บทที่ 61 เธอก็เป็นคน

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

เขากลับมายังที่ทำงาน จุดบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาแล้วสูบเข้าปอดอย่างหนัก จากนั้นมือที่เรียวยาวก็เคาะไปที่โต๊ะ ให้รองประธานเอาโครงการนี้มาดู และเขาก็นั่งดูอยู่ที่โต๊ะนั้น
ผ่านไปสักพัก ก็ดูจนจบ แล้วโยนมันลงที่โต๊ะ
“ที่เธอพูดมันมีปัญหาอะไร?”
“อะ……อะไรนะครับ?”
ปฏิกิริยานี้แตกต่างจากที่ตัวเองคิดเอาไว้มาก รองประธานยังคงไม่เข้าใจในสถานการณ์
แสนรักจ้องเขม็งมองเขา“ อยากจะขาย และอยากจะเป็นเจ้าของด้วย มันจะแตกต่างอะไรกับทำชั่วแต่ก็อยากได้ชื่อเสียง ? ให้เขาเอาGDPไปที่วอลล์สตรีทดูตอนนี้มันลดลงแล้ว ถ้าฉันเป็นคนรับสายนี้ ฉันจะให้เขาเอาทั้งโรงงานและตัวเองเผาไปเป็นซากพร้อมกันเลย !”
รองประธาน“!!!!”
เป็นเวลากว่าสี่ถึงห้าวินาทีเต็ม ที่เขามองดูท่านประธานใช้ถ้อยคำหยาบคายแบบนี้มันน่าตกใจมากจนลืมว่าตัวเองจะพูดอะไร
เรื่องนี้มันรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ?
การเข้าซื้อกิจการแค่ให้เจ้าของเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ เรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับบริษัทอื่นมาแล้ว แต่ทำไมพอมาเป็นที่นี่ ถึงได้กลายเป็นเรื่องที่รุนแรงขนาดนี้ไปได้ ?
รองประธานยังคงไม่เข้าใจ
แต่ว่า หากเขารอบรู้เรื่องการเงิน บางทีเขาก็อาจจะเข้าใจ การกระทำแบบนี้ มันเหมือนการปล่อยให้อีกฝ่ายมาลงทุน เพราะเป็นเจ้าของเดิม เขาเป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ ตามระเบียบ เขามีสิทธิมากมายในฐานะผู้ถือหุ้น มันเปรียบเสมือนเปลี่ยนเฉพาะภายนอกแต่เนื้อหาภายในยังเหมือนเดิม แล้วที่ฝ่ายจัดซื้อไปคว้านซื้อมา จะมีประโยชน์อะไร?
สุดท้ายรองประธานก็จากไปด้วยความหนักใจ
เมื่อเคได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ก็เดินเข้ามา เขาสงสัยมาก ในบริษัทยังมีคนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้ายอกย้อนลูกค้า และยังโหดแบบนี้อีก
“ท่านประธาน ผมถามแผนกกระจายสินค้าแล้ว ไม่ใช่คนในแผนกของเขา และไม่รู้ว่าเป็นใครครับ?”
“ไปเช็กมา คนคนนี้น่าจะรู้เรื่องการเงินเป็นอย่างดี หาตัวเจอบางทีอาจจะเป็นผลดีกับบริษัทก็ได้” แสนรักที่กลับมาก้มหน้าทำงานอีกครั้งได้ยินเข้า ก็ออกคำสั่งเสียงเบา
คนแบบเขา แม้นิสัยจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ในแง่ของความสามารถ เขาไม่เคยปล่อยผ่านมันไปเลย
เคพยักหน้าให้ ตอบตกลงที่จะไปตรวจสอบ ในขณะที่เขากำลังจะออกไปนั้น ก็เห็นบนโต๊ะของเจ้านาย มีเศษกระดาษเขียนตัวอักษรอยู่
“หืม?ประธานแสนรัก นี่อะไรครับ?”
เขาประหลาดใจมาก เอื้อมมือไปแล้วหยิบมันขึ้นมา
เมื่อแสนรักได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองไป
แวบหนึ่ง ความประหลาดใจก็พาดผ่านในแววตา
“ภาษาญี่ปุ่น ? ท่านประธาน นี่คุณเขียนภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยเหรอครับ ? ผมไม่เคยเห็นคุณเขียนมาก่อนเลย สวยมาก คุณนี่สุดยอดจริงๆ”
เคเห็นตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นที่เขียนในเศษกระดาษ ก็เริ่มตื่นตาตื่นใจ เขาจ้องมองไปที่เจ้านายด้วยความประหลาดใจอย่างมาก และแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
จริงๆแล้ว แสนรักไม่เคยเขียนตัวอักษรญี่ปุ่นในที่ทำงานมาก่อน
เขาเขียนได้ แต่เขียนน้อยมาก ไม่มีความจำเป็น และมีแค่ไม่กี่บริษัทที่กล้าผ่อนปรนให้เขาใช้ภาษานี้
ดังนั้น ตัวหนังสือญี่ปุ่นในเศษกระดาษนี้ ใครเป็นคนทิ้งมันเอาไว้?
