ตอนที่เจียงป่าวชิงเข้าป่าในตอนแรก นางก็ได้เผชิญหน้ากับพวกคนที่ตามมาทีหลังเช่นกัน เจียงป่าวชิงยังคงครุ่นคิดว่าเจ้านายอย่างกงจี้ก็เห็นอกเห็นใจและเข้าใจลูกน้องอยู่เหมือนกัน ฝูฉูหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาก็ส่งคนออกมาตามหาตั้งมากมาย
แต่ด้วยสภาพโดยรอบนี้เป็นป่าเป็นเขาที่ค่อนข้างซับซ้อน ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็แทบจะไม่มีทางให้เดินเท่านั้น เจียงป่าวชิงเองก็ตัวเล็ก นางสามารถมุดระหว่างเถาวัลย์ไปมาได้ ไม่นานก็แยกกันกับพวกองครักษ์เหล่านั้น
โชคดีที่ตอนนี้หาคนที่ต้องการหาเจอแล้ว การบุกเบิกเส้นทางของจียงป่าวชิงคงจะทิ้งร่องรอยไว้เป็นจำนวนมาก คาดว่าองครักษ์ก็คงจะตามมาในอีกไม่ช้า
เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “คงใกล้แล้วล่ะพี่ฝูฉู”
ฝูฉูพึมพำ “เฮ้อ… ข้าสร้างปัญหาให้ท่านชายแล้ว ไม่น่าเลย…”
เจียงหยุนชานหยิบวัชพืชและเถาวัลย์ออกจากบนศีรษะของเจียงป่าวชิงอย่างนึกสงสาร จากนั้นเขาก็มองรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนลำคอของนาง ยิ่งดูเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดและสงสารน้องสาวจับใจ “ป่าวชิง ข้า… เฮ้อ! ข้าทำให้เจ้าต้องลำบาก ข้านี่แย่จริง ๆ”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นอย่างให้อภัย “โธ่พี่หยุนชาน นี่แค่เรื่องเล็ก ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงมาตามหาพี่”
“…” เจียงหยุนชานไม่ได้พูดอะไร เขามองฝูฉูอย่างลำบากใจเล็กน้อย
อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนเช้าวันนี้ เมื่อเขาได้ยินสาวใช้ที่มารายงานข่าวคนนั้นบอกว่าฝูฉูกับคุณหนูของนางตกหุบเขา เขาก็ร้อนใจมากจึงรีบออกจากบ้านทันที เขาเองก็เพิ่งมาเจอพวกนางที่นี่ และตอนที่หาฝูฉูกับแม่นางที่เขาไม่รู้จักเจอ ก็พบว่าแม่นางที่เขาไม่รู้จักข้อเท้าเคล็ดและฝูฉูก็กำลังปลอบนางอยู่
ฝูฉูถอนหายใจ นางลุกขึ้น จากนั้นก็ดึงเจียงป่าวชิงมาด้านข้างแล้วพูดกับเจียงป่าวชิงด้วยเสียงเบาว่า “แม่นางเจียง ข้าจะบอกเจ้าโดยไม่ปิดบังว่านั่นคือเซยู่เสีย น้องสาวที่บ้านของข้า นางเป็นที่โปรดปรานของครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงนี้ไม่รู้ว่านางไปได้ยินมาจากไหนว่าข้ากับคุณชายกงมาพักอยู่ที่นี่ นางเคยหนีออกมาตามหาอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งก็จะถูกส่งตัวกลับไป ครั้งนี้ที่บ้านได้ส่งจดหมายมาหาข้า บอกว่านางพาสาวใช้ลอบหนีออกจากบ้านเพื่อมาตามหาพวกข้าที่นี่ ข้านั้นร้อนใจอย่างมากจึงออกมาตามหานางตั้งแต่เช้า แต่พวกข้าสองคนกลับตกจากหุบเขาอย่างไม่ระวัง ข้าพยายามจับเถาวัลย์เพื่อกำชับสาวใช้ของน้องสาวให้นางไปรายงานข่าว จากนั้นก็ตกลงมา แต่โชคดีที่ระหว่างทางมีพืชคลุมดินเยอะ พวกข้าจึงไม่เป็นอะไรมาก แต่เราทำได้เพียงรอการช่วยเหลืออยู่ที่นี่เท่านั้น”
ฝูฉูมีสีหน้าเศร้าโศก “เฮ้อ! ดีนะที่พี่ชายของเจ้ามา เขาเพิ่งตามมาเจอเราเมื่อสักครู่ แต่ชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อีกอย่าง กระดูกของพี่ชายเจ้าก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง เราจึงกำลังกลุ้มใจกันอยู่เลยว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า นางจำได้ว่าตอนที่เจอกับเซยู่เสียเมื่อครั้งที่แล้ว เซยู่เสียก็อยู่ในสถานที่แบบนี้เช่นกัน แต่นางกลับตรงกันข้ามกับฝูฉู
ถูกงูกัดเมื่อครั้งที่แล้วยังไม่หลาบจำ ครั้งนี้ยังเข้ามาในภูเขาอย่างสะเพร่าอีก นางคิดว่าเส้นทางในภูเขาราบเรียบนักหรือไง ?
