคอหมิงคิดอยู่ในใจ

ทันใดนั้นผู้เป็นอาจารย์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าซูเย่มีทักษะในการเรียนรู้ และมีความทรงจำเป็นเลิศ

หลี่เคอหมิงถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

มีลูกศิษย์เช่นนี้เขายังจะสอนอะไรได้อีก!

เมื่อเด็กชายได้รับการรักษาหายแล้ว

ผู้เป็นบิดามารดาก็มีกิริยาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ ขอบคุณมากจริง ๆ” ระหว่างที่ซูเย่ หลี่เคอหมิง พร้อมด้วยเด็กน้อย และพ่อแม่เดินกลับมายังห้องตรวจโรค ผู้เป็นบิดามารดาของเด็กน้อยก็เอาแต่ขอบคุณพวกเขาตลอดเวลา

ระหว่างทางเดิน

“ติ๊ง!”

สัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้นในหัว

“แต้มศีลธรรม +1”

ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้รับแต้มศีลธรรมจากการรักษาครั้งนี้

มันคงเป็นเพราะเขาใช้วิธีการรักษาที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง

47 แล้วสินะ

ซูเย่พูดในใจ

ตลอดช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย มีคนไข้ที่ต้องเข้ารับการฝังเข็มทั้งสิ้นห้าคน

แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนไข้อาการไม่หนัก สามารถเลือกจุดฝังเข็มได้ไม่ซับซ้อน

หลี่เคอหมิงพบว่าการเลือกจุดฝังเข็มของชายหนุ่มมีความแม่นยำมากขึ้นและมากขึ้น ฝีมือของซูเย่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างเท่านั้นที่จำเป็นต้องปรับปรุงในอนาคต

“เรียนรู้ได้เร็วเกินไปจริง ๆ”

หลี่เคอหมิงถอนหายใจ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานซูเย่ต้องมีฝีมือเก่งเกินหน้าเขาแล้วแน่ ๆ

ทันใดนั้นคนไข้รายใหม่ก็เดินเข้ามาพอดี

เป็นหญิงวัยกลางคนอายุ 50 ปี

เมื่อเดินเข้ามาในห้องตรวจ หญิงวัยกลางคนก็ยกมือกุมท้องตลอดเวลา ใบหน้ามีเหงื่อแตกพลั่ก

เห็นดังนั้น

ซูเย่ก็รีบลุกขึ้นไปประคองคนไข้ให้มานั่งลง

เขาวินิจฉัยอาการเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว

คนไข้มีภาวะโลหิตจาง ลิ้นเป็นแผลพร้อมกับมีฝ้าสีขาวขึ้นเล็กน้อย ชีพจรเต้นช้า

“อาการปวดท้องมีสาเหตุมาจากร่างกายขาดสมดุลความร้อน และอวัยวะภายในอย่างม้ามกับกระเพาะมีความเย็นมากเกินไปครับ”

ซูเย่กล่าว “เหมาะสมสำหรับการฝังเข็ม”

หลี่เคอหมิงพยักหน้าเห็นด้วย

เขาผายมือส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มเริ่มต้นระบุจุดฝังเข็ม

ซูเย่จึงเขียนจุดฝังเข็มลงบนแผ่นกระดาษโดยไม่ลังเล

จุดฝังเข็มที่เขาเลือกประกอบไปด้วย : จุดจู๋ซานหลี่ จุดจงหว่าน และจุดเน่ยกวน จุดจงหว่านเหมาะสมสำหรับการรมยาในขณะที่จุดจู๋ซานหลี่กับจุดเน่ยกวนเหมาะสมสำหรับการฝังเข็ม

นอกจากนี้ก็ยังมีจุดกงซุนกับจุดเว่ยซูที่เหมาะสมสำหรับการฝังเข็มเช่นกัน

หลังจากเขียนตำแหน่งฝังเข็มครบถ้วน ซูเย่ก็ส่งไปให้หลี่เคอหมิงดู

เมื่อผู้เป็นอาจารย์ดูแล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมา

การกำหนดจุดฝังเข็มครั้งนี้สมบูรณ์แบบมาก ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรอีกแล้ว

การเลือกจุดฝังเข็ม และจุดรมยาของซูเย่ไม่มีข้อบกพร่องอีกต่อไป แน่นอนว่าด้วยความสามารถระดับนี้ ซูเย่สามารถไปสอบใบอนุญาตขอเป็นแพทย์ฝังเข็มได้สบาย ๆ

นับว่าเรียนรู้ได้รวดเร็วจริง ๆ

พวกเขาพาคนไข้ไปยังห้องฝังเข็ม

“เธอจัดการได้เลย”

หลี่เคอหมิงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ซูเย่ดำเนินการฝังเข็มต่อไปได้

