ฮ่อหยุนเฉิงไม่ไว้หน้าเขาเลย และหลินเจียต้งรู้สึกโมโหมาก
ต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิง เขากลับไม่สามารถแสดงสีหน้าออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้ว “หยุนเฉิง ฉันกับแม่นายต่างก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของฮ่อกรุ๊ปนะ ฉันหวังว่านายจะไม่เสียใจภายหลัง”
ฮ่อหยุนเฉิงแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากที่หลินเจียต้งเดินออกไป ริมฝีปากบางของฮ่อหยุนเฉิงก็เม้มเป็นเส้นแน่น และดวงตาของเขาดูซับซ้อนเล็กน้อย
เมื่อก่อนเขาให้ความเคารพมาหลินเจียต้งมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับยิ่งไม่เข้าใจหลินเจียต้ง มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อกลับมาที่ออฟฟิศ ซูฉิงก็เร่งให้ผู้รับผิดชอบการทดสอบโรงงานเครื่องประดับในสำนักงานใหญ่ของเมือง A ส่งผลการทดสอบให้เธออีกครั้ง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงผลก็ออกมาแล้ว
ตามที่คาดไว้ การผลิตเครื่องประดับคอลเลคชั่น “น้ำแข็งและไฟ” ที่สาขาใหญ่ไม่มีปัญหา
ซูฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าปัญหาจะอยู่ที่ฝรั่งเศสจริงๆ
ซูฉิงเตรียมข้อมูลเสร็จอย่างรวดเร็ว และเอาไปให้ฮ่อหยุนเฉิง
เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญมากในงานแถลงข่าวตอนบ่าย
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องประธาน ซูฉิงก็เจอกับหลินเจียต้งอีกครั้ง
เขากำลังเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสีหน้าโกรธจัด เมื่อเขาเห็นซูฉิงสีหน้าของเขายิ่งบูดบึ้งเข้าไปใหญ่
“ประธานหลิน” ซูฉิงยังคงยิ้มและทักทายหลินเจียต้ง
หลินเจียต้งเหลือบมองซูฉิงนิ่งๆ และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ซูฉิงเอื้อมมือไปเคาะประตู “ฉันเข้าไปได้ไหม?”
ฮ่อหยุนเฉิงปล่อยริมฝีปากของเขาออก และพูดด้วยเสียงที่ชัดเจน “เข้ามาสิ”
ซูฉิงผลักประตูเข้าไป เห็นฮ่อหยุนเฉิงถือขวดยาแก้หวัดที่ซูฉิงให้เขาอยู่ในมือ จ้องไปที่ขวดยานิ่งๆ และริมฝีปากเรียวสวยของเขาก็หยักยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ได้ยินเสียงฮ่อหยุนเฉิงวางขวดยาลง และเงยหน้าขึ้นมามองซูฉิงด้วยดวงตาที่นุ่มลึก และเปิดริมฝีปากบางของเขาขึ้น “ซูฉิง ฉันกำลังจะเรียกหาเธอพอดีเลย”
ซูฉิงส่งข้อมูลในมือของเธอให้ฮ่อหยุนเฉิง “ผลการทดสอบออกมาแล้ว การผลิตคอลเลคชั่น ‘น้ำแข็งและไฟ’ ที่สาขาใหญ่ไม่มีปัญหา ดูเหมือนว่าปัญหาจะมีแค่ที่ฝรั่งเศสเท่านั้น”
ฮ่อหยุนเฉิงรับเอกสารไป แต่กลับแค่เหลือบมัน และวางไว้บนโต๊ะ
ซูฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ งานแถลงข่าวกำลังจะมีขึ้นในตอนบ่ายเพื่อชี้แจงเหตุการณ์สารกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนในคอลเลคชั่น “น้ำแข็งและไฟ” เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญมาก แต่ฮ่อหยุนเฉิงไม่แม้แต่จะมองดูพวกมันเลยสักนิด
ซูฉิงขมวดคิ้วและพูดเตือน “นายไม่ดูหน่อยเหรอ? เอกสารเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการแถลงข่าวในตอนบ่ายนะ”
“แน่นอนว่าฉันรู้” ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะเบาๆ “แต่ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นอีก”
ซูฉิงตกตะลึงและถามโดยไม่รู้ตัว “เรื่องอะไร?”
ฮ่อหยุนเฉิงชี้ไปที่ขวดยาบนโต๊ะ นัยน์ตายิ้มกรุ้มกริ่มของเขามองไปที่ใบหน้าของซูฉิง “ป้อนยาฉัน”
ซูฉิง: ? ? ?
นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังมัวแต่คิดเรื่องนี้อยู่!
ฮ่อหยุนเฉิงแตะริมฝีปาก และขมวดคิ้ว ดวงตาของเขายังคงเย็นชา แต่กลับมีรอยยิ้มที่คลุมเครือนั้นผุดขึ้นมา “เธอคงจะไม่ใจร้ายถึงขั้นให้ฉันไปงานแถลงข่าวทั้งที่เป็นหวัดหรอกใช่ไหม?”
ซูฉิงมองเขาด้วยความหมั่นไส้ “นายจะกัดฉันอีกไม่ได้นะ!”
หลังจากได้รับความยินยอมจากฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงจึงหยิบขวดยาขึ้นมาเปิดฝา เทยาสองเม็ดออกมา แล้วใส่เข้าไปในปากของฮ่อหยุนเฉิง
อาจเป็นเพราะยามีรสขมเล็กน้อย คิ้วของฮ่อหยุนเฉิงจึงย่นเข้าหากัน ริมฝีปากบางของเขาเบะขึ้นเล็กน้อย “ฉันอยากดื่มน้ำ”
“นายก็ดื่มสิ” ซูฉิงเม้มริมฝีปาก ผู้ชายคนนี้ต้องการทำอะไรอีก?
