บทที่ 62 แด๊ดดี้เป็นคนหลอกลวง

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

“ชินชิน น้าต้องกลับแล้ว เย็นมากแล้ว”
“อืม”
ชินจังที่กำลังเล่นเกมอยู่ในห้องตอบกลับเสียงเบามาคำหนึ่ง
เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็รีบลุกขึ้น สวมถุงเท้าและเตรียมจะออกไป
“แล้วคืนนี้คุณน้าจะมาไหม ?”
“อะไรนะ?”
“คุณน้าบอกเอง ว่าจะมารักษาให้แด๊ดดี้ทุกคืน”
นิ้วของชินจังยังคงไม่หยุด สองสายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอตลอด เด็กคนนี้ หากไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ท่าทีที่ไม่แยแสของเขา คงจะต้องสงสัยเป็นแน่ว่าเขาเป็นคนพูดประโยคนี้หรือเปล่า?
เส้นหมี่หลุบตาลง ช่วงจังหวะหนึ่ง เธอกำลังจะบอกเขา ว่าเธอจะไม่มาอีก
ไม่เพียงแค่จะไม่มาในคืนนี้เท่านั้น ต่อไปเธอก็จะไม่มาอีก ไม่อยากจะมารักษาแด๊ดดี้ของเขาอีกตลอดไป
แต่ว่า เธอยืนอยู่ตรงนี้ มองเห็นศีรษะเล็กๆของเขา และตอนนี้บนโต๊ะเล็กๆในห้องก็ยังมียาวางเอาไว้ ในที่สุด เธอก็พยักหน้าให้
“อืม มา เราก็อย่าเอาแต่ใส่ชุดนอนแล้วไม่นอน รู้ไหม ? น้ามาแล้วจะมาดูเราที่ห้องทันที ตกลงไหม?”
“……”
เมื่อถูกจับได้ เจ้าเด็กน้อยก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แต่สุดท้าย เขาก็พยักศีรษะน้อยๆให้ จากนั้นก็จดจ่อกับการเล่นเกมของเขาต่อ
เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็จากไปอย่างวางใจ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป อนุบาลเขตเมืองเก่า-
“หม่ามี๊ ในที่สุดก็มาสักที คิดว่าจะไม่เอาลูกที่น่ารักสองคนนี้แล้ว”
มาถึงที่นี่ตอนสี่โมงครึ่ง ก็ไม่ถือว่ามาสาย แต่พอเส้นหมี่มาถึง ก็มีเด็กน้อยสองคนวิ่งแจ้นกันออกมา โถมเข้าสู่อ้อมแขนของเธอแล้วพูดจาออดอ้อนขึ้นมาทันที
แน่นอนว่า คนคนนี้ คือรินจังลูกรัก
ส่วนคิวคิวเอง ก็ยืนเก๊กพร้อมสะพายกระเป๋าใบเล็กอยู่ตรงหน้าคนเป็นแม่
เส้นหมี่ยกยิ้มให้ในทันที ย่อตัวลงแล้วโอบลูกรักทั้งสองคนมาไว้ในอ้อมแขน“หม่ามี๊จะไม่มารับลูกรักทั้งสองคนได้ยังไง ? ต่อให้หม่ามี๊จะไม่อยากได้อะไร ก็ไม่มีทางไม่อยากได้เราทั้งสองคนแน่ๆ”
“จริงเหรอคะ?”
เมื่อหนูรินจังได้ยิน ก็เบิกบานใจอย่างมาก กอดหม่ามี๊แล้วหอมไปฟอดใหญ่
คิวคิวไม่ได้หอมหม่ามี๊ ทำแค่กอดเท่านั้น
ทันทีที่กอด เด็กน้อยที่ฉลาดหลักแหลมก็รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายของหม่ามี๊ทันที รอยยิ้มของหม่ามี๊ ดูเหมือนคนกำลังฝืนยิ้ม
หรือว่า……วันนี้หลังจากไปที่นั่นมา แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคิวคิวก็มืดมนลงในทันที
หลังจากที่รับลูกน้อยทั้งสองคนมา เส้นหมี่ก็พาพวกเขาสองคนไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็พากันกลับบ้าน เธอต้องรีบกลับไปทำกับข้าวให้พวกเขา พวกเขากินกันเสร็จ ก็ต้องแวะไปที่เรืองรองอีกรอบ
เมื่อเส้นหมี่คิดถึงเรื่องนี้ ในใจก็ปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง
“คิวคิว พาน้องไปทำการบ้านให้เสร็จก่อน หม่ามี๊จะไปทำกับข้าวนะ ”
“ครับ หม่ามี๊”
คิวคิวพาน้องสาวไปที่ห้องนั่งเล่น หยิบหนังสือของทั้งสองคนออกจากกระเป๋านักเรียน คิวคิวกางของน้องออก แล้วหยิบดินสอผีเสื้อของเธอออกมาวางเอาไว้ จากนั้นก็แนบชิดไปที่หูของน้องสาว
“รินจัง พี่จะไปโทรศัพท์ก่อน เราอยู่ทำการบ้านที่นี่นะ อย่าให้หม่ามี๊สังเกตเห็นพี่”
“พี่จะโทรหาใคร ? พี่ชินจังเหรอ?”
