เรื่องของซูหว่านเดิมทีก็เป็นปมในใจของเสิ่นอวี้ซู ในวันนี้เห็นเสิ่นชิงจิ่นวางแผนทำร้ายน้องสาวอีกคนของตัวเอง เสิ่นอวี้ซูก็ปล่อยวางน้องสาวของตัวเองแล้วจริงๆ
เมืองหลวงแห่งนี้ไม่มีอะไรให้เขาต้องเป็นห่วงและอาทรแล้ว เขาควรจะจากไปได้แล้ว…
เมื่อเห็นเวิ่นอวี้ซูหมุนกายจากไปอย่างไม่เหลียวแล เสิ่นชิงจิ่นตัวแข็งค้างอยู่กับที่และน้ำตาก็ไหลลงมาอาบใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
พี่ชาย ชาตินี้ แม้แต่พี่ข้าก็ต้องสูญเสียไปอย่างนั้นหรือ
หลังจากเสิ่นอวี้ซูจากไป เสิ่นชิงเหยาก็เดินจากไปด้วย เสิ่นชิงจิ่นในตอนนี้ก็ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นที่มองโลกแง่ดีและสดในอีกแล้ว
ที่ยืนอยู่ต่อหน้านี้ เป็นคนที่ถูกความเกลียดชังเข้าครอบงำ เป็นผู้หญิงที่ทั้งหัวมีแต่เรื่องวางแผนแก้แค้น ไม่ใช่คนที่เสิ่นชิงเหยาจะต้องอิจฉาริษยาอีกต่อไปแล้ว
รอจนกระทั่งเสินชิงจิ่นได้สติกลับมา ด้านหน้าของเธอเหลือเพียงเสิ่นเย่ว์แค่คนเดียว
“ทำไมนายยังไม่ไป แม้แต่องค์ชายสองก็รอที่จะหัวเราะเยาะข้าหรือไร”
เสิ่นชิงจิ่นมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ประกายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
ฉินเย่ว์ไม่กล่าวอะไร เพียงแต่สายตาจับจ้องไปยังคนที่ร้องไห้น้ำตาอาบสองแก้มที่อยู่เบื้องหน้า “ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าต้องทำเรื่องแบบนี้ หากว่า…หากว่าเจ้าอยู่ที่ตระกูลเสิ่นแล้วไม่มีความสุข ข้าจะแต่งงานกับเจ้า! ”
ข้าจะสู่ขอเจ้า!
คำๆ นี้ราวกับสายฟ้าฟาด ที่ดังก้องสะท้อนอยู่ในหูของเสิ่นชิงจิ่น
เธอมองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ หลังจากเวลาผ่านไปนาน เสิ่นชิงจิ่นถึงได้หาเสียงของตัวเองจนเจอ กล่าวเสียงสั่นว่า “ทำไมกัน”
ทำไม
ฉินเย่ว์มีความประหม่าออกมา เพียงแค่เพราะใจที่สั่นไหวในชั่วพริบตานั้น ถึงต่อให้รู้ว่าเธอทำเรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ เขาก็ยังคงยอมที่จะให้อภัยเธอ
เป็นเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉินเย่ว์ตกหลุมรัก…
สายลมอันอบอุ่นพัดผ่านภูเขาและความหนาวเข้ามาเยือน รอจนกระทั่งทุกคนล้วนจากไปจากที่แห่งนี้ เสือดุร้ายสีขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งเดินมาจากป่าจากที่ไกลๆ อย่างเชื่องช้า
ราชาเสือตัวหนึ่งที่ไม่โอกาสอันหายาก ออกมาจากจวนหวังกล่าวว่า แอบอยู่ในป่าดูอะไรแบบนั้น ไม่ใช่แนวของราชาอย่างข้า มีแต่พวกมนุษย์อย่างเจ้าที่ทำเรื่องไร้ศีลธรรมนี้ได้! ไร้ศีลธรรมอันดีงามเสียจริงเชียว!
