ตอนที่ 247 ของฉัน / ตอนที่ 248 แบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการตบหน้าแม่ของเธอหรอกเหรอ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 247 ของฉัน

 

 

เวลานี้หน้าประตูร้านเต็มไปด้วยผู้คนที่มาห้อมล้อมรอดูบทสรุปของละครฉากนี้

 

 

ท่ามกลางกลุ่มคนที่มามุงดู สวี่ชิงจือกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร้านไว้…

 

 

ความจริงแล้ว เธอมาทันเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่หลินเฟยเฟยพูดว่า ‘ของเซ็ทนี้เป็นของที่เชียนโหรวเจาะจงมาว่าอยากได้ ตอนนี้เธอเรียกได้ว่าเป็นว่าที่คุณผู้หญิงแห่งซูซื่อเลยนะ เธอแน่ใจนะว่าจะทำผิดต่อสกุลเฉินเพียงเพื่อผู้หญิงแบบนี้’ แล้ว

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์ เธอเพียงแต่ยืนกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้พุ่งเข้าไปในทันที

 

 

มาคิดๆ ดู นี่ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเอาอกเอาใจบอสใหญ่บางคน ตั้งแต่เมื่อคืนที่เธอได้เบอร์โทรศัพท์พวกวิปริตคนหนึ่งมา เธอก็รีบส่งคำขอเพิ่มเพื่อนโดยไม่ลังเล

 

 

หลังจากที่หมายเหตุไว้ว่า [ฉันคือสวี่ชิงจือ] คำขอเป็นเพื่อนก็ได้รับการยืนยันทันควัน

 

 

เมื่อได้เพิ่มเพื่อนกันเรียบร้อยแล้ว ด้วยความกลัวว่าข้อมูลของบอสใหญ่จะหลุดลอดออกมา เธอจึงตั้งหมายเหตุชื่อเอาไว้ด้วยความรอบคอบว่า ‘ป๋าบุญทุ่ม’ แต่หลังจากนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ‘บุญทุ่ม’ คำนี้เหมาะจะให้เฉินฝานซิงใช้เรียกมากกว่า ถ้าหากเธอเป็นคนใช้เองแล้ว คงจะฟังดูพิลึกไม่น้อย

 

 

ดังนั้นเธอคิดตรึกตรองอยู่หลายวินาที ก่อนจะเปลี่ยนจากคำว่า ‘ ป๋าบุญทุ่ม’ เป็น ‘ป๋าวิปริต’

 

 

ใช่ ช่วยไม่ได้ ป๋อจิ่งชวนก็คือ ‘ป๊ะป๋า’ ของเธอในตอนนี้  ถ้าหากทำดีเอาอกเอาใจเขาได้ อย่างนั้นแล้ว การที่จือชิ่นของเธอจะได้ขึ้นห้างในเครือป๋อซื่อจะไปไหนเสียได้

 

 

หลังจากที่เพิ่มเพื่อนสำเร็จแล้ว เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบวีดีโอคอลหาฝ่ายตรงข้ามทันที

 

 

 ผลปรากฏว่าถูกปฏิเสธจนได้

 

 

ไม่นานนัก ป๋อจิ่งชวนก็ส่งข้อความกลับมา [เธอจะทำอะไร]

 

 

สวี่ชิงจือ [มีธุระไง รับวีดีโอคอลหน่อย]

 

 

ป๋อจิ่งชวน [หยุดความคิดนี้ซะ ผมไม่มีทางชอบคุณ]

 

 

 สวี่ชิงจือบีบโทรศัพท์ในมืออย่างแรง อดมองบนไม่ได้

 

 

วิปริตไม่พอ แถมยังเป็นพวกหลงตัวเองอย่างหนักอีกต่างหาก

 

 

[คุณคิดมากไปแล้ว เฉินฝานซิงกำลังถูกกลั่นแกล้ง ไม่อยากรู้ก็ช่าง]

 

 

สองวินาทีให้หลัง เสียงโทรศัพท์ของสวี่ชิงจือก็ดังขึ้น ป๋อจิ่งชวนเป็นฝ่ายวีดีโอคอลหาเธอเสียเอง

 

 

“ชิ”

 

 

สวี่ชิงจือส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ก่อนจะกดรับสาย

 

 

หลังจากสายวีดีโอคอลต่อติดแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาเกินต้านทานของป๋อจิ่งชวนก็ปรากฏสู่สายตาในทันที พลังทำลายล้างรุนแรงเกินไปจนเธอต้องปรับหน้าจอวีดีโอเป็นหน้าจอเล็ก

 

 

ดูเหมือนเขากำลังนั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ในห้องหนังสือ ขณะนี้เขากำลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

 

“อย่าให้ผมดูหน้าคุณ ผมจะดูเฉินฝานซิง”

 

 

“…”

 

 

