บทที่ 178 โจรชั่วเข้าบ้าน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 178 โจรชั่วเข้าบ้าน

จางซิ่วเอ๋อนึกถึงความทรงจำสมัยก่อนแล้วมองหวังกลากเกลื้อน สีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาทันที!

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพวกหวังกลากเกลื้อนมาบ้านตัวเองดึกดื่นแบบนี้ต้องการอะไร

ขณะนั้นคนทั้งหมดได้คลำทางไปยังตัวบ้านแล้ว

จางซิ่วเอ๋อร้อนใจขึ้นมาทันที

ชุนเถายังอยู่ในบ้านอยู่เลย!

ถ้าโดนคนพวกนี้ทำมิดีมิร้ายจริง ๆ! จะทำอย่างไร?

ขณะนั้นชายชุดเทาก็ดีดนิ้วเบา ๆ หินก้อนหนึ่งกระแทกใส่ศีรษะของหวังกลากเกลื้อน

หวังกลากเกลื้อนเจ็บจนต้องลูบศีรษะตัวเอง

เขายิงฟันเหลืองอ๋อยหันไปด่าเบา ๆ “ใครเป็นคนตีข้า!”

คนที่ตามหลังหวังกลากเกลื้อนฉายาหลัวสามสุนัขเอ่ยเสียงแผ่ว “พี่ใหญ่ พวกข้ากล้าตีพี่ที่ไหน!”

อู๋เฟิงเองก็รีบเสริม “ใช่แล้ว ๆ ต่อให้พวกเรากินดีเสือดาวเข้าไปก็ไม่กล้าตีพี่ใหญ่หรอกขอรับ!”

ในขณะที่คุยกันอยู่ หินอีกก้อนกระแทกใส่ศีรษะของหวังกลากเกลื้อน

ครั้งนี้ทุกคนเห็นหมดว่าหินร่วงลงมาจากศีรษะของหวังกลากเกลื้อน

อู๋เฟิงขี้กลัวสุด หน้าตาของเขาดูขาวซีด เวลานี้เขาเบิกดวงตาเล็กของตัวเองพูดอย่างหวาดผวา “เกิดอะไรขี้นกัน? พี่ใหญ่! ได้ข่าวว่าที่นี้เฮี้ยนมาก หรือพวกเราเจอกับของโสมมเข้าให้แล้ว?”

อู๋เฟิงพูดพลางมองไปรอบ ๆ ลานบ้าน

ในลานบ้านเงียบกริบ ไร้ซึ่งผู้คน

หวังกลากเกลื้อนทำใจกล้าขึ้นมา เขาแค่นเสียง “ไอ้คนขี้ขลาด! มิน่าล่ะเจ้าถึงไม่เอาไหน! เฮี้ยนอะไรกัน? ขนาดเด็กผู้หญิงสองคนยังกล้าอยู่ที่นี่ เราสามคนจะต้องกลัวรึไง?”

และในตอนนั้นเอง เสียงก้องกังวานเสียงหนึ่งก็ดังมาจากนอกกำแพง

ถึงเสียงนี้จะเบามาก แต่ก็หวีดแหลมผิดปกติ

เป็นเสียงหัวเราะที่แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย

เถี่ยเสวียนทำเสียงอยู่ข้างนอกไปพลาง คิดอย่างแค้นเคืองไปพลาง ไม่รู้ว่าสมองเจ้านายตัวเองผิดปกติตรงไหนอีก!

ถึงแม้เขารู้ว่าตัวเองแอบจิกกัดเจ้านายตัวเองแบบนี้ไม่ดี!

แต่ความจริงก็เป็นแบบนี้!

วันนี้ตอนกินข้าวที่แผงร้านเล็ก ๆ แผงหนึ่งกับเจ้านาย พวกเขาก็ได้ยินคนพวกนี้หารือกันเสียงเบาว่าคืนนี้จะมาหาของดีในบ้านจางซิ่วเอ๋อ

คนพวกนี้ยังพูดอีกว่าพอหาเงินของจางซิ่วเอ๋อเจอแล้วก็ค่อยทำแบบนั้นกับจางซิ่วเอ๋อ แบบนี้แม่ม่ายอย่างจางซิ่วเอ๋อคงไม่กล้าพูดเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังแน่ ถึงตอนนั้นมีแต่ต้องยอมเป็นใบ้

เรื่องหลังจากนั้นก็กลายเป็นพวกเขาสะกดรอยนักเลงพวกนี้มาจนถึงบ้านจางซิ่วเอ๋อ

เขาไม่เข้าใจ ทำไมเจ้านายให้ตัวเองปลอมตัวเป็นผีไปหลอกคนอีกแล้ว! อย่างไรเสียตัวเองก็เป็นบุรุษรูปงามนะ! ตอนนี้นอกจากต้องปลอมตัวเป็นผีแล้วที่เขารับไม่ได้ที่สุดคือต้องแกล้งเป็นผีผู้หญิงด้วย!

ถ้าให้เขาว่า จับคนพวกนี้โยนออกไปก็จบ!

แต่ครั้นเขาแสดงความกังขาขึ้นมา ลองทายสิว่าเจ้านายตัวเองพูดว่าอะไร? เขาพูดว่าคนที่เพ่งเล่งจางซิ่วเอ๋อมีไม่น้อย แค่จัดการคนพวกนี้ไม่มีผลอะไร ไม่แน่คนพวกนี้อาจจะมาหาเรื่องอีก ต่อให้คนพวกนี้ไม่มาก็ต้องมีคนอื่น

วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้คนพวกนี้เสียขวัญผวาไปเลย!

