หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online EP.447 – ระบบเงียบงัน

 

ท่ามกลางสะเก็ดสายฟ้าที่สาดแสงดั่งดวงดารา

 

ดวงดาวสายฟ้านับพันหมื่นเริ่มโคจรเป็นวงในมิติที่ว่างเปล่าราวกับพายุกระหน่ำ

 

ขณะเดียวกันใจกลางพายุ ก็ปรากฏร่างของกู่ฉิงซานที่กำลังฟาดฟันคมดาบนับไม่ถ้วนออกไปต้านรับอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ขณะที่ดวงดาวสายฟ้าเหลือคณา เริ่มทวีจำนวน โปรยปรายลงมาดั่งห่าฝน

 

ร่างเงาของดาบผลิบานออกมา เชือดเฉือนเข้าห้ำหั่นกับดวงดาวเหล่านั้นเช่นกัน

 

เมื่อต้องพบเจอกับการตอบโต้ดังกล่าวนี้ ส่งผลให้ดวงดาวทั้งหมดเริ่มที่จะโกรธเกรี้ยวขึ้นมาบ้างแล้ว!

 

ดวงดาวสายฟ้าก้อนเล็กๆเริ่มควบรวมกัน ก่อกำเนิดเป็นดาราสายฟ้าก้อนใหญ่ที่สาดแสงเจิดจ้า ทั้งหมดข้ามผ่านค่ายกลเข้ามาในคราเดียว สะท้อนสะท้านแสงจรัสสีฟ้าไปทั่วบริวเวณ

 

เนื่องจากมันใหญ่เกินไป และมิอาจทำลายได้ในคราเดียว กู่ฉิงซานจึงเลือกที่จะตัดหั่นมันทีละส่วน และทันทีที่เขาวาดดาบไปแยกส่วนเล็กๆของมันนั้นเอง

 

ปัง!

 

ก็บังเกิดเส้นสายฟ้าขนาดเล็กนับไม่ถ้วนแตกตัวออก ฉวัดเฉวียนไปมาดั่งงูที่เลื้อยวนอยู่ในอากาศ โฉบเข้าใส่กับเขา

 

เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด กู่ฉิงซานก็แปรเปลี่ยนตนเป็นเสี้ยวจันทร์สีขาวนวล พรวดออกไปต้านรับเบื้องหน้า

 

รังสีดาบสีนวลดั่งจันทราตัดสะบั้นงูสายฟ้าจนสิ้น แต่ตัดไปหนึ่ง ก็ราวกับงอกมาอีกสอง ค่ายกลมิติในส่วนอื่นเริ่มทำงานอีกครั้ง บ่งบอกว่าโทษทัณฑ์จากภายนอกกำลังจะถูกส่งเข้ามาในไม่ช้า

 

ดาบเช่าหยินส่งเสียงฮึมฮำด้วยความวิตกกังวลออกมา

 

“นั่นสิ ข้าเองก็ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะจัดการได้ยากเย็นถึงเพียงนี้”

 

กู่ฉิงซานเหลียวหลังไปมองบอลสายฟ้าระลอกใหม่ที่ซ้อนทับๆกันเข้ามา และเอ่ยปากตอบ

 

จำนวนของสายฟ้ามันมากเกินไป แถมแต่ละพลังอำนาจของสายฟ้า ก็ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าทัณฑ์สายฟ้าใดๆที่เขาเคยพบเจอมาก่อน

 

หลังจากบอลสายฟ้าถูกตัดหั่น มันก็จะกระจายตัวเป็นงูสายฟ้า และเริ่มทำการโจมตีระลอกสองใส่เขา

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ฝึกยุทธจำนวนมากมายเพียงใดที่ต้องตกตายด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้

 

นี่สินะ นี่คือโทษทัณฑ์ของผู้ที่หมายจะย่างกรายเข้าสู่ขอบเขตประทับเทพจะต้องได้รับ!

 

นี่สินะ เหตุผลที่ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ ถึงมีเพียงแค่สามปราชญ์เท่านั้นที่ก้าวข้ามมันมาได้สำเร็จ!

