ตอนที่ 238 เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 238 เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

โชคดีที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี ไม่รู้ว่าตัวของเขานั้นหนาวเย็นหรือว่าใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วกันแน่

ทันทีที่เธอออกมาจากลิฟต์ เธอก็ดึงเขาออกไปที่ข้างนอก ถึงแม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เจ้าของใบหน้าที่แสนเย็นชานั้นก็ยังยอมให้เธอลากเขาออกไปได้ง่าย ๆ

หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว จิ่งเป่ยเฉินก็นั่งลงข้าง ๆ เธอ ในมือของเขายังคงเล่นสเปรย์ต่อต้านพวกหื่นกระหายนั้นอยู่ เขาเอียงคอมองไปที่เธอเล็กน้อย ดวงตาสีดำที่มืดมิดพลันดูส่องสว่างเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมา

แต่ว่ามุมปากที่ห้อยลงมาเล็กน้อยของเขากลับเผยอารมณ์ของเขาออกมา ดูโกรธ…โกรธจนผิดปกติ

เธอไม่เป็นอะไรก็น่าจะโอเคแล้วนี่ แล้วเขาจะโกรธทำไมกัน?

“จิ่งเป่ยเฉิน นี่ถือเป็นความผิดของนายนะ ถ้านายไม่มาช่วยฉันละก็ ถ้าหากว่าฉันเกิดเรื่องอะไรขึ้น นายจะทำยังไง นายยังจะมาโกรธอีกนะ คนที่โกรธควรเป็นฉันมากกว่า!” เรื่องที่โกรธย่อมไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านั้นเธอก็ยอมให้เขามาค่อนข้างเยอะแล้ว

ตอนนี้เธอปล่อยให้เขาได้ใจมากเกินไป ถ้าเกิดไม่คิดจะงัดข้อกับเขาบ้างก็คงถูกเขารังแกอยู่วันยันค่ำแน่ ๆ

เธอหันหน้าหนีไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าตั้งแต่เด็กเธอจะเติบโตราวกับนกน้อยในกรงทอง แต่หลังจากเกิดเรื่อง การใช้ชีวิตต่าง ๆ รวมถึงเสื้อผ้าและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ก็ล้วนเคยชินกับการทำเองมาโดยตลอด

ถ้าหากไม่ใช่อย่างนั้น คืนนั้นในวันเกิดของโอวหยางลี่กับเหลียวเว่ย เธอก็คงขอความช่วยเหลือจากเขาไปแล้ว คงไม่คิดจะหนีลงจากเรือไปคนเดียวหรอก

หลังจากที่ได้เผชิญชีวิตมาตลอดห้าปี มันก็ทำให้เธอกลายเป็นนิสัยแบบนี้ เธอสามารถปกป้องตัวเองได้โดยไม่ต้องให้เขามาเป็นห่วง และไม่ต้องไปรบกวนเขาด้วย

เมื่อครู่ที่บอกกับเขาไป เพราะคิดว่าเธอสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นสถานการณ์แบบนี้ไปได้

เธอได้ยินเสียงของหนักที่ตกลงมาก แม้ยังไม่ทันหันกลับไปมอง จู่ ๆ เธอก็ถูกเขากอดจากด้านหลัง ความรู้สึกสบาย ๆ แบบนี้มันช่างแตกต่างจากโอวหยางลี่ที่โอบเธอเมื่อตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง

ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

ตรงกันข้าม มันกลับทำให้เธอยิ่งรู้สึกชอบเสียมากกว่า

เขาขยับเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวเข้ามาตรงหน้า ก่อนกอดเธอไว้อย่างแน่นหนาพลางก้มหน้าก้มตาลูบไล้ผิวขาว ๆ ของเธออย่างแผ่วเบา

เขาควรจะโกรธเธอไม่ใช่หรือไง? อย่างน้อยก็สักนิด แต่เขากลับโกรธตัวเองเสียมากกว่าที่ไม่ได้อยู่ดูแลปกป้องเธอ และพาเธออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้น

“โหรวโหรว หลังจากนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแล้ว” เขาตัดสินใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ต่อไปถ้าอยู่ข้างนอกเขาจะต้องไปกับเธอด้วย

“เพราะงั้นอย่าโกรธกันเลยนะ” เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยมองไปที่หน้าของเธออย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าตอนนี้จ้องมองไปที่ตัวตนของเธอ ไม่ใช่เครื่องสำอางที่ปกปิดเอาไว้

