ตอนที่ 239 คับข้องใจ
“นายไม่ถือ แต่ฉันถือ!” คนที่ต้องโมโหคือเธอ จะมลายความแค้นหรือไม่ก็ควรเป็นเธอที่ต้องพูดคำนี้!
แต่คนตรงหน้าฟังเธอที่ไหน ตัดสินใจจะใช้วิธีนี้หรือใช้วิธีอื่นที่ดูไม่น่าเชื่อถือมาแสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้ง
“จิ่งเป่ยเฉิน นายอย่ามามากเกินไปได้ไหม!” เสื้อผ้าบนตัวเธอตอนนี้ถูกเขากระชากออกไปกองอยู่บนพื้น เธอจึงรีบตะโกนร้องออกมา
เขาก้มศีรษะลงไปจูบเธออย่างอบอุ่น คืนนี้เขาตัดสินใจใช้วิธีนี้เป็นการขอโทษ
อันโหรวรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้โกรธ ไม่ได้แกล้งเสแสร้ง แต่ผลสุดท้ายกลับพาตัวเองมาตกหลุมพราง!
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน” เธอใช้ช่องว่างเอ่ยออกมาอย่างลังเล
“หือ?” เวลานี้รอไม่ไหวแล้ว
“ถุง……” เธอเอ่ยออกมาหนึ่งคำ ช่วงเวลาสองสามวันนี้น่าจะเป็นช่วงอันตรายรอบเดือนของเธอ หากไม่ใส่ถุงก็รีบออกไป เธอใช้ขาของเธอดันเขาออก!
จิ่งเป่ยเฉินขยับตัวเองออกเล็กน้อย รีบเปิดลิ้นชักบนหัวเตียงนอนออกและหยิบของออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นให้เธอ “สำหรับเธอ”
เธอกำของนั้นไว้ในมือ คิดที่อยากทุบจิ่งเป่ยเฉินจริง ๆ ของอันนี้ให้เธอใช้หรือยังไง?
เขาต้องใช้ ไม่ใช่เธอสักหน่อย!
แต่ว่าเพื่อป้องกันให้พลาดท้อง เธอจึงยอม………..
ตอนนี้เธอเองก็เริ่มจะโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
มืออีกข้างถูกเขาจับกุมไว้ จะใช้มืออีกข้างฉีกออกมายังไง?
สักพักเธอจึงใช้ปากของตัวเองฉีกมันด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ ทันทีที่ใช้ปากกัดและฉีกมันออกก็ทิ้งลงตรงหน้าเขา พลางพูดคำพูดที่เขาเพิ่งพูดกับเธอไป “สำหรับนาย”
เขารับมันมาอย่างมั่นคงพลางก้มลงมองหน้าเธอใกล้ ๆ “ที่รัก เธอว่ากี่ครั้งดีเธอถึงจะใจเย็นลง?”
เธอเบิกตากว้างมองไปที่เขา พร้อมกัดฟันพูด “ครั้งเดียว”
“เพื่อแสดงความจริงใจของฉัน ฉันจะพยายามทำหลาย ๆ ครั้งเลย”
หลายครั้งกับน้องสาวนายสิ!
ทำไมเธอถึงได้ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยพออย่างนี้กันนะ!
เธอพยายามคลี่รอยยิ้มออกมา “ที่รักคะ ได้โปรดควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยได้ไหม?”
เขาปฏิเสธเธออย่างไม่สบอารณ์ “ไม่ได้!”
เธออยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา หวังว่าจูบสามีจะช่วยยับยั้งความชั่งใจตัวเอง และต่อไปนี้เธอจะไม่ผลีผลามโกรธแล้วอย่างแน่นอน
เช้าวันรุ่งขึ้น เนื่องจากคำร้องขอโทษจากใครบางคนที่ร้อนแรงเล่นซะอันโหรวต้องนอนอยู่เตียงอย่างเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เธอควรเตรียมตัวไปทำงานได้แล้ว
เมื่อฟังเสียงภายในห้องที่เงียบสงบก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ แต่เธอกลับไม่คิดอยากจะลืมตาเลยสักนิด ก่อนจะบ่นพึมพำไปว่า “ฉันไม่อยากไปทำงานเลย”
“อืม ก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ” เขาก้มหัวลงจูบหน้าผากเนียน ๆ ของเธอ ก่อนจะลุกออกจากเตียงไป
“ทั้งหมดเป็นความผิดของนาย นายทำให้ฉันโก…” อีกคำพูดหนึ่งกลับติดเงียบอยู่ในปาก ไม่กล้าเอ่ยออกมา จึงกลืนคำเข้าไป และทำได้แค่ถลึงตาใส่แทน
เมื่อมองเห็นจิ่งเป่ยเฉินยืนอยู่ข้างเตียง ท่าทางการพูดแบบนั้น เหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่างออกมา เขาคิดอยากให้เธอพูดต่อ เพราะเขามีวิธีจัดการไม่ให้เธอโกรธอยู่
เธอเหลือบสายตามองไปที่เขา ก่อนจะปิดตาลงอีกครั้ง
เธอพลิกตัวอย่างช้า ๆ เอวที่เจ็บปวดเพราะคำขอโทษจากใครบางคนมันดูจริงจังจนเกินไปจริง ๆ!