 

เวลานี้ กลุ่มก้อนสายฟ้าที่กระพือว่อนอยู่ในมิติที่ว่างเปล่า เพิ่มพูนจำนวนขึ้นจนเกือบจะถึงร้อยกลุ่มแล้ว

 

พวกมันราวกับมีชีวิต คอยว่ายวนรอบกายของกู่ฉิงซาน คล้ายกำลังมองหาจุดอ่อนของเขาอยู่

 

ขณะที่กู่ฉิงซานเองก็ไม่รีรอให้พวกมันเริ่มโจมตี แต่ตนเลือกที่จะเป็นคนเปิดฉากซะเอง

 

“ไปเลย!”

 

รังสีดาบถูกเหวี่ยงฟาดออกไป

 

ดาบเช่าหยินกวาดวนรอบกายกู่ฉิงซาน และระเบิดบอลสายฟ้าทั้งหมดในคราเดียว

 

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง บอลสายฟ้าที่ว่าเยอะแล้ว ก็แตกตัวเป็นงูสายฟ้าที่เยอะยิ่งกว่า ทั้งหมดโถมทับเข้าใส่กู่ฉิงซานดั่งคลื่นยักษ์

 

มองไปยังงูสายฟ้าที่มืดฟ้ามัวดิน ดาบพิภพก็เปล่งเสียงออกมาทันใด “เจ้าลืมเลือนสิ่งหนึ่งไปหรือเปล่า”

 

“สิ่งใดกัน?”

 

“ก็อุปกรณ์สวมใส่อย่างไรเล่า”

 

กู่ฉิงซานพอได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะเขกกะโหลกตนเอง

 

-เขาคงมัวแต่กังวลเรื่องอื่นมากเกินไป จนลืมเสียสนิทเลย

 

วินาทีต่อมา ชุดเกราะรบสีทองที่ซีดเซียวก็ปรากฏขึ้นบนตัวของเขา

 

นอกจากนี้ กู่ฉิงซานยังได้ทำการเปลี่ยนสมญาเทพสงครามไปเป็น ‘นายพลชั้นโหยวจี’ อีกด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้ทั้งในด้านการป้องกันและความเร็วของเขาเพิ่มพูนขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

 

กู่ฉิงซานกุมดาบในมือแน่น เชิดหน้าขึ้น และทะยานตัวออกไปต้อนรับสายฟ้าเหลือคณาที่ถาโถมลงมา

 

การเคลื่อนไหวของเขาช่างรวดเร็วและทรงประสิทธิภาพยิ่ง มันไม่มีส่วนใดที่สูญเปล่าเลย แถมยังไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่น้อย

 

ทันใดนั้นเอง รังสีดาบและสายฟ้าเหลือคณาก็ปะทะซึ่งกันและกัน

 

กู่ฉิงซานทะยานตัวเข้าไปกลางดงงูสายฟ้า ดาบในมือวูบไหวใช้ออกด้วยเทคนิคลับแห่งดาบ วาดเงา!

 

หนึ่งครั้ง

 

สองครั้ง

 

สามครั้ง

 

สิบครั้ง!!!

 

เขาได้ใช้ออกด้วยวาดเงาไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันครบสิบครั้ง!

 

ร่างเงาแห่งดาบผลิบานไปทั่วบริเวณชั้นอากาศโดยรอบ ทัณฑ์สายฟ้านับไม่ถ้วนในมิติที่ว่างเปล่าถูกสับสะบั้นจนสิ้น

 

ทัณฑ์สายฟ้าแตกตัวออก แปรสภาพเป็นงูสายฟ้านับไม่ถ้วน โฉบโจมตีไปทางกู่ฉิงซานอย่างบ้าคลั่ง

 

กู่ฉิงซานก็ไม่น้อยหน้า ทุ่มออกเต็มกำลัง เหวี่ยงเทคนิคลับแห่งดาบสวนกลับไป

 

บังเกิดรังสีดาบอันแข็งกล้าดั่งคลื่นที่ซัดสาด

 

ตามด้วยอีกหนึ่งรังสีดาบของสายธารอันยิ่งใหญ่ -ทั้งสองควบรวมกัน ก่อร่างเป็นน้ำหลาก ท่วมโถมทับงูสายฟ้าจนสิ้น

 

บังเกิดเสียงตัดอากาศของรังสีดาบคำรามคำรนไปทั่ว

 

ส่งผลให้ภายในมิติอันเชี่ยวกราดทั้งหมด บัดนี้แทบจะกลายเป็นว่างเปล่า

 

นี่มันเกือบจะเป็นการโจมตีขั้นแตกหักเลยทีเดียว!