ถึงขั้นกล้าเข้ามาในห้องทำงานของเขา!
แสนรักรับมันมาด้วยดวงตาที่มืดมน แต่กลับพบว่า ตัวหนังสือนั้นเขียนออกมาได้สวยจริงๆ สง่างามและแข็งแรง และก็ราวกับเมฆลอยเคลื่อนตัวและสายน้ำไหล แม้แต่นักแปลภาษาญี่ปุ่นที่บริษัทจ้างมา ยังเขียนให้สวยสู้แบบนี้ไม่ได้ และเนื้อหานี้ ——
“ริกาวา?เข้าซื้อกิจการ?”
“อะไรนะครับ?ท่านประธาน……นี่คุณหมายความว่า——?!!”
เคได้ยินเพียงไม่กี่คำ ก็ตกใจอย่างมาก
นั่นมันเรื่องที่พวกเขาเพิ่งจะคุยกันไปนี่นา ? มันอยู่ในที่ทำงานของพวกเขา หากเป็นแบบนี้ สายนั้น ก็รับจากในห้องนี้นะสิ ?
โอ้แม่เจ้า!
แล้วใครกัน ? ไม่ใช่นายเคอย่างเขาแน่ และท่านประธานคนนี้ ก็เพิ่งจะกลับมาจากข้างนอกกับเขาเมื่อครู่
แล้วยังมีใครกล้ามาที่ห้องทำงานนี้อีก ? นี่มันห้องทำงานของท่านประธานเชียวนะ ปรกติหากไม่ได้รับอนุญาต นอกจากเขากับเจ้านายคนนี้แล้ว ไม่มีใครกล้าเข้ามาในนี้แน่
หรือว่า——?!!
จู่ๆเคก็เกิดความคิดที่ไร้สาระในหัวขึ้นมา และหันมองไปยังท่านประธานทันที พบว่า เขาเองก็กำลังเหมือนกันกับตัวเอง ถือกระดาษนั้นไว้และไม่ได้พูดอะไร แต่ท่าทีของเขาก็ดูแย่มาก
เขาจ้องมองไปยังกระดาษโน้ตเล็กๆในมือ แล้วหันมองไปยังชิ้นส่วนเลโก้ของเด็กที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนโซฟาตรงหน้า ทุกอย่างเปลี่ยนไปในชั่วพริบตาเดียวอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลยจริงๆ
มันน่าขนลุกมาก!!
——
เส้นหมี่พาชินจังกลับมาที่เรืองรองอีกครั้ง
ตามที่เธอคาดการณ์ไว้ หลังจากที่พากลับมา คุณท่านคงน่าจะเสียแล้ว ที่บ้านกลับมาสงบอีกครั้ง ทว่า ที่เธอแปลกใจคือ ป้าญาแม่บ้านที่น่ารังเกียจคนนั้น ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
“ป้าญาเหรอคะ คุณผู้ชายเห็นว่าเธอแก่มากแล้ว ทำงานไม่กระฉับกระเฉง ก็เลยเลิกจ้างเธอ ดิฉันเพิ่งมาใหม่ ชื่อภาค่ะ ”
แม่บ้านที่มาใหม่นั้นกิริยาวาจาเรียบร้อยดีไม่น้อย เมื่อเห็นเส้นหมี่เกิดความสงสัย ก็รีบอธิบายให้เธอฟังทันที
เลิกจ้าง ?
เลิกจ้างไปก็ดี แม่บ้านแบบนั้น น่ารังเกียจมากๆ
เส้นหมี่อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย เวลานี้ ตอนบ่ายก่อนโรงเรียนอนุบาลจะเลิกเรียน เธอยังอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนกับชินจัง เธอรู้สึกเกลียดสถานที่นี้ และไม่อยากจะอยู่เลยแม้วินาทีเดียว
แต่ว่า นี่เป็นลูกของเธอ ขอแค่เขายังอยู่ ต่อให้เธอจะอึดอัดใจแค่ไหน ก็สามารถอดทนกับมันได้
อยู่กันสักพัก จนกระทั่งราวๆสี่โมงเย็นเส้นหมี่ก็เตรียมตัวจะกลับ