จิ่งเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ข้างเตียงมองเธอที่ไม่เอ่ยแม้แต่คำพูดใด ๆ ออกมา เขาพลิกแขนของเธอที่โผล่ออกมาด้านนอก ก่อนจะโน้มตัวจับแขนของเธอเข้าไปในผ้าห่มแล้วหันหลังกลับไปล้างหน้าล้างตา ครั้งนี้เขาออกไปจริง ๆ แล้ว
เวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ แน่นอนว่าเธอไม่ได้นอนต่อ บางครั้งตัวเขานั้นก็ค่อนข้างระมัดระวังจริง ๆ
เห็นได้ชัดเจนว่าเธอนั้นโกรธกับวิธีการขอโทษของเขา แต่ทำไมเธอถึงได้ยิ้มออกมาแบบนี้ เพราะการกระทำครั้งนี้มันก็ชวนให้น่ายิ้มจริง ๆ นั่นแหละ
จิ่งเป่ยเฉินที่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยได้เดินกลับมาที่ข้างเตียงอีกครั้ง แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงสาดส่องผ่านหน้าต่างไปยังใบหน้าที่หลับอย่างสงบของเธอ เผยให้เห็นใบหน้าขาวสะอาดที่งดงามราวกับเหมือนจะเผยรอยยิ้มออกมา คล้ายว่าเธอกำลังฝันถึงเรื่องอะไรบางอย่าง
ในฝันของเธอจะมีเขาอยู่หรือเปล่านะ?
เขายืนอยู่ข้างเตียงและมองดูเธอสักพักหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ
ภายในห้องประธานบริษัท
ฉีเซิงเทียนที่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงข้ามกับจิ่งเป่ยเฉิน เขากำลังมองดูคนตรงหน้าที่กำลังอ่านเอกสารอย่างจริงจัง ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาและพูดว่า “พี่เฉิน พี่กับเลขาอันคบกันมานานแล้วใช่ไหม! แบบนั้นพวกเราควรมากินข้าวกันแบบจริงจังหน่อยเป็นไง แนะนำให้รู้จักแบบทางการไปเลย?”
จิ่งเป่ยเฉินที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ได้เงยหน้ามอง แต่พูดตอบกลับไปว่า “รอฉันถามความเห็นจากเธอก่อน”
“ง่ายนิดเดียว ฉันจะถามแทนพี่ให้เอง!” เขาลุกขึ้นจากที่ีนั่งเพื่อเดินออกไปข้างนอก พลางรู้สึกได้ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ต้องถามความเห็นของผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอ พี่เฉินดูเคารพภรรยาคนนี้เกินไปแล้ว!
ขณะที่เขากำลังคิดเพลิน ๆ เสียงของจิ่งเป่ยเฉินก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เธอไม่ได้มาทำงานหรอก”
เขาหันกลับไปมอง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมอีกครั้งและพูดว่า “ไม่ได้มาทำงาน? หรือว่าสัญญาของบริษัทโอวหยางกรุ๊ปนั้นจะยังไม่ได้ลงนาม? หรือว่าพี่มอบหมายงานใหม่ให้กับเธอไปแล้ว?”
อันอีหานนับว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่เลว มีความสามารถทำได้หลายอย่างจริง ๆ
ไม่เพียงแต่จะเข้าทำงานมาในฐานะพนักงานของแผนกวางแผนเท่านั้น แต่ยังเป็นถึงหัวหน้าเลขาของจิ่งเป่ยเฉิน อีกทั้งยังช่วยจิ่งเป่ยเฉินจัดการปัญหาต่าง ๆ ทั้งการทูตและการเจรจาต่าง ๆ ก็ยกให้กับเธอเป็นคนจัดการ
เมื่อกล่าวถึงกลุ่มโอวหยางกรุ๊ป จิ่งเป่ยเฉินก็รู้สึกราวกับมีไฟถูกจุดขึ้นมาในใจ
เรื่องนิสัยของอันโหรวเขาเข้าใจดี ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้คงไม่สะบัดมือเดินจากไปหรอก แทบไม่รู้จักพึ่งพาเขาแบบนั้น
ตอนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่านั้น แม้จะแต่งงานกันแล้ว แต่ก็ยังคงจัดการทุกอย่างเองอยู่อีก ไม่เอาเขาเข้ามาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
เรื่องของหานเซียวถ้าหากไม่ใช่ว่าตอนหลังโดนเขากดดัน เธอก็คงคิดว่าแก้วยาเม็ดนั้นไม่มีรอยนิ้วมือของเธอไปแล้ว เรื่องมันจะโชคดีเกินคาดขนาดนั้นหรือยังไง?