 

เพราะหลังจากการปะทะกันในครั้งนี้ ครั้งต่อไปจำนวนสายฟ้าก็ค่อยๆลดน้อยถดถอยลง

 

กู่ฉิงซานก็สามารถตอบโต้กับมันได้ง่ายขึ้น และผ่อนคลายยิ่งขึ้น

 

จนในที่สุด ก็ไม่หลงเหลือสายฟ้าอื่นใดเข้ามาอีกเลย

 

กู่ฉิงซานยืนเฝ้ารออยู่ครู่หนึ่ง

 

พอแน่ใจว่าไม่มีมอนสเตอร์หรือมารสวรรค์ปรากฏกายขึ้นจริงๆ

 

บนหน้าต่างระบบเทพสงครามก็ปรากฏเส้นแสงตัวอักษรขนาดเล็กเด้งออกมา

 

“การข้ามผ่านโทษทัณฑ์ขอบเขตประทับเทพได้สิ้นสุดลงแล้ว”

 

พริบตานั้นพลังวิญญาณของกู่ฉิงซานก็ทะยานขึ้นในฉับพลัน

 

นี่นับว่าเป็นการเพิ่มพูนครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

ตัวเขาในตอนนี้ — ได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตประทับเทพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

 

สองตาหุบต่ำลง กู่ฉิงซานค่อยๆตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของตนเองอย่างเงียบๆ

 

ขีดจำกัดแต้มพลังวิญญาณขยายออกเป็น 400 แต้ม

 

ขณะที่พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

 

และอายุขัยยืดออกเป็นถึง 1800 ปี!

 

ความคิดและจิตใจของเขากระจ่างแจ้งยิ่งกว่าเดิม – มันให้ความรู้สึกราวก่อนหน้านี้ ในสมองตนถูกครอบคลุมด้วยชั้นกำแพงบางอย่าง

 

ทว่าเวลานี้มันได้พังทลายลงแล้ว เขาเริ่มที่จะสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆมากมายที่ซ่อนเร้นอยู่ ทุกสิ่งที่ตนมองเห็น ทุกสิ่งที่ตนกำลังจะกระทำ และผลพวงของมันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาเริ่มมีลางสังหรณ์เหมือนกับนางเซียนขึ้นมาบ้างแล้ว!

 

กล่าวได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ยกระดับขึ้นมาจนถึงขอบเขตนี้ ผู้ฝึกยุทธจะไม่เพียงมีพลังอำนาจที่มากขึ้น แต่ยังจะสามารถสัมผัสได้ถึงความลึกลับของกฏเกณฑ์ได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย!

 

ทว่าผ่านไปสักพัก ความรู้สึกอันน่ามหัศจรรย์เหล่านี้ก็ค่อยๆกระจายหายไป

 

“ขอบเขตประทับเทพ … ”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยงึมงำด้วยอารมณ์

 

ในที่สุด ตนเองก็ได้ก้าวขึ้นมายังระดับที่ตัวเขาในชีวิตก่อนหน้ามิอาจย่างกรายเข้ามาถึงได้เสียที

 

กู่ฉิงซานหยิบตราออกมา ถ่ายเทพลังวิญญาณของตนลงไป และวาดมันไปยังทิศทางของค่ายกล

 

วินาทีต่อมา ตัวเขาก็หายวับไป และถูกส่งกลับมายังโลกล่องเวหาอีกครั้ง

 

……

 

ณ แท่นเวทีที่ใช้หารืออย่างเป็นทางการ

 

ฉีหยานได้ลืมตาขึ้น ขณะเดียวกันก็ผุดลุกและเดินออกไปภายนอก

 

เซ่าหวูชุ่ยเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “นั่นเจ้าจะไปที่ใดกัน?”