สวี่ชิงจือแอบกัดฟันกรอด แต่จากกฎขั้นพื้นฐานคือไม่ควรผิดใจกับ “ป๊ะป๋า” เธอจึงสลับเป็นกล้องหลังให้เขาแต่โดยดี

 

 

หลังจากนั้นก็เป็นคำพูดของเฉินฝานซิง

 

 

“ส่วนเรื่องที่ฉันอยากจะเรียกร้องขอซูเหิงคือน่ะเหรอ เหอะ…”

 

 

“ฉันเสียทั้งเวลา แรงใจ เงินทองเลือกของที่ถูกใจ เพื่อจะเอามันไปง้อผู้ชายที่ฉันไม่ต้องการแล้วอย่างนั้นเหรอ แบบนี้มันต่างอะไรกับการที่ฉันเอาเงินไปโยนในกองขี้ล่ะ ก็มีแต่พวกเธอนั่นแหละที่คิดว่าเขาเป็นอาหารที่แสนหอมหวาน”

 

 

 

 

 ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้ว ใบหน้าที่เย็นชามาโดยตลอดของเขายกยยิ้มมุกปากจางๆ ออกมา

 

 

“แล้วคุณก็ยืนดูเธอโดนรังแกอยู่แบบนี้น่ะเหรอ” ป๋อจิ่งชวนพูด

 

 

“รังแก? คุณไม่รู้เหรอว่าเฉินฝานซิงของฉันน่ะ สุดยอดแค่ไหน บอกไม่ได้หรอกว่าใครรังแกใครกันแน่”

 

 

“…ของฉันงั้นเหรอ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมากะทันหัน แต่สายตากลับจดจ้องไปยังที่ที่หญิงสาวยืนอยู่อย่างไม่วางตา ท่าทางของเขาดูสบายๆ ไม่รีบร้อนแววตาเต็มไปด้วยความสนใจ จ้องมองไปยังเรือนร่างเพรียวบางของเฉินฝานซิงด้วยความเคลิบเคลิ้ม

 

 

ช่างสวยเหลือเกินจริงๆ

 

 

 สวี่ชิงจือสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดให้ได้ หมดคำพูดแล้วจริงๆ

 

 

เป็นตากล้องให้เขาไปอย่างเงียบๆ น่ะดีแล้ว

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 248 แบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการตบหน้าแม่ของเธอหรอกเหรอ

 

 

ผู้จัดการยกหน้าที่ห่อสินค้าให้กับพนักงานคนอื่น ระหว่างที่เดินออกมาก็เห็นว่าบัตรของเฉินเชียนโหรวรูดสำเร็จพอดี  ทันเห็นเหตุการณ์ตอนที่แคชเชียร์ยื่นบัตรคืนให้เธอด้วยรอยยิ้ม

 

 

ทำให้ใจของเธอเต้นตุบตุบตุบไม่หยุด สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว!

 

 

หลังจากที่เฉินเชียนโหรวรูดบัตรชำระเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามาข้างๆ เฉินฝานซิง แล้วพูดเสียงอ่อน “พี่คะ ฉันซื้อเสร็จแล้วค่ะ อันที่จริง พี่ไม่ซื้อก็ได้นะคะ ซื้อของพวกนี้มันเป็นความสมัครใจของฉันเอง คุณปู่ คุณย่า แล้วก็คุณพ่อ หลายปีมานี้ พวกท่านดูแลฉันอย่างดี ซื้อของพวกนี้ให้ท่านก็ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ฉันควรจะทำ ฉันไม่เคยคิดจะแข่งกับพี่เรื่องใครมีเงินเยอะกว่ากันเลย ยังไงฉันก็รู้สถานการณ์ของพี่ดี…”

 

 

พูดจบ เธอก็ส่งยิ้มออกมาด้วยท่าทางอ่อนโยนและใจกว้าง ฟังดูเหมือนกำลังหวังดีพยายามหาทางออกที่สวยงามให้เฉินฝานซิง แต่จริงๆ แล้วคือกำลังบอกให้เธอถอดใจยอมแพ้ไปเองสินะ

 

 

ทั้งยังถือโอกาสเน้นย้ำสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักของเธออีกด้วย

 

 

ตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์แบบไหน

 

 

พวกเธอทุกคนต่างก็คิดว่าเฉินฝานซิงเป็นสาวน้อยผู้อาภัพที่ถูกไล่ออกมาจากบ้าน เป็นเพียงนกยูงที่พยายามจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นหงส์ เป็นผู้หญิงที่ขอเพียงแค่เป็นผู้ชายที่มีเงินเธอก็ยินยอมพร้อมใจที่จะไปกับเขาได้ทันที

 

 

คำพูดของเฉินเชียนโหรว ทำให้ทุกคนมองเฉินฝานซิงด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามมากกว่าเดิม

 

 

เฉินฝานซิงเหลือบสายตาไปมองบัตรที่อยู่ในมือของเฉินเชียนโหรวปราดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างเย็นชา

 

 

“ดูเหมือนทรัพย์สินส่วนตัวเองของเธอจะเยอะใช่เล่น ไหนเขาว่ากันว่าหลันอวิ้นกำลังมีปัญหาทางการเงินไม่ใช่เหรอ ฉันคิดว่ายี่สิบล้านน่าจะช่วยอะไรได้บ้างไม่น้อย แทนที่จะให้ของพวกนี้กับคุณนาย เธอเอาเงินพวกนี้ไปให้คุณนายโดยตรงเลย เธอคงจะดีใจกว่า”

 

 

สีหน้าของเฉินเชียนโหรวเปลี่ยนไปทันที

 

 

ให้ตายสิ!