นัยน์ตากลมโตของสาวน้อยเบิกกว้างขึ้นในทันใด เปล่งประกายแวววับ ไม่ต้องพูดว่าน่ารักแค่ไหน
คิวคิวพยักหน้า“ใช่ พี่สังเกตเห็นวันนี้อารมณ์ของหม่ามี๊ไม่เหมือนเดิม พี่จะไปถามเขา ว่าถูกรังแกตอนอยู่ที่บ้านของพวกเขาอีกหรือเปล่า ?”
“หึ!แด๊ดดี้คนใจร้าย ได้ พี่รีบไปโทรเลย หากใช่จริงๆ เราก็ไม่ต้องการแด๊ดดี้คนนี้อีก!”
รินจังลูกรักเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหม่ามี๊ ทันทีที่ได้ยินว่าหม่ามี๊ถูกรังแก ใบหน้าที่จ้ำม่ำก็มีอารมณ์โกรธขึ้นในทันที และแขนป้อมๆก็โบกมือขึ้นเช่นกัน
คิวคิวรีบวิ่งไปที่ห้องเพื่อคุยโทรศัพท์
แต่ว่า ครั้งนี้ เขาเพิ่งจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ยังไม่ทันได้โทรออก ก็ได้รับข้อความหนึ่ง เขากดเปิดอ่าน พบว่าเป็นข้อความที่ชินจังส่งมา
【ชินจัง:คิวคิว ขอโทษ วันนี้หม่ามี๊ทะเลาะกับแด๊ดดี้อีกแล้ว แต่ฉันได้ลงโทษแด๊ดดี้ไปแล้ว 】
ตามคาดทะเลาะกันอีกแล้ว!
คิวคิวเห็นแล้ว ก็รู้สึกโกรธทันที แม้แต่คำว่า“ลงโทษ”ก็ถูกมองข้ามไปโดยปริยาย
【คิวคิว :หม่ามี๊เป็นคน ไม่ใช่สิ่งของ รังแกแล้ว ลงโทษก็จบเหรอ ? งั้นฉันชกนายสองหมัด แล้วให้นายลงโทษ แบบนี้มันแก้ปัญหาได้เหรอ ? เรื่องราวไม่ได้ถูกแก้ไขเลย เขาก็ยังจะกำเริบอีก!】
【ชินจัง:……】
ผ่านไปครู่ใหญ่คิวคิวคิดว่าคงไม่มีข้อความอะไรส่งมาแล้ว หน้าจอก็สว่างวาปขึ้น
【ชินจัง:แล้วนายคิดว่าเอายังไงดีล่ะ?】
【คิวคิว:ฉันจะไม่เชื่อเขาอีก จนกว่าเขาจะสำนึกผิดจริงๆ】
【ชินจัง:ดังนั้น คืนนี้ นายจะไม่ให้หม่ามี๊มาแล้วเหรอ?】
【คิวคิว:ใช่!】
【……】
ในที่สุดก็จบการสนทนา ครั้งนี้คิวคิวรอจนหม่ามี๊ทำอาหารเสร็จ ทางฝั่งโน้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
เขาโกรธเหรอ ?
แต่ว่า มันก็ควรจะเป็นแบบนี้ นี่หม่ามี๊ของพวกเขานะ หากเขาสองคนพี่น้องยังไม่รักและสนใจ แล้วใครจะมารักเธอ ? ปกป้องเธอ? เห็นอกเห็นใจเธอ?
คิวคิวเดินออกมาจากห้องอย่างขุ่นข้องหมองใจ
ในตอนนี้เองเส้นหมี่ก็ยกกับข้าวออกมาพอดี เห็นลูกชายออกมาจากห้องอย่างหงอยเหงาไร้ชีวิตชีวา เธอก็อึ้งไป “ เป็นอะไรไป ? คิวคิว ทำไมจู่ๆถึงได้หน้าเศร้าแบบนี้ ?”