EP.140****ปีศาจหนาม

หลินมู่อวี่โยนศพทิ้งไว้บนพื้น จากนั้นกลับไปลากศพของวานรหินทั้งสามตัวขึ้นไป กองไว้ด้วยกัน กระบี่เหลียวหยวนปล่อยธาตุไฟออกมาเผาศพเหล่านั้นจนหมด หากปล่อยให้พวกมันเน่าเองละก็ กลิ่นอายจากศพอาจทำให้ตัวเขาป่วยได้ ถึงตอนนั้นคงไม่ต้องรอให้คนอื่นลงมือ เกรงว่าเขาก็คงตายไปก่อนแล้ว

……

มองไปยังบันไดหินที่เป็นทางขึ้นไปยังชั้นสาม มันว่างเปล่า แต่ความรู้สึกจากฌาณสัมผัสที่ส่งกลับมาไม่เหมือนกัน บนขั้นบันไดนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว

หลินมู่อวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วใช้แรงขว้างออกไป

“ปัง!”

ก้อนหินกลายเป็นผุยผงในพริบตา คลื่นสีแดงกระแทกออกมา บนขั้นบันไดมีม่านสีแดงเลือดอยู่จริงๆ ด้วย มิน่าฌาณสัมผัสของตนถึงตรวจสอบไม่ได้ว่าชั้นที่สามมีอะไรอยู่

ในเวลานี้เอง เสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังมาจากชั้นสาม “เจ้าอยากจะดูข้าหรือ เช่นนั้นก็มาสิ เฮอะๆๆ…”

เสียงนี้ราวกลับปีศาจจากขุมนรกอเวจี ชวนให้ขนลุกขนพอง

หลินมู่อวี่ถึงแม้จะบ้าบิ่น แต่ก็รู้ขอบเขต เขาไม่คิดจะไปรนหาที่ตายถึงชั้นสาม จึงไม่ตอบและหันหลังกลับลงไปที่ชั้นหนึ่ง ฌาณสัมผัสไม่อาจผ่านม่านพลังได้ จึงไม่อาจตัดสินได้ว่าพลังของศัตรูสูงต่ำขนาดไหน อย่าไปลองเลยดีกว่า

“แอ๊ด…”

ช่องประตูขนาดเล็กบนประตูเหล็กเปิดออก ห่ออาหารหนักๆ ถูกนำมาวางไว้ตรงนั้น ในนั้นล้วนเป็นเล่าปิ่ง (ของกินที่มีลักษณะเป็นแผ่นแป้งบางๆ ของจีน) ซึ่งเป็นเสบียงของทหารในกองทัพจักรวรรดิ หลินมู่อวี่หนึ่งมื้อสามารถกินเล่าปิ่งได้ประมาณสี่แผ่น และด้านในถุงมีเล่าปิ่งเกือบร้อยแผ่น ด้านข้างยังมีถุงน้ำอวบอ้วนอีกเจ็ดแปดถุง ด้านนอกมีเสียงของทหารนายหนึ่งดังขึ้น “หลินมู่อวี่ ไม่รู้ว่าเจ้าตายหรือยัง นี่คือเสบียงเจ็ดวันของเจ้า หากยังไม่ตายก็โยนอะไรออกมาให้ข้าได้ไปรายงานที”

หลินมู่อวี่โยนถุงน้ำเปล่าๆ ของคราวที่แล้วออกไปทางช่องประตูเล็ก ทันใดนั้นทหารก็หัวเราะเฮอะๆ “นึกไม่ถึงว่าจะยังไม่ตาย เจ้านี่ดวงแข็งเสียจริง…”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว มองลอดผ่านช่องประตูเล็กออกไป คนผู้นี้เป็นทหารของค่ายสารวัตรทหาร มิน่าถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้ เซี่ยงอวี้คงแทบอยากให้เขาตายอยู่ในเจดีย์ทงเทียนเสียเดี๋ยวนี้

ช่องประตูเล็กมองเห็นได้ไม่ไกลนัก แต่ในระยะหนึ่งลี้มองเห็นธงที่ปลิวสะบัด เป็นธงศึกของทหารรักษาพระองค์ สัญลักษณ์โล่ยักษ์สีทองเด่นสะดุดตา หลินมู่อวี่รู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่ได้

……

หลินมู่อวี่นำเสบียงมาเก็บไว้ในที่อากาศปลอดโปร่งและแห้ง จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิฝึกพลังต่อไป

ตกกลางคืน เมฆสีเลือดเหนือเจดีย์ทงเทียนเริ่มหมุนวน ฟ้าแลบครู่หนึ่ง เสียงฟ้าผ่าดังจนเจดีย์ทงเทียนสั่นสะเทือน คล้ายกับว่าเจดีย์ยักษ์นี้กำลังหวาดกลัวอำนาจฟ้า หลินมู่อวี่นั่งขัดสมาธิฝึกทักษะชีพจรวิญญาณ ขมวดคิ้วเบาๆ มองสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ คืนนี้คงจะไม่ปลอดภัยแล้ว

เขาจุดกระถางไฟ ฝึกพลังต่ออย่างเงียบๆ เสียงฟ้าร้องด้านนอกไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จู่ๆใจของหลินมู่อวี่กระตุกวูบ ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจพบกระแสพลังที่แข็งแกร่งเข้ามาที่เจดีย์ทงเทียนชั้นสองแล้ว น่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่ลงมาจากชั้นสาม!