“เธอป้อนฉันหน่อย” ริมฝีปากบางของฮ่อหยุนเฉิงขยับไปมา
ซูฉิงพูดไม่ออก: …
ช่างเถอะๆ ช่วยก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ซูฉิงพยายามใจเย็นหยิบแก้วน้ำของฮ่อหยุนเฉิงขึ้นมา ช่วยรินน้ำให้เขา และป้อนเขา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ว่า “ดื่มสิ!”
ฮ่อหยุนเฉิงกลับนั่งเอนหลัง และมองเธออย่างลึกซึ้ง “ทดสอบอุณหภูมิน้ำให้หน่อยสิ”
“…” เมื่อเผชิญหน้ากับชายผู้เย่อหยิ่งและปากดีคนนี้ ซูฉิงหมดอารมณ์จะเถียงด้วย เธอจึงหยิบน้ำขึ้นมาจิบ
อุณหภูมิของน้ำกำลังพอดี
แต่แค่… นี่คือแก้วที่ฮ่อหยุนเฉิงใช้ดื่มน้ำ และตอนนี้เธอกำลังดื่มมัน นี่เป็นการจูบทางอ้อมเหรอ?
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ซูฉิงจึงรีบหายใจเข้าลึกๆ เพื่อขับไล่ความคิดที่อธิบายไม่ได้นี้ในใจออกไป
“โอเคแล้ว นายดื่มสิ!” ซูฉิงยื่นแก้วให้ฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้รับไป แต่กลับจ้องไปที่ใบหน้าที่แดงก่ำของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยดวงตาลึกล้ำ
“นายมองอะไร?” ซูฉิงรู้สึกอึดอัดจนต้องขมวดคิ้วถาม
ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะเบา ๆ “ซูฉิงทำไมเธอถึงหน้าแดงล่ะ?”
หน้าแดงชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาเห็นมันเหรอ?
ซูฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย เธอกัดริมฝีปากของเธอ “แดงที่ไหนล่ะ?”
ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วและแซวเธอต่อ “ไม่แดงหรอ? ไปดูในกระจกสิ”
ซูฉิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอเอาแก้วน้ำใส่ปากของฮ่อหยุนเฉิงทันที “ฮ่อหยุนเฉิงนายยังจะดื่มน้ำอยู่ไหมฮะ!”
เมื่อเห็นท่าทางของซูฉิงราวกับกระต่ายสีขาวตัวเล็ก ๆ ดวงตาที่ลึกล้ำของฮ่อหยุนเฉิงก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะหยิบแก้วน้ำ ทันใดนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ซูฉิง เธอกำลังทำอะไรน่ะ!”
เสียงนี้ทำให้ซูฉิงตกใจมาก มือที่ถือแก้วน้ำจึงสั่นโดยไม่รู้ตัว ทำให้น้ำในแก้วเกือบจะหกใส่ฮ่อหยุนเฉิง
เธอหันไปที่ประตู และเห็นสวีหว่านเอ๋อร์จ้องเธอด้วยสายตาอิจฉาริษยา
ฉากเต้นรำของฮ่อหยุนเฉิงและสวีหว่านเอ๋อร์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในหัวของเธอ ใบหน้าของซูฉิงเย็นชาขึ้นทันที เธอวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างแรง และพูดด้วยเสียงเข้ม “ฉันไปก่อนนะ”
“ไม่ต้องไป” ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยเสียงเข้ม
ซูฉิงทำเป็นไม่ได้ยิน หมุนตัวกำลังจะก้าวออกไป ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่รั้งเอวของเธอไว้ และแรงนั้นก็ทำให้ซูฉิงก็ลื่น ร่างของเธอก็ล้มลงบนร่างของฮ่อหยุนเฉิงทันที
ใบหน้าของซูฉิงตกลงมาตรงหว่างขาของฮ่อหยุนเฉิงพอดี ท่านี้คลุมเครืออย่างยิ่ง
สวีหว่านเอ๋อร์ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเธอ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเธอก็ได้สติกลับมา
ซูฉิงยัยคนบ้านนอกไร้ยางอาย จงใจยั่วยวนฮ่อหยุนเฉิงต่อหน้าเธอ!
สวีหว่านเอ๋อร์กระแทกรองเท้าส้นสูงของเธอและเดินไปดึงซูฉิงออกมา พยายามดึงเธอออกมาจากฮ่อหยุนเฉิง และดุว่า “ซูฉิงเธอกำลังทำอะไรเนี่ย? กลางวันแสกๆ รู้จักอายหน่อยได้ไหม..”
สัมผัสได้ถึงความหึงหวงอย่างแรงกล้าของสวีหว่านเอ๋อร์ ซูฉิงก็ลุกขึ้นยืน กอดคอของฮ่อหยุนเฉิงและอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เธอกระแอมในลำคอ “คุณสวีคะ คุณไม่รู้วิธีเคาะประตูเหรอคะ? คุณมารบกวนฉันและคู่หมั้นของฉัน หยาบคายจริงๆเลยนะคะ”
“แก!” สวีหว่านเอ๋อร์พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เธออยากจะฆ่าซูฉิงเสียให้ได้
เรือนร่างที่นุ่มนิ่มและเย้ายวนของซูฉิงแนบชิดบนร่างของฮ่อหยุนเฉิง ฮ่อหยุนเฉิงหายใจไม่ทั่วท้อง เขาเหยียดแขนออกไปโอบเอวเรียวเล็กของเธอแน่น มองสวีหว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เย็นชา “เธอมาทำไม? “