“สาขาฝรั่งเศส?” ฮ่อหยุนเฉิงถามด้วยใบหน้าเย็นชาและเลิกคิ้วขึ้น
“ใช่” ซูฉิงพยักหน้า ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผลการทดสอบเพิ่งออกมา และผลิตภัณฑ์บางส่วนที่ผลิตในสาขาฝรั่งเศสมีธาตุกัมมันตภาพรังสีปนอยู่ด้วย”
ฮ่อหยุนเฉิงนวดขมับของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เราละเลยส่วนนี้ของสาขาฝรั่งเศสมาก่อน ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีคนใช้ประโยชน์จากมัน”
ซูฉิงกำลังใช้ความคิด
จริงๆ แล้วการจัดการโรงงานสาขาในฝรั่งเศสนั้นหละหลวมมากเมื่อเทียบกับสาขาใหญ่ เพราะผู้บริหารอยู่ไกล จะทำอะไรในฝรั่งเศสก็ทำได้ง่ายกว่ามาก
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูฉิงก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เราจำเป็นต้องไปตรวจสอบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในฝรั่งเศสกันแน่ และธาตุกัมมันตภาพรังสีเข้าไปได้ยังไง อย่างที่บอกเพราะเป็นสาขาในฝรั่งเศสจะทำอะไรมันก็ง่าย เป็นไปได้มากที่บริษัทของเราจะมีคนวงในสมรู้ร่วมคิด”
“ฉันจะส่งคนไปตรวจสอบทันที” ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดอย่างเห็นด้วย
ซูฉิงเม้มริมฝีปากของเธอและพูดอย่างหนักแน่น “ฉันอยากไปฝรั่งเศสด้วยตัวเอง”
เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซูฉิงคิดว่าเธอจำเป็นต้องไปฝรั่งเศสด้วยตัวเอง
เพราะมันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยที่จะมาเล่นตุกติกในโรงงานของตระกูลฮ่อกรุ๊ปได้
และในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ “น้ำแข็งและไฟ” เธอจึงมีหน้าที่ตรวจสอบหาความจริง
“ฉันจะไปกับเธอ” ฮ่อหยุนเฉิงพูดแบบไม่ต้องคิด
ฮ่อหยุนเฉิงจะไปด้วยตัวเอง?
ซูฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอเหลือบมองไปที่ฮ่อหยุนเฉิง “นายไม่ต้องนั่งสั่งการอยู่ที่นี่เหรอ?”
“ฉันจะไปด้วยตัวเอง หนึ่งเพื่อแสดงให้เห็นว่าฮ่อกรุ๊ปให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ และสองเพื่อขัดขวางผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ดวงตาที่ลึกซึ้งของฮ่อหยุนเฉิงจับจ้องไปที่ซูฉิง และพูดอย่างเคร่งขรึม ” สำหรับเรื่องทางนี้ ให้หลินเหยียนเฟิงดูแลก็ได้”
ในความเป็นจริง ยังมีเหตุผลที่สำคัญกว่านั้น นั่นคือฮ่อหยุนเฉิงไม่สบายใจที่จะให้ซูฉิงไปคนเดียว
เพราะยังไงฝรั่งเศสก็อยู่ไกลมาก หากซูฉิงไปต่างถิ่นคนเดียว เขาก็กังวลว่าเธอจะรับมือไม่ไหว
เมื่อเห็นการยืนกรานของฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงก็ไม่ถามต่อ เพราะถ้าเขาไปฝรั่งเศสด้วยตนเอง แน่นอนว่ามันจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
“ตอนนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนกว่า”
ดวงตาของซูฉิงหรี่ลง เธอกำลังครุ่นคิด “เราต้องรีบไปตามสินค้าคอลเลคชั่น ‘น้ำแข็งและไฟ’ ทั้งหมดที่ผลิตจากสาขาฝรั่งเศสกลับมาทันที เจรจาค่าชดเชยกับคนที่โดนสารพิษ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่พวกเขาเสนอมาให้ได้ เพื่อไม่สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของฮ่อกรุ๊ป”
เพราะ”น้ำแข็งและไฟ”ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สารกัมมันตภาพรังสี ราคาหุ้นของฮ่อกรุุ๊ปก็ลดลงเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน และในตอนนี้ต้องรีบฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ซูฉิงพูดก็เป็นสิ่งที่ฮ่อหยุนเฉิงคิดเช่นกัน
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วเบาๆ “โอเค ฉันจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจึงมองไปที่หลินเหยียนเฟิงอีกครั้ง “ช่วยจัดงานแถลงข่าวตอนบ่ายให้ฉันด้วย”
“ได้ครับท่านประธาน” หลินเหยียนเฟิงเดินออกไป
“งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ” ซูฉิงพูด “ให้ฉันช่วยจองเที่ยวบินไปฝรั่งเศสพรุ่งนี้ด้วยไหม?”
ฮ่อหยุนเฉิงส่ายหัวเบา ๆ “ไม่ต้อง พรุ่งนี้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของฉันไป”
เครื่องบินส่วนตัว…โอเค
ซูฉิงยักไหล่ แล้วหันหลังเดินออกจากห้องทำงานของประธานไป
ทันทีที่เธอเดินออกจากประตู ซูฉิงก็ชนชายคนหนึ่งเข้าเต็มๆ
ซูฉิงเงยหน้าขึ้นมอง ที่แท้ก็เป็นหลินเจียต้ง
“ประธานหลิน” ซูฉิงพยักหน้าทักทายหลินเจียต้ง
หลินเจียต้งมองซูฉิงอย่างเย็นชา จากนั้นเดินผ่านเธอไป เดินตรงไปที่ห้องทำงานของประธาน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ฮ่อหยุนเฉิงก็เงยหน้าขึ้นมาดู
เมื่อเห็นหลินเจียต้งเดินเข้ามา ฮ่อหยุนเฉิงก็กล่าวทักทายอย่างเฉยเมย “อาหลินมาหาผมมีธุระอะไรเหรอครับ?”