“นายบอกไม่โกรธก็ไม่โกรธหรือไง คิดว่าฉันเกลี้ยกล่อมง่ายขนาดนั้นเลย? ทำไมตอนโกรธนายไม่พูดให้มันง่าย ๆ กว่านั้นกัน!” แต่เดิมทีเธอก็ไม่ได้โกรธอะไร เมื่อครู่พูดไปแบบนั้นก็ไม่ได้หวังให้เขาหายโกรธเลย แต่ใครจะรู้ว่าได้ผลจริงๆ ทุกอย่างกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว

แน่นอนถ้าหากรู้ถึงเหตุผลของเรื่องราว บอกเหตุผลไปจริง ๆ ก็ย่อมมีประโยชน์เสียมากกว่า

“งั้นเธอก็โกรธเถอะ!” เขากอดเธอและรอให้เธอค่อย ๆ คลายความโกรธอย่างช้า ๆ

“นายปล่อยฉันได้แล้ว! มันร้อน!” เธอขยับเล็กน้อยและมองไปที่มือเรียวยาวของเขา

ถ้าหากตอนนั้นจิ่งเป่ยเฉินปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ สัญญาที่พวกเขาเซ็นตกลงกันก็คงได้พังทลายลงแน่ ๆ!

เขาจะปล่อยเธอออกไปได้ยังไงกัน อีกอย่างตอนนี้มันฤดูใบไม้ร่วง ไม่ร้อนหรอก กลับหนาวเสียด้วยซ้ำ

เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายของตัวเขาที่วนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวของเธอ ทุกการเคลื่อนไหวของมือเขากระชับแน่นขึ้นเสียจนเธอขยับไปไหนไม่ได้

“จิ่งเป่ยเฉิน!”

“อืม” เขาไม่ได้เปิดปาก เพียงแค่ครางตอบรับเบา ๆ

เธอเองก็ไม่ได้โกรธ เธอเอียงศีรษะมองออกไปยังดวงไฟด้านนอก เมืองนี้เธอใช้ชีวิตมานาน แน่นอนว่าเธอเองคุ้นเคยเป็นอย่างดีโดยเฉพาะผู้คนที่นี่

“ในตอนแรกนายถามว่าทำไมฉันถึงไม่มาเจอนายก่อน! ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะไม่ทำเป็นไม่สนใจนาย ฉันจะต้องชอบนายแทน และไม่ชอบเขา!” เธอเพิ่งเริ่มคิดพิจารณากับเรื่องนี้ เมื่อคิดไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งรู้สึก หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะต้องล้างตาตัวเองเป็นแน่

“สายตาของเธอก่อนหน้านี้ดูแล้วน่าเป็นห่วงจริง ๆ” เขาเอ่ยปากอย่างช้า ๆ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสุขที่ล้นปรี่

แต่เขานั้นไม่อยากจะย้อนคิดกลับไปเลย การย้อนคิดอีกครั้งแบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเร็ว ๆ นี้ อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดเหล่านั้น ถ้าหากเกิดอีกครั้งจะทำยังไง ตอนนี้ก็ถือว่าดีแล้ว อุปสรรคที่มี เขาล้วนแล้วตัดมันทิ้งออกไปจนหมด

“ชิ!” เธอตอบโต้กลับอย่างไม่พอใจ แต่มือขวากลับวางลงบนหลังมือของเขา “ตอนนี้สายตาของฉันดีแล้วเถอะ แต่ว่าสายตานายนี่สิ จุ๊ ๆ………….”

เธอหมายความว่ายังไงกัน?

สายตาของเขานั้นหมายถึงสามารถมองเห็นเธอที่จงใจปลอมตัวอย่างนั้นเหรอ?

“สายตาของฉันไม่เคยพลาด” เมื่อก่อนเป็นเธอ ตอนนี้ก็ยังคงเป็นและจะเป็นเธอตลอดไป

ภายในใจของเธอเต้นตึกตัก นิ้วของเธอเคาะไปบนหลังมือของเขา ก่อนจะพูดต่อว่า “ถึงแม้ว่าจะพูดไปแบบนั้น แต่ฉันก็ยังโกรธอยู่ดี”

นิ้วของเธอวางบนหลังมือของเขาอีกครั้ง นิ้วนางของเขาโก่งขึ้นมาเล็กน้อยและกดทับไปที่นิ้วของเธอ

“นายอย่าคิดว่าฉันจะไม่โกรธนายนะ ฉันจะบอกนายให้ มันไม่ได้ผลหรอก!” ครั้งนี้เธอไม่มีทางยอมประนีประนอมง่าย ๆ แน่ อย่างน้อยก็ต้องวันพรุ่งนี้ถึงจะค่อยหายโกรธ

เขาค่อย ๆ ปล่อยนิ้วมือของเธออย่างช้าๆ แต่ก็ยังจับมือและยังคงกอดเธอเอาไว้อยู่ พลางแอบคิดวางแผนจะอุ้มเธอกลับออกไปด้วย