ซูเย่จึงเริ่มต้นการฝังเข็มอย่างแม่นยำและราบรื่น

คราวนี้เขาไม่จำเป็นต้องโคจรพลังลมปราณลงไปด้วย เพราะคนไข้มีอาการไม่หนัก ถ้าเขาใช้พลังลมปราณกับคนไข้คนนี้ ก็จะถือเป็นการสูญเสียพลังโดยเปล่าประโยชน์

เมื่อฝังเข็มเสร็จสิ้น หญิงวัยกลางคนก็มีอาการดีขึ้นทันตา

และในขณะที่หลี่เคอหมิงกับซูเย่กำลังจะเดินออกจากห้องฝังเข็มเพื่อกลับไปยังห้องตรวจโรคของตนเองนั้น

“โครม!”

พวกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างล้มลง

ทุกคนที่อยู่ในห้องฝังเข็มรีบหันหน้ามองหาที่มาของเสียง

จึงได้พบว่าอีกด้านหนึ่งของห้องฝังเข็ม มีนักศึกษาแพทย์แผนจีนกำลังทำการครอบแก้วให้แก่คนไข้คนหนึ่ง และคนไข้ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้คนนั้นก็ร่วงลงไปนอนอยู่บนพื้นห้องเสียแล้ว

นักศึกษาผู้เป็นคนครอบแก้วรีบพยุงคนไข้ลุกขึ้นมาด้วยความแตกตื่นลนลาน

เห็นดังนี้หลี่เคอหมิงก็รู้แล้วว่าอาจารย์แพทย์ฝังเข็มผู้เข้าเวรรอบบ่ายไม่อยู่ที่นี่ ตนเองจึงต้องรีบเข้าไปดูสถานการณ์ก่อนชั่วคราว

“อาการคนไข้เป็นยังไงบ้าง?”

หลี่เคอหมิงถามออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่นักศึกษาแพทย์จะสามารถรับมือได้

นักศึกษาแพทย์ได้ยินดังนั้นก็รีบตอบกลับมาด้วยความร้อนรน

“คนไข้บอกว่าปวดชายโครงมาได้ห้าวันแล้วครับ เขาบอกว่าปวดเหมือนถูกทุบ จะรู้สึกเจ็บเวลาหายใจ เวลาไอ เวลาจาม เวลานอนตะแคง ก่อนหน้านี้เคยทานยาแก้ปวดกับใช้ยาทาแล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นครับ!”

“ผมลองตรวจสอบอาการเบื้องต้นดูแล้ว คนไข้รายนี้ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน แต่มีร่องรอยการบาดเจ็บที่ชายโครงฝั่งซ้ายมือ ผิวหนังบริเวณข้างลำตัวบางจุดมีรอยฟกช้ำ และบวมแดง ถึงจับชีพจรหรือดูลิ้นก็ระบุสาเหตุไม่ได้หรอก!” หลี่เคอหมิงพูดออกมาทันทีหลังได้รับรายงานจากนักศึกษาแพทย์

นอกจากนั้นเขายังพบว่าคนไข้มีเหงื่อออก ใบหน้าซีดขาว ขณะนี้หมดสติ มือเท้าเย็นเฉียบ ชีพจรอ่อนแรง

ลมหายใจแผ่วเบา ไม่ต่างจากคนตายคนหนึ่ง

ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว

“ขออุปกรณ์รมยาด่วน”

เพราะรู้ดีว่าคนไข้รายนี้รอคอยไม่ได้อีกต่อไป หลี่เคอหมิงจึงส่งคนไปหยิบอุปกรณ์สำหรับการรมยา และจัดการวางอุปกรณ์รมยาลงบนจุดป่ายฮุ่ย และจุดชี่ห่ายของคนไข้

ซูเย่มองขั้นตอนทุกอย่างด้วยความตั้งใจ การฝังเข็มนั้นเขาเคยทำมาแล้ว แต่การรมยาอย่างจริงจังนี่คือครั้งแรกที่เขาเคยเห็น

สิบนาทีต่อมาคนไข้ก็ได้สติฟื้นคืน

หลี่เคอหมิงรีบสำรวจดูแขนขาของผู้ป่วย และพบว่ามือเท้าไม่ได้เย็นเฉียบเหมือนก่อนหน้านี้อีก นั่นเองอาจารย์อาวุโสถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

บรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องฝังเข็มก็ต้องถอนหายใจออกมาเช่นกัน เมื่อสักครู่นี้พวกเขาตกใจแทบแย่ โดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์แผนจีนผู้ที่เป็นคนครอบแก้วให้แก่คนไข้คนนี้

“รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”

หลี่เคอหมิงถามออกมาอย่างรวดเร็ว

“รู้สึกไม่มีแรงเลยครับ”