ในเวลานี้ที่เดินตามมาด้านข้างของเสือขาว ปรากฏเงาร่างที่ “ไร้ศีลธรรม” ขึ้นมาสองเงา
ทั้งสองคนสวมใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา ถึงวันนี้ละครฉากใหญ่นี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเสิ่นชิงจิ่นที่ลงดาบเขียนขึ้นเอง และเธอยังออกแรงอย่างมากแสดงเป็นนางเอกที่แสนรันทด แต่ผู้กำกับตัวจริงนั้นคือซูหว่านและซูรุ่ย
วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เสิ่นชิงจิ่นไม่มีหน้าอยู่ที่จวนชิ่งชวนโหวต่อไป ฉินเย่ว์ในตอนนี้เป็นตัวช่วยเดียวที่เหลืออยู่ของเสิ่นชิงจิ่น
ผู้ชายที่มีรักอย่างล้ำลึกแบบนี้ ในตอนเธอตกต่ำไม่เหลือใครที่สุดยื่นมือออกมาช่วยเหลือเธอ
นี่เป็นเรื่องสวยงามอย่างที่สุด เพียงแต่ว่า…
หากมีวันหนึ่งฉินเย่ว์พูดว่า “เสิ่นชิงจิ่น” ที่ตัวเองรักนั้น กลับไม่ใช่เสิ่นชิงจิ่นตัวจริง ไม่รู้ว่าในตอนนั้นเขาจะเป็นอย่างไร
ความรู้สึกของคนนั้นช่างเปราะบาง เพียงแค่สัมผัสก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะเดียวกันก็แข็งแกร่งจนไม่สามารถทำลายได้
ข้ารักเจ้า เพียงเพราะคนนั้นคือเจ้า
ข้ารักเจ้า ไม่รักใครอื่น และก็เพียงเพราะว่าในเวลานั้น ณ สถานที่นั้น ข้าได้พบเจ้า ไม่ใช่ใครอื่น
เหมือนกับซูหว่านและซูรุ่ย การเริ่มต้นของพรหมลิขิตล้วนมาจากความบังเอิญ และก็กลายเป็นความมั่นคง
เฉกเช่นเดียวกับฉินเย่ว์ผู้ชายดีๆ ในนิยายเป็นผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี รักปักใจ ยึดมั่นใจความรัก ชาตินี้ตกหลุมรักได้เพียงครั้งเดียว
……
งานแต่งของเสิ่นชิงเหยาและฉินเสียง เดิมทีกำหนดไว้ปลายเดือนเมษายน แต่องค์ชายสองพลันส่งเรื่องมาสู่ขอกับตระกูลเสิ่น ทำให้ลำดับการจัดงานนั้นปั่นป่วน งานมงคลสมรสของสองคนก็จำเป็นจะต้องเลื่อนออกไป
ลูกสาวตระกูลเสิ่นทั้งคนโตและคนเล็ก ล้วนแต่งเข้าราชนิกุลวังหลวง เดิมทีเป็นเรื่องที่ควรจะฉลองด้วยความดีใจ แต่เรื่องราวน่าเศร้าของจวนชิ่งชวนนั้นก็ได้เริ่มขึ้นในปีนี้
ในวันนั้นที่เสิ่นชิงจิ่นออกเรือน เสิ่นอวี้ชิงได้ทำกองพลทหารออกไปที่ชายแดน เขาปล่อยวางน้องสาวและเมืองหลวง…
ในคืนมงคลสมรสใหญ่ เสิ่งชิงจิ่นเหมือนกับครั้งแรกที่เคยออกเรือน จิตใจกระสับกระส่ายรอสามีของตนเอง แต่ว่าตลอดทั้งคืน ฉินเย่ว์ไม่ย่างกรายเข้ามาภายในห้องนอนใหม่แม้แต่ก้าวเดียว
วันที่สอง เสิ่นชิงจิ่นถึงได้ยินจากนางกำนัลของจวนหวังว่า เมื่อคืนมีคนร้ายลอบเข้ามาในจวนหวัง ท่านอ๋องเป็นอันตรายถูกลอบทำร้าย และตัวอันตรายก็คือหญิงชุดดำคนหนึ่งที่ยื่นมือมาช่วงท่านอ๋อง สตรีนางนั้นเนื่องด้วยเหตุนี้ยังคงบาดเจ็บไม่ได้สติ และท่านอ๋องก็ทุ่มความสนใจทั้งหมดคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียง ตอนนี้เฝ้ามาเป็นเวลาหนึ่งคืนแล้ว…