ยังดีที่เรื่องนี้เขาจัดการได้ค่อนข้างง่าย แค่ส่งคนร้ายสองคนนั้นไป ไม่เพียงแต่ทั้งสองคนจะทำงานสำเร็จ แต่พวกเขาก็ต้องเสียชีวิตเพราะพวกมัน
พวกมันสมควรตายนัก!
“พี่เฉิน สีหน้าพี่ไม่น่าดูเลย? ไม่สบายหรือเปล่า ไปโรงพยาบาลหน่อยไหม?” ฉีเซิงเทียนจำได้ว่าคุณนายจิ่งในตอนนั้นบอกให้จิ่งเป่ยเฉินไปที่โรงพยาบาลเป็นประจำ
ถึงแม้ว่าจะพูดถึงเรื่องปัญหาพวกนั้น แม้แต่อันอีหานก็พลอยฟุบหลับไป ทางด้านพวกนั้นน่าจะไม่มีปัญหา
จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้ามองไปที่เวลาตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์และพูดว่า “ตอนบ่ายสามมีงานแสดงเครื่องประดับที่จินเซ่อ ผู้ออกแบบคือวิเวียน ไปจัดการเธอให้เรียบร้อยด้วย!”
เท่าที่เขาทราบมา ตั้งแต่ที่วิเวียนอยู่ต่างประเทศ โอวหยางลี่ก็ได้เข้าหาเธอ เพื่อหวังจะให้เธอช่วยปั้นผลิตภัณฑ์และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มโอวหยางกรุ๊ปในฐานะราชินีนักออกแบบ
เพียงแต่ว่าคนคนนั้นต้องกลายเป็นของบริษัทจิ่งแต่เพียงผู้เดียว
“พี่เฉิน เรื่องนี้ค่อนข้างยากไปนะ! ถ้าหากผมจำไม่ได้ผิดละก็ วิเวียนตอนนี้อายุปาเข้าไปสี่สิบแล้ว พี่จะให้ผมไป….จัดการเธอเนี่ยนะ?” เขาก้มศีรษะลงและมองไปที่เขา ก่อนที่ใบหน้าจะแสดงความขมขื่นราวกับคาดหวังไม่ให้คนตรงหน้าพูดเรื่องจริง
“ช่วงนี้นายกินแต่สมองหมูมาหรือไง?” ที่เขาพูดนี่มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?
“พี่เฉิน ผมเข้าใจความหมายของพี่นะ ทำเรื่องสนุก ๆ บันเทิงให้เสริมสร้างบรรยากาศสินะ! ดูหน้าตาของพี่สิ ดูดีขึ้นเยอะ เลย ผิวพรรณก็ดี สีหน้าก็แดงก่ำอีก อืม อย่าโกรธกันเลยนะ!” ปฏิกิริยาแรกของเขา ตอนแรกเขาคิดความหมายเรื่องพวกนั้นจริง ๆ นะ
“ช่างเถอะ ฉันไปคนเดียวก็ได้” หากฉีเซิงเทียนไป เกรงว่าคงดูไม่น่าเชื่อถือแน่ ๆ
“พี่เฉิน ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็นจริง ๆ นะ ผมไปเองได้ เชื่อเถอะ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้จะรบกวนพี่ทำไมกัน! ก็แค่วิเวียนเอง! จัดการให้เสร็จเพียงไม่กี่นาที ค่ำคืนนั้น……” กินข้าวดีกว่า! ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นอันอีหานมาที่บริษัท แต่ความรู้สึกมันกลับดูแตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน
“เธอจัดการยากนะ” เพราะข้อเสนอของโอวหยางลี่ก่อนหน้าที่เธอจะกลับมา เธอก็ได้กลายเป็นคนออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มโอวหยางกรุ๊ปไปตั้งนานแล้ว
“ก็แค่ผู้หญิง ให้ผมจัดการก็ได้นี่? ขอแค่ไม่ใช่แม่ก็พอแล้ว!” ฉีเซิงเทียนตบโต๊ะอย่างจริงจังและพูดต่อว่า “ผมไปเอง ผมรับรองได้เลยว่าต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ”
ที่งานจัดแสดง