คนไข้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย

เมื่อได้ยินว่าคนไข้ยังสามารถพูดคุยได้ ถึงจะเป็นไปอย่างอ่อนแรงเต็มที แต่อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าอาการของคนไข้ปลอดภัยดีแล้ว

“ผมรับรองว่าร่างกายของคุณไม่มีปัญหาแล้วครับ กลับบ้านไปพักผ่อนสักหนึ่งอาทิตย์ ทุกอย่างก็จะหายดี”

โล่งอกไปที

เหล่านักศึกษาแอบยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก

การกู้ชีพเมื่อสักครู่นี้เป็นอะไรที่ชวนใจหายใจคว่ำ พวกเขาหลายคนถึงกับคิดว่าคนไข้รายนี้คงต้องตายเสียแล้ว

“พวกคุณอยากรู้ไหมว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น? แล้วผมสามารถช่วยคนไข้ไว้ได้อย่างไร?”

หลี่เคอหมิงถามน้ำเสียงจริงจัง

คณะนักศึกษาแพทย์พยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น

“คนไข้มีอาการเจ็บชายโครงซ้าย”

หลี่เคอหมิงเริ่มต้นอธิบาย “การครอบแก้วถือเป็นการรักษาขั้นพื้นฐาน อาจารย์ของพวกคุณคงสอนเอาไว้แบบนี้”

ก็ใช่น่ะสิ

นักศึกษาแพทย์ผู้เป็นต้นเหตุทำทุกอย่างตามที่อาจารย์สั่งทุกประการ แล้วเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ทุกคนต่างก็สงสัยในเรื่องเดียวกัน

“ถึงคนไข้จะดูมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นปกติ แต่หากการจับชีพจรดูจะรู้ว่าวันนี้คนไข้ท้องว่าง ตอนที่เขาล้มลงไป มือเท้ามีอาการเกร็ง แสดงว่าคนไข้มีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก”

“ในสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าอาจารย์ของพวกคุณอยู่ด้วย เขาก็คงมองออกแล้วว่าคนไข้กลัวการครอบแก้ว”

พูดจบหลี่เคอหมิงก็หันไปมองหน้าคนไข้อย่างต้องการคำตอบ

คนไข้พยักหน้ารับอย่างกระดากอาย

“เมื่อการครอบแก้วเริ่มขึ้น คนไข้ก็จะรู้สึกวิตกกังวลสูงสุด ทำให้ร่างกายขาดความสมดุลระหว่างหยินหยางอย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คนไข้เป็นลมหมดสติ ใบหน้าซีดขาว หายใจแผ่วเบา และมือเย็นเท้าเย็น”

หลี่เคอหมิงอธิบายต่อเนื่อง “การฝังเข็มสามารถรักษาอาการนี้ได้ แต่มันจะช้าเกินไป ผมจึงเลือกใช้การรมยา”

“การรมยาในจุดป่ายฮุ่ย นอกจากช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้นแล้ว มันยังทำให้เลือดไหลเวียนไปที่แขนขามากขึ้นอีกด้วย ซ้ำยังเพิ่มสมดุลของพลังหยินหยางในร่างกาย ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะของคนไข้ได้อย่างรวดเร็ว”

“คนไข้รายนี้ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพิ่มเติม เวลาที่เหลือหลังจากนี้ก็แค่ให้พักผ่อนเท่านั้น หรือถ้าจะรับการรักษาเพิ่มเติม ก็คงไม่ใช่การรักษาด้วยการฝังเข็ม แต่เป็นการรักษาทางด้านจิตใจมากกว่า”

บรรดานักศึกษาแพทย์ต่างก็พยักหน้า และจดคำอธิบายของหลี่เคอหมิงลงในสมุดประจำตัว

หลี่เคอหมิงหันกลับมามองหน้าซูเย่และพูดว่า

“เธอเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับการฝังเข็มได้เกือบหมดแล้ว เดี๋ยวฉันจะสอนวิธีการรมยาเบื้องต้นให้เธอรู้”

ในเวลาเดียวกันนี้หลี่เคอหมิงก็ต้องแอบถอนหายใจออกมา นับว่าลูกศิษย์ของเขาเรียนรู้ได้รวดเร็วเกินไปจริง ๆ

อาจารย์อาวุโสตั้งใจว่าจะเก็บการรมยาไว้สอนในครั้งหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาคงต้องเอาออกมาสอนในครั้งนี้เสียแล้ว

ได้ยินดังนั้นกลุ่มนักศึกษาแพทย์แผนจีนที่ยืนอยู่โดยรอบก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอีกครั้ง

การมีอาจารย์ที่ไม่หวงวิชาก็นับเป็นวาสนาอย่างหนึ่งที่แข่งขันกันไม่ได้จริง ๆ