 

“ไปยินดีกับศิษย์ข้า” ฉีหยานกล่าว

 

เซ่าหวูชุ่ยพอได้ฟังก็ตกใจ

 

“ทัณฑ์สายฟ้าของขอบเขตประทับเทพจักสามารถข้ามผ่านได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? ไม่เพียงแต่จะไม่ล้มเหลว -ไม่สิ หากอ้างอิงจากความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนั่นมันก็พอจะเป็นไปได้ … ”

 

เขากวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปตลอดทั้งเกาะลอยฟ้า

 

จิตสัมผัสเทวะของขอบเขตขีดสุดความว่างเปล่า แน่นอนว่าย่อมต้องทรงพลังและกว้างขวาง เพียงแค่กวาดมันออกไป เขาก็สามารถค้นพบตัวของกู่ฉิงซานได้ในทันที

 

และยังค้นพบอีกด้วยว่า ความผันผวนทางพลังวิญญาณของกู่ฉิงซานได้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

 

เซ่าหวูชุ่ยแทบไม่อยากจะเชื่อ เขาถึงขั้นต้องใช้จิตสัมผัสเทวะของตนสำรวจอีกฝ่ายอีกรอบหนึ่ง

 

เป็นขอบเขตประทับเทพจริงๆ!

 

เซ่าหวูชุ่ยมิได้เอ่ยคำใดอยู่เนิ่นนาน

 

ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ “ยุคของพวกเราคงจบลงอย่างที่เจ้าว่าเสียแล้ว รุ่นเยาว์คงจะเหนือล้ำยิ่งกว่ารุ่นของพวกในสักวันหนึ่ง …”

 

กู่ฉิงซานบินไปยังลานห้องพักของฉีหยาน

 

ขณะที่บินไป เขาก็คอยมองหน้าต่างระบบเทพสงครามไปด้วยในตัว

 

ตอนนี้ เขาไม่ต้องการที่จะเสียเวลารีรออีกต่อไป คงจะเป็นการดีกว่าหากแก้เรื่องนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด

 

“ระบบ ฉันต้องการจะใช้รางวัลที่ได้จากภารกิจพิเศษในตอนนี้เลย ช่วยทำให้ภารกิจพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพสงครามในขอบเขตประทับเทพ เสร็จสมบูรณ์ในตอนนี้เลยจะได้ไหม” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ติ๊ง!

 

“ภารกิจพิเศษ ‘หวูซานจะต้องตาย’ , รางวัลภารกิจ : ระบุภารกิจและส่งผลให้มันลุล่วงได้ทันที”

 

“ตามที่คุณร้องขอ จะเริ่มต้นใช้รางวัลนี้ เพื่อที่จะได้บรรลุภารกิจพลังศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตประทับเทพให้เสร็จสมบูรณ์ทันที”

 

“รางวัลได้ถูกใช้แล้ว”

 

“ระบบกำลังทำการเชื่อมต่อกับรากฐานของโลกในปัจจุบัน เพื่อที่จะได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์”

 

“โปรดรอสักครู่”

 

ว่าแล้วเสียงของระบบก็เงียบลง

 

กู่ฉิงซานเฝ้ารออยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ระบบก็ยังคงไม่ตอบสนอง

 

โดยไม่ทันจะได้รู้ตัว เขาก็มาถึงลานบ้านของฉีหยานเสียแล้ว

 

ว่านเอ๋อยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า

 

“ท่านอาจารย์ข้ายังมิกลับมาหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“ข้ามาแล้ว”

 

บนท้องฟ้า ฉีหยานกำลังบินนำหน้าฉินรั่วมา

 

เมื่อทั้งสี่พบหน้ากัน ทั้งหมดก็เข้าไปในลานบ้าน และปิดประตูหน้าทันที

 