ช่างเป็นผู้มีความสามารถในการก่อความเดือดร้อนจริง ๆ
เจียงป่าวชิงไม่มีอะไรจะพูด นางลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเซยู่เสียโดยตรง
เซยู่เสียมีรูปโฉมงดงามแลดูนิ่มนวล นางพูดจาด้วยเสียงอันเบาราวกับลมพัดไปได้อย่างไรอย่างนั้น แม้ว่านางจะเพิ่งหยุดร้องไห้และหายสะอึกสะอื้น แต่คนสวย ๆ อย่างนาง เวลาเสียน้ำตากลับน่ามองเหลือเกิน
ทว่า… เจียงป่าวชิงไม่หลงกลกับดักของนางหรอก
เอะอะก็หนีออกจากบ้าน แม้ว่าจะถูกงูกัดก็ยังไม่จำเอาไว้เป็นบทเรียนอีก นางอยากจะเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยผู้รอความช่วยเหลือตลอดไปหรืออย่างไร ?
ไม่รู้ทำไม แต่พอเซยู่เสียมองเจียงป่าวชิง นางก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างไร้สาเหตุ
อาจเป็นเพราะคำพูดและท่าทางที่ฝ่ายนั้นมีต่อนาง และอีกฝ่ายกำลังเม้มริมฝีปากเดินมาหานางด้วยสีหน้าราบเรียบแปลกพิกล ทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่พอสมควร
“เจ้า เจ้าจะทำอะไร ?” เซยู่เสียคิดจะก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่นางข้อเท้าเคล็ด ขยับเพียงนิดเดียวความเจ็บปวดก็แทงเข้าไปในหัวใจของนางแล้ว และนั่นทำให้น้ำตาของนางทะลักออกมาอีกครั้งทันทีและนางก็ขยับไม่ได้อีกต่างหาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงต้องมองเจียงป่าวชิงทั้งน้ำตา นางรู้สึกหวาดกลัวจริง ๆ ท่าทางของนางก็เหมือนสาวน้อยจากครอบครัวสุจริตที่ถูกอันธพาลรังแกอย่างไรอย่างนั้น
“แม่นางเจียง…” ฝูฉูอดไม่ได้ที่จะพูดห้ามเจียงป่าวชิง “น้องสาวข้ายังเด็กอยู่ นางยังไม่รู้อะไร โปรดเจ้าจงให้อภัยนางด้วยเถอะนะ”
ในสายตาของฝูฉู เจียงป่าวชิงไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน เนื่องจากน้องสาวของนางเอาแต่ใจถึงได้มาอยู่ในจุดนี้ ไม่แน่เจียงป่าวชิงอาจจะเข้าไปตบน้องสาวของนางก็เป็นได้
เจียงป่าวชิงไม่สนใจฝูฉู นางเดินมาตรงหน้าเซยู่เสีย จากนั้นก็มองเซยู่เสียอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
เซยู่เสียตัวแข็งทื่อ นางพูดขึ้นอย่างอ่อนแอว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร ?”
เจียงป่าวชิงกลับนั่งยอง ๆ จากนั้นก็เลิกกระโปรงของเซยู่เสียขึ้นเล็กน้อยด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปคลำข้อเท้าของนาง “ข้อเท้าเจ้า เคล็ดตรงนี้ใช่หรือไม่ ?”
ที่แท้ก็ดูขาให้นี่เอง
เซยู่เสียผ่อนคลายทั้งตัว นางพูดด้วยเสียงที่ยังคงสะอื้น “ไม่ใช่ อีกข้าง”
เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงบีบข้อเท้าอีกข้างของเซยู่เสียเท่านั้น และพบว่ามันบวมอยู่พอสมควรจริง ๆ ด้วย
เซยู่เสียกรีดร้องเสียงแหลมอย่างน่าเวทนา เจียงป่าวชิงจึงช่วยเซยู่เสียเข้ากระดูกอย่างราบรื่น ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บไปถึงเอ็นกับกระดูก แต่ก็ไม่ถึงกับเดินไม่ได้เลย
แต่ในขณะนั้น ฝูฉูร้อนใจจนผลักเจียงป่าวชิงออก “เสียเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”
ขณะนี้เซยู่เสียกำลังเจ็บ แต่นางกลับส่ายหน้าด้วยน้ำตานองหน้าทั้งอย่างนั้น
ฝูฉูร้อนใจมาก นางลุกขึ้นแล้วต่อว่าเจียงป่าวชิงทันที “แม่นางเจียง น้องสาวข้าเพิ่งอายุสิบสามปีและยังเป็นเด็ก ต่อให้นางจะมีความผิดแค่ไหน เจ้าก็ไม่ควรทำถึงขั้นนี้ ครั้งต่อไปถ้าเจ้าลงมือหนักอีก ข้าคิดว่าเจ้าทำเกินไปจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงถูกฝูฉูผลักจนล้มลงไปบนพื้น เจียงหยุนชานจึงรีบเข้าไปพยุงน้องสาวทันที จากนั้นเขาก็พูดอย่างเจ็บปวดใจ “ป่าวชิง เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม ?”
