แต่ว่า ชินจังไม่พูดอะไร หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็ได้ไปที่ตู้ทีวีที่อยู่ในห้องรับแขก และได้ค้นเอา เลโก้ที่ค่อนข้างใหญ่ออกมาจากด้านใน และเริ่มต่อเพียงลำพัง
เส้นหมี่: “……”
เห็นเขามีท่าทางแบบนี้ เหมือนว่าไม่ยินดีที่จะกลับไป
แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี? ไม่กลับไปเหรอ?
เขาไม่กลับไปก็น่าจะได้ ที่แห่งนี้ดูครบครันแบบนี้ น่าจะเตรียมไว้สำหรับเขาเป็นพิเศษแน่ ๆ อีกอย่าง ตอนที่เธอมาส่งยาเมื่อครั้งที่แล้วก็ได้พาเขามาส่งด้วย ก็ได้อยู่ที่นี่กับผู้ชายคนนี้ตลอดช่วงบ่ายไม่ใช่เหรอ?
เส้นหมี่ไม่ได้สนใจเขา เธอเตรียมที่จะลงไปบอกกับเคมี จากนั้นก็จากไป
แต่ทว่า ที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วก็คือ เธอลงมาแล้ว ไม่เพียงไม่พบเคมีอยู่ที่ห้องทำงานของท่านประธาน แม้แต่ผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดคนนั้น เธอก็ไม่เห็น
พวกเขาไปไหนแล้ว?
เธอร้อนใจเล็กน้อยตามหาอยู่สักพักก็ไม่เจอผู้ช่วยเค ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปที่ไหนแล้ว ทำยังไงดีล่ะ? ยังต้องไปหาผู้ชายคนนั้นอีกครั้งงั้นเหรอ?
เส้นหมี่กังวลใจเล็กน้อย
และในตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่ของอยู่บนโต๊ะของแสนรักก็ได้ดังขึ้น
“กริ๊งงงงง——”
“……”
เส้นหมี่หันหลังเดินออกไป เธอไม่มีทางที่จะไปสนใจเรื่องพวกนี้แน่นอน เธอในตอนนี้ ไม่อยากจะเจอแม้แต่เจ้าของของห้องทำงานห้องนี้ มองแค่แป๊บเดียวก็ไม่ยินดี เธอจะไปสนใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน?
แต่ทันใดนั้น เงาร่างเล็ก ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นที่ตรงข้ามของเธอ: “รับโทรศัพท์!”
“อะไรนะ?”
เส้นหมี่หันไปมองลูกชายที่ไม่รู้ว่าตามเธอลงมาตั้งแต่ตอนไหนคนนี้ เธอประหลาดใจมาก
ชินจังเงยหน้ามองเธอ: “โทรศัพท์ของแด๊ดดี้สำคัญทั้งนั้น รับโทรศัพท์เสร็จ พวกเรากลับบ้าน!”
จากนั้นเขาก็พลางบีบเลโก้ที่กำลังต่อในมือ พลางก้าวเท้าเล็ก ๆ เดินนำเข้าไปก่อน
เส้นหมี่: “……”
รับก็รับ ถือว่าเป็นการพาลูกชายกลับบ้าน
เส้นหมี่หยิบเอาหูโทรศัพท์ขึ้นมา: “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
“こんにちは!” “สวัสดี!”
ตะลึงงัน เมื่อรับโทรศัพท์ขึ้นมา ที่ดังมาจากด้านใน กลับเป็นภาษาญี่ปุ่น
เส้นหมี่ขมวดคิ้ว และตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ: “はい、何を手伝いましょうか?” (มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ?)”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าเธอพูดภาษาญี่ปุ่นเป็น ก็ดีใจขึ้นมาทันที และเจ้าตัวเล็กที่กำลังต่อเลโก้อยู่นั้น ก็หันศีรษะมองมาดูเช่นกัน
ที่แท้หม่ามี๊เองก็ร้ายกาจเหมือนกันนะเนี่ย!
“สวัสดี ประธานแสนรัก ผมคือมัตสึชิมะโอกะประธานของริกาวา ผมได้รับหนังสือสัญญาซื้อกิจการจากบริษัทของพวกคุณแล้ว ผมยินดีที่จะขายริกาวาให้กับหิรัญชากรุ๊ป!”
คนคนนี้ยังคงได้พูดภาษาญี่ปุ่นอย่างคล่องแคล่ว ฟังดูก็รู้ว่าเป็นคนญี่ปุ่นขนานแท้
หลังจากที่เส้นหมี่ได้ยิน ก็ได้หยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งและปากกาเล่มหนึ่งมา: “ทราบแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่ประธานแสนรัก ตอนนี้ประธานแสนรักไม่อยู่ คุณพูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรฉันจะฝากไว้ให้เขาเอง”
บนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
ส่วนมัตสึชิมะโอกะก็ได้รีบพูดขึ้นมา: “โอเค ขอบคุณคุณผู้หญิงคนนี้มาก งั้นรบกวนฝากคุณช่วยบอกเขาด้วย ทางฝ่ายของพวกเรามีข้อเรียกร้องอย่างหนึ่ง หวังว่าประธานแสนรักจะรับปาก นั่นก็คือริกาวาเป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดกันมาของตระกูลมัตสึชิมะของพวกเรา ผมไม่อยากให้มันหายสาบสูญไปในมือของผมแบบนี้ หลังจากที่ประธานแสนรักซื้อกิจการไป ผมสามารถใช้เงินทุนทั้งหมดซื้อหุ้นในนั้นได้หรือไม่ กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นคนใหม่”
“……”
ปากกาที่เส้นหมี่กำลังเขียนอยู่พลันหยุดลงตรงนั้น
นักธุรกิจสมัยนี้ไร้ยางอายถึงขนาดนี้แล้วเหรอ?