ภายในห้อง

 

ร่างของฉีหยานค่อยๆสลายไป และแปรเปลี่ยนเป็นร่างของหญิงสาวในชุดคลุมฟ้าที่งดงาม

 

“ขอแสดงความยินดีกับนายน้อย ที่สามารถยกระดับขึ้นสู่ประทับเทพได้สำเร็จ” ฉานนู่กล่าว

 

“แล้วทางด้านเจ้าเล่า สถานการณ์เป็นเช่นไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“ข้าทำตามที่เจ้ากล่าว เมื่อไปถึงก็หลับตาทำสมาธิทันที โดยให้เหตุผลว่ากำลังรักษาตัวอยู่ และเซ่าหวูชุ่ยก็มิได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย”

 

“ได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจ” กู่ฉิงซานผ่อนคลายลง

 

“แล้วสิ่งที่พวกเราต้องทำต่อไปในตอนนี้คืออะไร?” ฉานนู่เอ่ยถาม

 

“เจ้าก็กลับมาเป็นข้า แล้วข้าก็กลับไปเป็นฉีหยานอีกครั้ง” กู่ฉิงซานตอบ

 

ฉานนู่พยักหน้า และเริ่มต้นใช้ออกด้วยความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต

 

เพียงครู่ เธอก็กลายไปเป็นกู่ฉิงซาน

 

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ‘กู่ฉิงซาน’ ในเวลานี้ คือผู้ฝึกยุทธขอบเขตประทับเทพ

 

กู่ฉิงซานแข็งแกร่งขึ้น ฉานนู่ก็จักแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน

 

และนี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอ ‘ทรงปัญญา’

 

พออีกฝ่ายปลอมกายเสร็จสิ้น กู่ฉิงซานก็ตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบขวดน้ำยาตัดแต่งพันธุกรรมอีกขวดออกมา และฉีดเข้าใส่ตนเอง

 

ร่างกายของเขาค่อยๆเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นฉีหยานอีกครั้ง

 

ในความเป็นจริงแล้ว ที่จะต้องทำเช่นนี้น่ะ มันเป็นเพราะว่าห้วงอารมณ์ของฉานนู่มันเย็นชาเกินไป แม้ว่าเธอจะสามารถแสดงได้อย่างแนบเนียนก็ตามที แต่มันก็ไม่ถึงขั้นมีสติปัญหานึกคิดระดับเดียวกันกับกู่ฉิงซานได้

 

หากต้องการปกปิดความลับต่อหน้าปรมาจารย์ตำหนักทั้งสอง แล้วบังเอิญเข้าสู่สถานการณ์วิกกฤตและต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วล่ะก็ … การแสดงเพียงอย่างเดียวมันยังไม่เพียงพอ

 

ดังนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธขีดสุดความว่างเปล่าถึงสองคน กู่ฉิงซานจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยงให้ฉานนู่เป็นคนตัดสินใจด้วยตนเอง

 

เรื่องนี้ มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สมควรจะทำได้

 

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราต้องรีบกลับไปยังเวทีหารืออย่างเป็นทางการกันในทันที เผื่อเกิดกรณีที่มีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้น” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ฉินรั่วเปิดประตู แล้วทั้งสี่ก็กลับไป

 

กู่ฉิงซานมองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

แต่กลับเห็นแค่เพียงบนหน้าต่างยังคงเงียบสงบ ไร้ซึ่งตัวแจ้งเตือนและสรรพเสียงใดๆ

 

นี่มันช่างให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างแท้จริง

 

กรณีดังกล่าวนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

 

หรือว่าระบบจะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ?

 

เขาย้อนนึกไปถึงตอนที่ตนได้รับ ‘ร่างเงาแทนที่’ ระบบก็ทำการเชื่อมต่อกับรากฐานต้นกำเนิดของโลกเทวะเช่นกัน

 

แต่ในตอนนั้น การสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์มันก็เกิดขึ้นเลยในทันที

 

แต่เวลานี้ … มันเกิดอะไรขึ้นกับระบบกันแน่นะ?