“พี่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงลุกขึ้นยืนโดยอาศัยพละกำลังของเจียงหยุนชาน จากนั้นก็พูดปลอบเจียงหยุนชานก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถึงจะหันไปมองฝูฉูด้วยสายตาเย็นชา “แม่นางฝูฉู ดูเหมือนว่าพี่จะมีอคติต่อฉันอย่างลึกซึ้ง แม้แต่มองก็ยังไม่มองให้ดี กลับลงผลสรุปก่อนเป็นอย่างแรก”
ตอนนี้ความเจ็บปวดแทงใจของเซยู่เสียจางหายไปแล้ว และนางตระหนักได้ว่าเหมือนข้อเท้าของตัวเองจะไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว นางลองใช้ปลายเท้าแตะพื้น ถึงแม้ว่าจะยังเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเจ็บจนรู้สึกว่าหัวใจกับตับเบียดเข้าด้วยกันแบบในตอนแรก
“พี่ฝูฉู เหมือนว่าข้าจะดีขึ้นนิดหน่อยแล้วนะ” เซยู่เสียพูดกับฝูฉูอย่างดีอกดีใจ
ตอนนี้ฝูฉูถึงจะนึกขึ้นได้ว่าเจียงป่าวชิงสามารถเข้ากระดูกรักษาอาการข้อเท้าเคล็ดได้
“นี่…” ฝูฉูรู้สึกผิดจริง ๆ นางรีบพูดขอโทษเจียงป่าวชิงอย่างเก้อเขิน “แม่นางเจียง ข้ากระวนกระวายไปชั่วขณะ ข้าขอโทษเจ้าด้วยจ้ะ”
ทว่าเจียงป่าวชิงหัวเราะอย่างเย็นชา แม้แต่เจียงหยุนชานเองก็ยังรู้สึกไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก “แม่นางฝูฉู ต่อให้กระวนกระวายแค่ไหน เจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้เลย”
สีหน้าของฝูฉูพลันเปลี่ยนไป ดูราวกับว่านางเพิ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นนางก็มองเจียงหยุนชานอย่างปวดใจ “เจียงหยุนชาน เจ้าเองก็เป็นพี่ชาย เช่นนั้นเจ้าก็คงจะสามารถเข้าใจได้ถึงอารมณ์ร้อนใจหลังจากที่เห็นน้องสาวของตัวเองได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ…?”
เจียงหยุนชานมีสีหน้าลังเลใจ
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ตอนที่ป่าวชิงได้รับบาดเจ็บ ในใจของเขารู้สึกปวดเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นมาคว้าเอาหัวใจออกไป
แต่เจียงป่าวชิงกลับหัวเราะเยาะ จากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบพร่า “พี่ฝูฉูวางท่าได้ยิ่งใหญ่เสียจริง พี่ชายข้าเห็นข้าถูกพี่ผลัก แต่เขากลับไม่ได้เข้าไปผลักพี่เป็นอันดับแรก!”
เพราะความสัมพันธ์อันดีที่ฝูฉูมีต่อเจียงหยุนชาน เจียงป่าวชิงจึงไม่ได้โต้เถียงกับฝูฉูนานแล้ว
เมื่อก่อน ในคำพูดต่าง ๆ มักแฝงความรู้สึกแปลก ๆ อยู่ตลอด แต่ตอนนี้นางกลับจัดการกับฝูฉูตรง ๆ
ฝูฉูหน้าแดงก่ำ นางพูดไม่ออก ทำได้เพียงมองเจียงหยุนชานโดยแสดงถึงการอ่อนข้อ “เจียงหยุนชาน ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แม่นางเจียง ข้าขอโทษนะ”
เจียงป่าวชิงไม่อยากให้เจียงหยุนชานต้องลำบากใจ นางจึงหันกลับไป
และเรื่องนี้ก็ลงเอยเช่นนี้…
ตอนนั้นเอง ในที่สุดพวกองครักษ์ก็ตามมาถึงสักที เมื่อพวกเขาเห็นเจียงป่าวชิง สีหน้าของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง
เดิมทีถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงหายไปก็คงจะเป็นพวกเขาเองที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างน่าเวทนาเมื่อสักครู่ พวกเขาก็คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแม่นางเจียง จึงทำให้พวกเขาตกใจมากและรีบเร่งฝีเท้าตรงมาทางนี้
ฝูฉูมองพวกองครักษ์เหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือองครักษ์ที่คอยปกป้องท่านชายของนางอยู่ในที่มืด นางจึงมีสีหน้าดีใจทันที “โอ้!… ไม่คิดว่าท่านชายจะส่งพวกเจ้าให้ออกมาตามหาข้าด้วย”
.