“ชิ้ง!”

หลินมู่อวี่ดึงกระบี่เหลียวหยวนออกจากฝัก ความเร็วของผู้มาเยือนรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เงาร่างสีเทาวิ่งลงมาจากบันไดหิน พร้อมเสียงร้องที่ทำให้คนขนลุก มันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทกระดอง มีกระดองหนาอยู่บนหลัง หน้าตาอัปลักษณ์น่ากลัว ขาทั้งสี่ยืนอยู่บนพื้น มีหนามแหลมเต็มตัว

“เจี๊ยะ เจี๊ยะ…”

ตอนที่มันส่งเสียงร้องดังหนามของมันก็ค่อยๆ ยกตั้งขึ้น ดูน่ากลัวคล้ายตัวเม่น

“นี่มันตัวอะไรวะ?!” หลินมู่อวี่กัดฟัน ยกมือขึ้น เรียกกำแพงน้ำเต้า กระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรออกมาอย่างรวดเร็ว ต้องใช้การป้องกันสูงสุดสำหรับสัตว์ประหลาดแบบนี้

“พี่ชาย…” ในทะเลจิตมีเสียงของลู่ลู่ดังขึ้น “นี่คือปีศาจหนาม เป็นสัตว์กินซากชนิดหนึ่ง ต้องระวังหนามพิษของมันด้วย บาดแผลถูกแทงพวกนี้ล้วนแต่มีพิษ…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า กวาดตามองไปที่หัวของปีศาจหนาม ตรงนั้นมีเส้นสีทองอยู่ห้าเส้นและสีเงินหนึ่งเส้น นี่คือสัตว์วิญญาณอายุห้าพันหนึ่งร้อยปี หลินมู่อวี่เคยสังหารสัตว์วิญญาณไปไม่น้อย แต่รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก

ปีศาจหนามไม่รีบร้อนจู่โจม แต่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ห่างจากหลินมู่อวี่ไม่ถึงยี่สิบเมตร ทันใดนั้นส่งเสียงร้องเจี๊ยะๆ ดังขึ้น มันหมุนตัวและยิงหนามพิษออกมาสิบกว่าเล่ม

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

หนามพิษถูกกำแพงน้ำเต้าสกัดเอาไว้ได้อย่างหมดจด หลินมู่อวี่ยกมือขึ้น แล้วขว้างมีดเสียงปีศาจออกไป มีดเสียงปีศาจส่งเสียงหวีดร้องและพุ่งตรงเข้าใส่ลำคอของปีศาจหนาม แต่ด้วยความเร็วของปีศาจหนาม มันบิดตัวหันกระดองด้านหลังมาต้านรับมีดเสียงปีศาจเอาไว้ ได้ยินแค่เสียง “เคร้ง” คาดไม่ถึงว่ามีดเสียงปีศาจจะแทงไม่เข้า และดีดกลับออกมา

“เจี๊ยะๆ!”

ปีศาจหนามคำรามพุ่งเข้ามา อ้าปากพ่นพิษใส่

หลินมู่อวี่รีบเพิ่มความแข็งแกร่งของปราณยุทธ์กำแพงน้ำเต้า “ฉึก ฉึก ฉึก” สกัดหนามพิษเอาไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ยกมือขวาขึ้น แล้วโจมตีด้วยอัสนีคลื่นคลั่งออกไป!

“เปรี้ยง!”

กระบี่เหลียวหยวนพุ่งขึ้นไป กระดองส่วนท้องของปีศาจหนามถูกแทงทะลุ พิษเหลวสีเขียวกำลังไหลออกมา

“โฮก!”