สามปีให้หลัง
ฉินมู่ที่ร่างกายแข็งแรงมาตลอด พลันติดโรคร้ายสิ้นพระชนม์ องค์รัชทายาทฉินอวี้ตามกฎมณเฑียรบาลขึ้นเป็นฮ่องเต้
เมื่อผู้กุมอำนาจเปลี่ยน เหล่าข้าราชบริวารทั้งหลายก็เปลี่ยน สถาปนาฮ่องเต้ใหม่ ท้องพระโรงปั่นป่วน จวนชิ่งชวนที่ถูกลืมมาเป็นระยะเวลาหนึ่งก็พลันถูกฮ่องเต้เรียกใช้งานอีกครั้ง หลายคนไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่ผู้ที่ทราบข่าวลือเป็นอย่างดีภายในวังหลวงรู้ว่าที่นี่มีเรื่องลับ
เดิมทีเมื่อสามปีก่อน แต่งงานกับองค์ชายสองบุตรสาวคนโตของตระกูลเสิ่นเสิ่นชิงจิ่น ตามข่าวอยู่ที่จวนหวังไม่ได้รับความดูแล องค์ชายสองไม่เคยร่วมห้องหอกับนางแม้สักครั้ง แต่ก็เป็นด้วยเหตุนี้เอง หนึ่งปีก่อน พระสนมเสิ่นพลันตั้งครรภ์!
การมีชีวิตอยู่ของเด็กคนนี้ เป็นการดูถูกราชวงศ์เป็นอย่างมาก หากว่าตามกฎราชวัง เสิ่นชิงจิ่นและลูกของเธอจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สุดท้ายฝ่าบาทเรียกองค์ชายสองและองค์รัชทายาทเข้าวัง พ่อลูกสามคนพูดคุยกันอยู่นาน สุดท้ายเด็กในท้องของเสิ่นชิงจิ่นถึงได้รอดชีวิต
เรื่องราวในโลกใบนี้ก็แปลกประหลาดแบบนี้ มีทั้งซูหว่านและซูรุ่ยคอยออกแบบ พระเอกฉินเย่ว์ตกหลุมรักจุยเสวี่ย นับจากนั้น ก็ไม่สนใจไยดีกับนางเอกอีกเลย ทำเหมือนไม่มีตัวตน แต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเสน่ห์ของนางเอกใหญ่ได้ สุดท้ายเสิ่นชิงจิ่นที่ไม่ยอมถูกปล่อยให้ว้าเหว่ก็ประสบความสำเร็จในการจับคู่กับหนึ่งในพระรององค์รัชทายาทได้สำเร็จ
ดังคำกล่าวที่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า ล้วนแต่เป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
เสิ่นชิงจิ่นไม่ยอมให้ตัวเองถูกความผิดของชาติที่แล้ว “ลักลอบพบปะ” ยิ่งไม่ยอมให้ลูกในท้องของเธอถูกเรียกว่า “เนื้อร้าย” และในชาตินี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าไม่เสียใจภายหลัง เธอรู้สึกว่าเธอและองค์รัชทายาทมีความรักที่แท้จริง และเธอกับฉินเย่ว์ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา…ต่อให้เธอมีเป็นร้อยเป็นพันเหตุผล แต่ในสายตาของคนอื่นๆ ก็ยังคงตราหน้าว่าเธอลักลอบคบคนอื่น เป็นชู้กับคนอื่น
องค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ ปกครองใต้หล้า องค์ชายในเมืองหลวงหลายองค์ ได้เตรียมตัวที่จะถูกเนรเทศออกไปจากวังหลังแต่ว่าในตอนนี้เอง กลับพลันมีกองกำลังแปลกประหลาดอยู่นอกเมืองหลวง ผู้น้ำของกองกำลังนี้กลับเป็นฉินเฮ่า!