ขายบ้านของตัวเอง พอคนอื่นตกแต่งภายในเสร็จ ก็คิดจะยึดครองห้องห้องหนึ่งที่อยู่ภายใน กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของมัน
เส้นหมี่หัวเราะเยาะขึ้นมา: “คุณมัตสึชิมะ ข้าเรียกร้องนี้ของคุณมันมากเกินไปแล้ว ในเมื่อคุณได้ขายบริษัทให้กับหิรัญชากรุ๊ป เช่นนั้นไม่ว่าหิรัญชากรุ๊ปจะมองจากมุมไหน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้คุณได้เป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ พฤติกรรมแบบนี้ของคุณ มันต่างอะไรกับการกู้ยืมเงินทุนจากหิรัญชากรุ๊ป?”
“คุณว่ายังไงนะ?”
คนญี่ปุ่นคนนี้คิดไม่ถึงว่า ข้อเรียกร้องที่ตัวเองพูดออกมา จะถูกพนักงานเล็ก ๆ คนหนึ่งของบริษัท สรุปออกมาได้อย่างตรงประเด็นเช่นนี้ จึงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
หิรัญชากรุ๊ปร้ายกาจขนาดนี้เชียวเหรอ? แค่พนักงานเล็ก ๆ คนหนึ่งยังเข้าใจเรื่องการลงทุนถึงขนาดนี้?!!
“ฉันพูดผิดเหรอ? ในเมื่อคุณขายบริษัทแล้ว ก็ยังอยากจะเป็นผู้ถือหุ้นอีก ไม่ใช่การกู้ยืมเงินทุนแล้วเรียกว่าอะไร? ฉันจะบอกคุณให้นะ ถ้าคุณต้องการจะกู้ยืมเงินลงทุนจริง ๆ คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาหาหิรัญชากรุ๊ป คุณแสนรักไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางตกหลุมพรางของคุณแน่ คุณควรที่จะเอา GDP ไปเดินดูที่วอลล์สตรีท ไม่แน่อาจจะมีนักวิเคราะห์บางคนถูกใจคุณเข้าก็ได้ จากนั้นก็เล่นเกมจับเสือมือเปล่ากับคุณ โอเคไหม?
หลังจากที่เส้นหมี่ได้พูดจบอย่างเด็ดขาดสะอาดสะอ้าน จากนั้นเธอก็ตัดสายโทรศัพท์ไป!
ชินจัง: “……”
หม่ามี๊กำลังด่าคนอยู่เหรอ?
ทำให้ธุรกิจของแด๊ดดี้ล้มเหลว?
ล้มเหลวก็ล้มเหลวสิ ใครใช้ให้เขารังแกหม่ามี๊ ถือเป็นการลงโทษเขาแล้วกัน
เจ้าตัวเล็กเก็บสายตากลับมาอย่างเมินเฉยอีกครั้ง และเล่นโลโก้ที่อยู่ในมือต่อไป……
สิบนาทีหลังจากนั้น ในที่สุดสองแม่ลูกก็ได้ออกมาจากบริษัท และกลับไป
และหลังจากที่แสนรักได้พบกับลูกค้าเสร็จ เวลาประมาณบ่ายสามโมงกว่า ๆ ในที่สุดก็ได้กลับมาที่บริษัท
“ประธานแสนรักครับประธานแสนรัก แย่แล้ว บริษัทเครื่องจักรของประเทศญี่ปุ่นที่เราต้องการซื้อกิจการมาโดยตลอดนั้น เขาไม่ขายให้พวกเราแล้ว ทำยังไงดี?”
เพิ่งจะกลับมา รองประธานที่ดูแลฝ่ายการตลาดก็ได้มาหา ร้องฟูมฟาย บอกว่าโครงการซื้อกิจการที่บริษัทได้คุยมาเป็นเวลานาน จู่ ๆ ก็ล้มเหลวเสียอย่างนั้น
แสนรักขมวดคิ้ว: “เพราะอะไร?”
รองประธานก็ได้มีสีหน้าที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมาทันที: “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินคนของฝ่ายการตลาดบอกว่า คนที่ชื่อมัตสึชิมะได้โทรเข้ามาที่บริษัทของเราด้วยตัวเอง เดิมที่ต้องการที่จะคุยเกี่ยวกับการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ แต่คนที่รับโทรศัพท์กลับได้ต่อว่าเขาไปยกใหญ่ แถมยังได้บอกให้เขาถือเอา GDP ไปหานักวิเคราะห์ที่วอลล์สตรีท แบบนี้สามารถเล่นเกมจับเสือมือเปล่ากับเขาได้!!”
แสนรัก: “……”
เพียงแค่ประโยคนี้ เขายืนอยู่ตรงนั้นถอดสูทด้านนอกของตัวงเองออก หางตากลับกระตุกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ถือเอา GDP ไปที่วอลล์สตรีท?
น่าสนใจแฮะ……