 

 

เธอมัวแต่คิดกังวลเรื่องแผนการของนังแพศยาคนนี้ แต่กลับลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย

 

 

ที่แท้ ก่อนหน้าที่เธอพูดอะไรออกมาเยอะขนาดนั้น เพราะว่ากำลังรอเธอทำแบบนี้อยู่งั้นเหรอ

 

 

เธออยากจะให้เรื่องทรัพย์สินตัวของตัวเองรู้ถึงหูคุณย่าสินะ

 

 

 เมื่อคิดถึงตรงนี้ อาการกังวลใจคิดไม่ตกของเธอก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงมาได้บ้าง

 

 

“บริษัทก็คือบริษัท ฉันก็คือฉัน ฉันใช้เงินของตัวเองตอบแทนบุญคุณท่าน ฉันคิดว่าคุณย่าต้องดีใจแน่ค่ะ”

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ

 

 

“งั้นเธอก็ตอบแทนบุญคุณให้เต็มที่เลย”

 

 

 

 

เฉินเชียนโหรวมองเธออย่างครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มยกมุมปากอย่างเย็นชาขึ้นมากะทันหัน

 

 

“พี่คะ ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านเถอะ คุณปู่กับคุณพ่อจริงๆ แล้วยังคงคิดถึงพี่อยู่นะคะ คุณพ่อน่ะใจอ่อนหูเบา พี่กลับไปพูดกับท่านดีๆ ยังไงก็ไม่น่าจะคุยยากอยู่แล้ว ไม่งั้นเอาแบบนี้ไหม แหวนทองคำขาวคู่ที่ฉันเพิ่งซื้อไปเมื่อกี้ ไม่สู้ฉันยกมันให้พี่ แล้วพี่เอาไปมอบให้พ่อกับแม่โดยให้เครดิตว่าพี่เป็นคนซื้อเองเลย พี่คิดว่าดีไหมคะ ฉันว่าเขาจะต้องดีใจแน่ๆ”

 

 

เห็นแววตาที่มองมาของเฉินเชียนโหรวนั้นเต็มไปด้วยความถากถางเย้ยหยัน ดวงตาของเฉินฝานซิงจึงปรากฎความเยือกเย็นออกมาชั่วขณะ

 

 

แต่ว่า เธอก็ยังคงยื่นมืออกไปรับมาอยู่ดี

 

 

น้ำเสียงดูถูกเดียจฉันท์ของกลุ่มคนดังขึ้น

 

 

ขณะนั้นเอง เฉินฝานซิงหันหน้ากลับไปมองทางผู้จัดการร้าน “ความหมายของแหวนคู่นี้สื่อถึงอะไรเหรอ”

 

 

ผู้จัดการร้านมองเธอด้วยความไม่พอใจปราดหนึ่ง “หนึ่งเดียว รักแท้เพียงหนึ่งเดียวของชั่วชีวิตนี้”

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้าหันไปมองทางเฉินเชียนโหรว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ได้ยินหรือยัง รักแท้เพียงหนึ่งเดียวของชีวิต ใครๆ ก็รู้ว่าแม่ของเธอน่ะเป็นมือที่สาม แหวนวงนี้ถ้ามอบให้ไปจะไม่เป็นการตบหน้าแม่ของเธอเหรอ”

 

 

“…”

 

 

เฉินเชียนโหรวหน้าเสียไปในทันที ก่อนจะถลึงตามองเธอด้วยความโกรธ

 

 

“จ้องฉันแบบนี้ทำไม หรือว่าที่ฉันพูดมันไม่ถูก เมื่อกี้เธอจะให้ฉันมอบแหวนวงนี้ให้กับแม่เธอโดยให้เครดิตว่าฉันเป็นคนซื้อ ไม่ใช่ว่าอยากอวดกับฉันว่าแม่เธอประสบความสำเร็จในการเป็นมือที่สามหรอกเหรอ”

 

 

“เฉินฝานซิง เธอพอได้แล้ว ต้องการอะไรอีก เฉินเชียนโหรวมีใจหวังดี แต่เธอกลับเอาแต่หยิบเรื่องมือที่สามมาพูดไม่ยอมเลิกเรา เธอสนุกมากใช่ไหม”