เวลาสามปี ฉินเฮ่าใต้การช่วยเหลือของซูหว่านประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงตัวตน และมีอำนาจกุมบังเ**ยนทั้งกองทัพ ในครั้งนี้เขาจะต้องใช้พลังของตัวเองแย่งเอาบ้านเมืองที่เดิมทีต้องเป็นของพ่อเขากลับคืนมา
ยืนอยู่บนป้อมสูงสุดของเมืองหลวง มองเห็นทหารอยู่ด้านนอกเมือง ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะจับมือซูรุ่ยไว้แน่น “วันที่ฉินเฮ่าตีเมืองหลวงแตก พวกเราก็ไปกันเถอะ”
ในคนยุคเดียวกับราชวงศ์ คนเดียวที่สามารถต่อกรกับฉินเฮ่าได้อย่างสูสีก็คือฉินเย่ว์ แต่ฉินเยว่ในตอนนี้เนื่องจากความสัมพันธ์กับจุยเสวี่ยได้เข้าร่วมกับซูรุ่ยนานแล้ว และได้แอบตกลงกับฉินเฮ่าอย่างลับ ๆ
ดังนั้น กองทหารของฉินเฮ่าตีนำทัพมายังเมืองหลวง วันที่จะขจัดฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นก็จะมาถึงในไม่ช้า
เมื่อฮ่องเต้ใหม่สวรรคต เสิ่นชิงจิ่นก็จะสูญเสีย “รักแท้” ที่ได้มาไม่ง่ายอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นภารกิจของซูหว่านก็เสร็จสมบูรณ์ลงอย่างสวยงาม
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของซูหว่าน ซูรุ่ยก็อดที่จะกลับไปจับมือของซูหว่านไม่ได้ จากนั้นก็กระแอมและเขยิบเข้าไปข้างหูของซูหว่านกล่าวเสียงเบาว่า “อย่างนั้น…ช่วงนี้ข้าอ่านหนังสือหลายเล่ม ก่อนจะจากไป ข้าอาบน้ำกับเจ้าอีกรอบดีหรือไม่ ครั้งนี้จะต้อง จะต้องไม่ให้เจ้าต้องเจ็บอีก”
ซูหว่าน “…”
ค้อนใส่ซูรุ่ยไปหนึ่งคำรบ ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะออกแรงหยิกฝ่ามือของเขา “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าจะพูด เจ้าจะต้องไม่…มาเหลวไหลอีก”
ดังนั้น หลายวันผ่านไป ในตอนที่เมืองหลวงกลายเป็นแม่น้ำเลือดไหลนอง จวนจิ้นชินหวังที่มีการรักษาการอย่างแน่นหนาราวกับอยู่คนละโลกภายในจวนกลับถูกฉายด้วยสีชมพู
“พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว จะตายอยู่แล้ว! ”
ไหนที่ว่าเทคนิคดีไง
ไหนที่ว่าจะไม่ทำให้เจ็บอีกไง
ภายในไอน้ำที่หนาแน่น สายตาซูรุ่ยนิ่งลึก แต่ซูหว่านนั้นยังคงร้องจนคอจะแหบแห้งแล้ว
เธอรู้ว่าสุดท้ายจะลงเอยแบบนี้
แต่ว่า…
เห็นเขาอดกลั้นมานาน ต่อให้เจ็บตัวอีกรอบ เธอก็จะไม่ปฏิเสธเขาในเวลานี้
คนที่เงียบในคืนสงัด เมื่อซูรุ่ยใบหน้าสุขสมจูบมุมปากของซูหว่าน ซูหว่านก็หัวเราะใส่เขาอย่างไร้เรี่ยวแรง นี่จิตสำนึกถึงได้ส่งสัญญาณไปที่หน่วยกลาง เตรียมถอนตัว
เจอกันโลกหน้า ที่รักของฉัน