ปีศาจหนามเหมือนจะพยายามสู้สุดชีวิต มันรีบพุ่งเข้ามา ขาหน้าสองข้างที่เดิมทีมีขนาดสั้นนั้น จู่ๆ ก็ยืดออกมาจากตัว กลายเป็นขาหน้าที่เหมือนกับวงล้อมีดหมุนสองอัน ฟันใส่กำแพงน้ำเต้า

ความเจ็บปวดสายหนึ่งไหลเข้ามา พลังของสัตว์วิญญาณอายุห้าพันหนึ่งร้อยปีนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ แขนที่เป็นดาบของปีศาจหนามฉีกกระดองเต่าทมิฬ และฟันลงไปบนปราการเกล็ดมังกร ตรงเข้าโจมตีวิญญาณยุทธ์ ทำให้ร่างกายของหลินมู่อวี่ได้รับความเจ็บปวดเหมือนกัน

หลินมู่อวี่ไม่มีเวลาไปสนใจมากนัก เขากางมือออกแล้วจับเข้าที่แขนดาบข้างหนึ่งของปีศาจหนาม ทันใดนั้นใจกลางฝ่ามือก็รู้สึกชา เขารีบบังคับกระบี่ กลางฝ่ามือเต็มไปด้วยแก่นเพลิงมังกร “ฉึก” กระบี่แทงทะลุร่างของปีศาจหนาม เป็นรูขนาดสิบเซนติเมตร พิษเหลวสีเขียวไหลนองเต็มพื้น

แต่พลังชีวิตของปีศาจหนามนั้นแข็งแกร่งจนน่าตกใจ ส่งเสียงร้องดังเจี๊ยะๆ พลันหนามทั่วร่างของเจ้าอัปลักษณ์ตัวนี้กลับแผ่ออก “ฟึ่บๆๆๆ” ยิงออกมาทั่วสารทิศ มันคิดจะลากเขาไปตายด้วย!

หลินมู่อวี่รีบหดมือกลับ ทั้งร่างอยู่ใต้การป้องกันของกำแพงน้ำเต้า ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว

ทว่าเมื่อเขาหันกลับไปมอง กลับพบว่าถุงน้ำเจ็ดแปดถุงถูกหนามพิษของปีศาจหนามแทงทะลุไปหมดแล้ว น้ำไหลนองเต็มพื้น นี่เป็นน้ำกินน้ำใช้เจ็ดวันของเขาเลยนะ!

ชั่วพริบตา ใจของหลินมู่อวี่คล้ายกับมีตัวอัลปาก้านับล้านตัววิ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาหันไปเผชิญหน้ากับปีศาจหนามตัวนี้อย่างโกรธแค้น ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร “แม่มึง แกต้องชดใช้น้ำให้ข้า!”

หลินมู่อวี่ยกกำปั้นขึ้น พลังสีเลือดหมุนวน พลังปีศาจระเบิดออกมา

สองประทีประบำปีศาจ!

“เปรี้ยง!”

หมัดทรงพลัง ร่างกายใหญ่ยักษ์ของปีศาจหนามปลิวออกไปราวกับลูกบอลหนัง กระแทกเข้ากับกำแพงหินแล้วเด้งกลับลงมาที่พื้น แต่มันยังคงไม่ตาย ลุกขึ้นยืนส่งเสียงร้องเจี๊ยะๆ แล้วยิงหนามพิษใส่หลินมู่อวี่อีกรอบหนึ่ง แต่ถูกกำแพงน้ำเต้าสกัดเอาไว้ได้ทั้งหมด ถือว่าเจ้าปีศาจหนามตัวนี้โชคร้ายที่มาพบกับหลินมู่อวี่ที่มีวิญญาณยุทธ์ด้านการป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ หากเปลี่ยนเป็นหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงของเฟิงจี้สิงหรือหมีเพลิงของจางเหว่ย บางทีพวกเขาก็อาจถูกพิษไปแล้วก็ได้

“วิ้ง!”

เกลียวเพลิงมังกรคลั่งไหลวนรอบกระบี่ หมุนควงครั้งที่สองก็แทงเข้าที่ร่างของปีศาจหนามจนเป็นรูอีกครั้ง หลินมู่อวี่กระโจนขึ้นไปคว้ากระบี่ที่หมุนกลับมา บนคมกระบี่เต็มไปด้วยแก่นเพลิงมังกร แล้วโจมตีอย่างรุนแรงลงไปอีกครั้ง!

“เปรี้ยง!”

เปลวเพลิงระเบิดออก เผาปีศาจหนามจนกลายเป็นกองขี้เถ้า

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก…”

หลินมู่อวี่หอบหายใจ พบศิลาวิญญาณในกองขี้เถ้าหนึ่งก้อน ศิลาวิญญาณปีศาจหนามอายุห้าพันหนึ่งร้อยปี เป็นศิลาวิญญาณธาตุพิษ มีพลังแฝงเป็นพิษร้ายแรง หากนำไปหลอมอาวุธก็จะเป็นอาวุธที่มีพิษไปโดยปริยาย ถึงจะพูดไม่ได้ว่าร้ายกาจแบบไหน แต่ต้องเจ๋งมากแน่นอน