“หยุนเฉิง” หลินเจียต้งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาวางตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิง พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย “หลายวันมานี้ราคาหุ้นของฮ่อกรุ๊ปร่วงลงสิบกว่าจุดแล้ว นายรู้ไหม?”
ฮ่อหยุนเฉิงใช้นิ้วแตะริมฝีปาก และพูดอย่างเคร่งขรึม “รู้ครับ ผมจัดการเรื่องนี้ได้”
“นายจัดการกับมันอย่างไร?” หลินเจียต้งขมวดคิ้วและมองไปที่ฮ่อหยุนเฉิง “เราทุกคนต่างก็รู้ว่าทำไมราคาหุ้นของฮ่อกรุ๊ปถึงตกลง จริงๆ แล้วการแก้ปัญหานี้มันง่ายมาก”
“หืม? อาหลินมีคำแนะนำอะไรเหรอครับ?” ฮ่อหยุนเฉิงเอนหลังพิงเก้าอี้และเหลือบมองหลินเจียต้งนิ่งๆ
หลินเจียต้งเป็นบุตรบุญธรรมของผู้เฒ่าฮ่อ เขาอายุน้อยกว่าฮ่อเจี้ยนกั๋วสองปี เขาและฮ่อเจี้ยนกั๋วโตมาด้วยกัน ทั้งสองคนสนิทกันมาก
ต่อมาเขาก็ช่วยฮ่อเจี้ยนกั๋วดูแลฮ่อกรุุ๊ป เขาได้ช่วยทำหลายสิ่งหลายอย่างมาก
หลังจากฮ่อเจี้ยนกั๋วเสียชีวิตไป หลินเจียต้งก็รับหน้าที่เป็นประธานของฮ่อกรุ๊ปอยู่ระยะหนึ่ง แต่ทว่าต่อมาผู้เฒ่าฮ่อก็ยกตำแหน่งนี้ให้ฮ่อหยุนเฉิง และให้หลินเจียต้งดำรงตำแหน่งรองประธาน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฮ่อกรุ๊ปก็เจริญรุ่งเรืองมากภายใต้การบริหารงานของฮ่อหยุนเฉิง ในขณะที่หลินเจียต้งค่อยๆ ถูกลดความสำคัญลง
“กำจัดที่ต้นตอของปัญหา ไล่ซูฉิงออกไป” หลินเจียต้งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ ซูฉิงละเลยหน้าที่ของเธอและทำผิดพลาดครั้งใหญ่ มีแค่ไล่เธอออกไปเท่านั้นที่เราจะสามารถฟื้นฟูชื่อเสียงของฮ่อกรุ๊ปได้”
“ใช่เหรอครับ?” ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงเย็นชาและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็คมขึ้นทันใด
ที่หลินเจียต้งพูดคือการปัดความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้กับซูฉิง และปล่อยให้ซูฉิงเป็นแพะรับบาป
จากสถานการณ์ตอนนี้นี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาฉุกเฉินเท่านั้น
แต่วิธีนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้
แม้ว่าผู้รับผิดชอบจะไม่ใช่ซูฉิง แต่ฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
เมื่อเห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงเงียบ หลินเจียต้งก็ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้ฮ่อหยุนเฉิงทันที “ไล่ซูฉิงออกซะ นี่เป็นความเห็นของสมาชิกคณะกรรมการของเราหลายคนหลังจากการปรึกษาหารือกันแล้ว ในนี้มีการลงนามแล้ว”
ฮ่อหยุนเฉิงใช้นิ้วเรียวยาวรับเอกสารนี้ไป เขากวาดสายตาดูในนั้นมีการลงนามของผู้ถือหุ้นหลายรายและคนที่ลงนามคนแรกก็คือแม่ฮ่อ
“นี่คือสิ่งที่แม่คิด?” ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว และพูดช้าๆ
“มันคือความคิดของคุณนายฮ่อ และมันคือความคิดของพวกเราทุกคน” เมื่อเผชิญหน้ากับออร่าอันทรงพลังของฮ่อหยุนเฉิง หลินเจียต้งถึงกับต้องขยี้ตา และพูดต่อ “เราต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น และเราต้องแก้ไขเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อรีบฟื้นตัวอย่างเร็วที่สุด”
ฮ่อหยุนเฉิงใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างช้าๆ ขาเรียวยาวของเขานั่งไขว่ห้าง แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเย็นชากดขี่มองไม่เห็นหัวของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
เขาเลิกคิ้วขึ้นและมองไปที่หลินเจียต้ง น้ำเสียงของเขาเข้มงวดและเย็นชา “อาหลินครับ ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่อาบอกว่าเราควรมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นของเรา และก็เห็นด้วยว่าเรื่องนี้ควรจะต้องรีบแก้ไขอย่างรวดเร็ว แต่แนวทางแก้ไขเรื่องนี้ไม่ใช่การไล่ซูฉิงออกอย่างแน่นอน”
“หยุนเฉิง แก…” เมื่อถูกฮ่อหยุนเฉิงปฏิเสธ หลินเจียต้งก็เก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกฮ่อหยุนเฉิงขัดจังหวะเสียก่อน “อาหลิน เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วเชิญอาออกไปเถอะครับ”