เมื่อรถหยุดลงตรงหน้าของวิลล่า เสี่ยวหยางก็ลงมาเปิดประตูรถให้ เธอก้มหน้าก่อนจะมองไปที่มือที่โอบเอวของเธออยู่ “จิ่งเป่ยเฉิน นายจะปล่อยฉันได้หรือยัง? หรือคิดจะอุ้มฉันออกไปด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็ยังคงโกรธอยู่”

ภรรยาที่โกรธเคืองแบบนี้ ยังไงก็ต้องได้รับการง้อ

เพราะงั้นเขาเลยคิดจะอุ้มเธอออกไปด้วยกันเสียเลย

อันโหรวที่ตอนนี้พูดอะไรไปก็คงหนีไม่พ้น ทำได้แค่ยอมให้เขาอุ้มออกจากรถและเดินตรงไปข้างใน เธอเงยหน้ามองไปที่เขา “หึ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นไปแล้ว ตอนนี้มาอุ้มฉันจะได้อะไรกัน ในใจของฉันก็แอบกลัว น่าโมโหมาก! เพราะงั้นคืนนี้นายไปนอนที่อื่นซะเถอะ!”

เมื่อเธอพูดจบพวกเขาก็เข้าไปด้านในห้อง ทางด้านหยางหยางและหน่วนหน่วนเองก็นอนหลับไปนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าเธอกับจิ่งเป่ยเฉินจะกลับดึกอีกต่อไป

“เธอจะโกรธฉันจริง ๆ เหรอ?” เขาอุ้มเธอขึ้นบันไดโดยไม่แม้แต่เหล่มอง

“แน่นอนว่าโกรธจริง หรือว่านายคิดว่าฉันแกล้งทำ? ฉันไม่ใช่คนน่าเบื่อขนาดนั้นหรอกนะ โกรธที่ตัวเองต้องเจ็บตัวนี่แหละ” แม้ว่าเธอจะแกล้งทำ แต่การแกล้งของเธอก็ใส่อารมณ์เสริมเข้าไปด้วย

เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าตัวเธอโกรธมากนะ โกรธมากจริง ๆ นะ

เธอรอคำตอบของจิ่งเป่ยเฉินอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาอุ้มเธอเดินเข้าไปในห้อง เป้าหมายที่อุ้มมาคือเตียงขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้อง ซึ่งนั่นทำให้เธอแอบตกใจ

เธอไม่ได้บอกว่าเธอโกรธหรอกเหรอ หรือว่าเธอจะแกล้งทำท่าโกรธไม่พอ?

เธอแสร้งทำเป็นสงบ ก่อนจะพูดว่า “อืม นายปล่อยฉันลงได้แล้ว ทีนี้นายก็ไปได้แล้ว!”

จิ่งเป่ยเฉินวางเธอลงจริง ๆ แต่เขาก็โน้มตัวลงไปนอนไม่ได้ไกลมาก ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เธอเรื่อย ๆ และนอนทับตัวของเธอพร้อมกับกดเธอไว้

“นายออกไปนะ! คืนนี้ห้องนอนของนายไม่ได้อยู่ที่นี่!” เธอชี้ไปที่ประตูอีกครั้ง แต่เขากลับไม่สนและไม่ทำความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย

จิ่งเป่ยเฉินมองเธออย่างละเอียดอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “โหรวโหรว เธอไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งบ้างเลยเหรอ?”

“ไม่เคย ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นายออกไปได้แล้ว ไม่งั้นละก็ พรุ่งนี้ฉันจะฟ้องหยางหยางกับหน่วนหน่วนว่าตอนอยู่ข้างนอกนายไม่ได้ปกป้องฉันเลย เกือบถูกคนไม่ดีรังแก” เธออยู่กับลูก ๆ มาหลายปี แน่นอนว่าเด็ก ๆ ต้องช่วยเธออยู่แล้ว

มือของเขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เอวของเธอ ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปถอดแว่นตาเก่า ๆ ของเธอออก มุมปากเขายกขึ้นมาและพูดอย่างช้า ๆ ว่า “พานพบเพียงครั้งเดียวก็มลายความแค้น[1]”

“เจ้าบ้า!” ทำไมเธอจะไม่เคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน!

เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเธอ และยังพูดต่ออีกว่า “ถ้าหากไม่ได้หนึ่งครั้ง งั้นก็สองหรือสามครั้งก็ได้ ฉันไม่ถือสานะ”

[1] หมายถึง ต่อให้เกลียดชังกันมากแค่ไหน ก็สามารถแก้ไขมันได้เพียงแค่ครั้งเดียว