แต่พอหันไปมองน้ำที่นองอยู่บนพื้น หลินมู่อวี่ก็แทบจะน้ำตาไหล ต่อจากนี้น้ำดื่มก็จะเป็นอีกปัญหาหนึ่งแล้ว เพราะร่างมนุษย์แบบนี้ หากไม่กินน้ำอยู่ได้ไม่ถึงเดือนอย่างแน่นอน เจ็ดวันก็ไม่แน่ว่าจะผ่านไปได้ ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถึงแม้จะมีพลังแข็งแกร่ง แต่สำหรับน้ำและอาหารนั้นก็ต้องการมากกว่าคนธรรมดา

……

เขานั่งขัดสมาธิแล้วฝึกพลังต่อ ขณะเดียวกันก็ฟื้นฟูปราณยุทธ์และเรี่ยวแรงที่เสียไป

สัตว์วิญญาณตัวแล้วตัวเล่าที่ลงมาหาความตาย ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ราวกับว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้ถูกคนเลี้ยงเอาไว้ แต่…ใครกันที่สามารถเลี้ยงสัตว์วิญญาณพวกนี้ได้ แถมคนชั้นบนก็ไม่มีอาหารและน้ำให้ พวกมันอาศัยอะไรให้มีชีวิตรอดได้ต่อไปกัน หรือจะแค่ล่านกบนฟ้า แล้วดื่มเลือดเอาอย่างน้ันหรือ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ร่างของเขาอดสั่นเทิ้มไม่ได้ เงยหน้ามองชั้นบน ค่ำคืนนี้คงไม่มีคนมาหรอกกระมัง

แต่ทว่าเขาคิดผิด

ใกล้ฟ้าสาง ก็มีกระแสพลังสายหนึ่งพุ่งลงมาจากชั้นสามมายังชั้นหนึ่ง!

“ชิ้ง!”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่เหลียวหยวนออกมาจากฝัก มองไปทางบันได เห็นเพียงแค่เงาไฟสะท้อนที่ขั้นบันไดหิน วินาทีถัดมา คนที่สวมชุดเกราะขาดๆ ผู้หนึ่งค่อยๆ เดินลงมา มือขวายื่นออกมา ฝ่ามือมีเปลวเพลิงสีม่วงพลิ้วไหวอยู่

คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา แถมบนหน้าผากยังมีกากบาทตัวใหญ่ คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์ของทหารรับจ้าง คนผู้นี้เคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน!

“เจ้าหนู ไม่เลวนี่ ขนาดปีศาจหนามยังถูกเจ้าสังหารได้” นัยน์ตาของเขาปรากฏแววเหยียดหยาม

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใคร”

“ข้าน่ะรึ” เขาส่ายศีรษะ เหมือนกับกำลังครุ่นคิด คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มตอบ “ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าข้าเป็นใคร ข้าจำได้แค่เพียงผู้คนตั้งฉายาให้ข้าว่า ‘ชื่อกุ่ย’ (ผีแดง) ฮึ ใช่แล้ว ทำไมพวกเขาถึงเรียกข้าว่าชื่อกุ่ยกันล่ะ คงเป็นเพราะข้าฆ่าคนไปมากมายกระมัง…”

พูดจบ เขาเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ แสยะยิ้ม “เจ้าจะเป็นรายต่อไป โอ้ เป็นผู้ช่วยฝึกดาวทองวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยรึนี่…แต่ต้องจบชีวิตด้วยหมัดของข้า เป็นโชคของเจ้าแล้ว”

“เจ้าพูดจบหรือยัง พูดจบแล้วก็ลงมือเถอะ…” หลินมู่อวี่กล่าวเสียงเรียบ

……

สีหน้าชื่อกุ่ยเย็นชา เปลวเพลิงปรากฏอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง ด้านหลังปรากฏวิญญาณยุทธ์ปีศาจสีแดงเพลิงอัปลักษณ์ตัวหนึ่ง ชื่อของเขาคงจะมาจากวิญญาณยุทธ์ธาตุไฟนี่กระมัง

“วิ้ง…”

พลังหมัดรุนแรงพุ่งเข้ามา เพียงแค่ลงมือก็เห็นถึงความร้ายกาจแล้ว หมัดเพลิง!

คนผู้นี้ใช้ทักษะหมัดที่เลื่องชื่อของเซี่ยงเหวินเทียน ไม่เหมือนหมัดกระชากวิญญาณของจางเหว่ย พลังหมัดเพลิงของเขาบริสุทธิ์ยิ่งกว่า และแข็งแกร่งกว่ามาก เปลี่ยนปราณยุทธ์ให้กลายเป็นเปลวเพลิง พลังเพลิงสายนี้ไม่ใช่หมัดของจางเหว่ยที่จะทำได้