แบบนี้คนพวกนี้ต้องไม่กล้ามาอีกแน่ และทำให้ผู้อื่นนึกกลัวสถานที่แห่งนี้ไปด้วย

นี่เขาทำเพื่อจางซิ่วเอ๋อสุด ๆ แล้วนะ มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าตั้งแต่เที่ยงเขาได้กินบะหมี่ไปเพียงถ้วยหนึ่ง ไม่สิ เพื่อสะกดรอยตามคนพวกนี้ บะหมี่ถ้วยนั้นเขาก็กินไม่หมด! จนถึงบัดนี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลยสักคำ

ตอนนี้หิวจนหน้าอกแทบจะติดกับแผ่นหลังแล้ว!

เสียงนั้นส่งผลให้ทั้งสามคนชะงักไป

อู๋เฟิงสีหน้าซีดเผือด “พวก….พวกเจ้าได้ยินไหม?”

หลัวสามสุนัขตัวสั่น “ข้าไม่ได้หูหนวก! ก็ต้องได้ยินสิ!”

อู๋เฟิงเอ่ยเสียงเบา “น่ากลัวชะมัด! ที่นี่เฮี้ยนจริง ๆ ด้วย! เราไปกันดีกว่า!”

หวังกลากเกลื้อนกัดฟัน “ไม่แน่อาจจะมีคนแกล้งปลอมเป็นผีหลอกเราก็ได้! ข้าไม่เชื่อโว้ย!”

พูดเสร็จหวังกลากเกลื้อนก็เดินต่อไปอีกสองก้าว

แต่ในตอนนี้เอง หินหลายก้อนก็หล่นใส่ศีรษะของทุกคน

หวังกลากเกลื้อนหน้าเขียว หันกลับไปมองรอบ ๆ ลาน เขาทอดสายตาไปที่ต้นหวายฉู่คอเบี้ยวในลาน

เขาเดินเข้ามาทีละก้าว

จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วตัวสั่นตาม เสียงนั่นมาจากใครกัน? ทำไมถึงน่าขนลุกขนาดนี้?

นางเห็นหวังกลากเกลื้อนเดินเข้ามา และเริ่มรู้สึกตื่นเต้น

ขณะนั้นชายชุดเทาก็ปล่อยมือไม่ใช้มือตัวเองอุดปากจางซิ่วเอ๋อแล้ว แต่ตบไหล่จางซิ่วเอ๋อเบา ๆ เพื่อปลอบโยน

จางซิ่วเอ๋อไม่โง่ เวลานี้แม้ไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด แต่พอเดาได้คร่าว ๆ แล้ว

อย่างน้อยชายชุดเทาคนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้มาทำร้ายนาง

แต่ชายชุดเทาจะช่วยนางได้อย่างไรกัน?

และในตอนนั้นเอง อู๋เฟิงก็พูดด้วยเสียงหวาดกลัวถึงขีดสุด “พี่…..พี่ใหญ่……พี่ดูสิ…….”

เสียงของหลัวสามสุนัขสั่นเครือ “แม่เอ๊ย นั่นมันอะไรน่ะ?”

หวังกลากเกลื้อนมองตามสายตาของสองคนนั้นไป ก็เห็นเงาสีขาวผมเผ้ายุ่งเหยิงเงาหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

หลังจากที่ทั้งสามคนเข้ามา พวกเขาได้ปิดประตูไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเงาสีขาวนั่นเข้ามาทางไหน

เงาสีขาวเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางราวกับไร้น้ำหนัก ไม่มีเสียงฝีเท้าแม้แต่น้อย

คล้อยหลังที่เงานั้นเข้าใกล้ จางซิ่วเอ๋อถึงกับได้กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก

จางซิ่วเอ๋อตาโต นางหันมองชายชุดเทาด้านข้าง

ชายชุดเทามองนางเช่นกัน สายตาของเขาใสสกาวดั่งจันทรา ฉายแววมั่นอกมั่นใจส่งผลให้จางซิ่วเอ๋อสบายใจไปด้วย

“ผี…..ผี…..” หวังกลากเกลื้อนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก้าวเท้าไม่ออก

ต่อให้เขาจะใจกล้าแค่ไหน พอเห็นภาพนี้ก็หวาดกลัวจนแทบทนไม่ไหว

“เคี้ยก ๆๆ…..” เสียงหัวเราะประหลาดดังขึ้นอีกระลอก ในค่ำคืนเงียบสงัดเช่นนี้ยิ่งน่ากลัวเป็นพิเศษ

เวลาแบบนี้เขาจึงไม่กล้าอยู่ต่อ ฉวยโอกาสที่เงาสีขาวพุ่งไปทางพวกอู๋เฟิง วิ่งหัวซุกหัวซุนออกไปข้างนอก

เงาสีขาวเปลี่ยนทิศทางไล่ตามออกไป อู๋เฟิงและหลัวสามสุนัขถึงหลุดรอดออกมาได้และไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ

ส่วนเป้าหมายที่พวกเขามาที่นี่ ตอนนี้ได้ลืมกันไปหมดแล้ว

รอจนในลานบ้านไม่เหลือใคร จางซิ่วเอ๋อขยับร่างกายแข็งทื่อของตัวเองและเอ่ยถาม “เมื่อครู่นั่น…..”

ชายชุดเทาเอ่ยเรียบ ๆ “นั่นพี่น้องข้าเอง วันนี้เราสองคนบังเอิญได้ยินแผนลับของคนพวกนี้ตอนอยู่ในเมือง จึงตามเข้ามา”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เปิดตำนานความเฮี้ยนแล้วหนึ่ง จะมีใครกล้ามาที่บ้านผีสิงอีกไหม

สงสารเถี่ยเสวียนเขานะคะ เป็นทุกอย่างให้เจ้านายแล้ว

ไหหม่า(海馬)