ส่วนที่ 6 คุณหนูใหญ่หวนคืน ตอนที่ 25-1 คุณหนูใหญ่หวนคืน (ปัจฉิมบท)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

เมื่อถึงกลางดึก ฝนฤดูใบไม้ผลิที่ตกติดต่อกันนานหลายชั่วโมงในที่สุดก็หยุดลง 

 

 

ในตอนที่ซูรุ่ยออกมาจากห้องอักษรกลับถึงห้องนอนซูหว่านก็นอนหลับไปนานแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะวันสมรสนั้นแสดงออกดู “รุนแรง” ไปเสียหน่อย ทำให้หลายวันมานี้ท่านอ๋องต้องกินแห้วตลอด 

 

 

ท่านแม่ทัพซูรู้สึกขัดใจน่ะ แต่ว่าภรรยาไม่ให้ความร่วมมือ จะมาบังคับกันก็จะทำร้ายความรู้สึกของสามีภรรยา! 

 

 

ซูรุ่ยนั่งลงข้างเตียงมองดูซูหว่านที่หลับสนิท สายตาไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธออยู่หลายวินาที ซูรุ่ยหลับตา พลันก็เอนกายลงจูบปากของซูหว่าน จากนั้นก็เชิดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว 

 

 

เอาเถอะ ไม่ให้กินเนื้อคน ได้ซดน้ำแกงก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ 

 

 

คืนฤดูใบไม้ผลิหลังฝนตก ซูหว่านหลับสนิทมาก แต่ท่านอ๋องบางคนที่หื่นกระหายเกินเหตุกลับนอนพลิกไปมาตลอดคืน ประเดี๋ยวก็จูบปากจิ้มลิ้มของภรรยาตัวเอง ประเดี๋ยวก็ลอบลูบสัมผัสผิวเรียบลื่นของภรรยาตัวเอง สรุปแล้วบางคนก็ได้แต่แสดงเดี่ยวเดียวดายให้คลายกระหาย และก็ทิ้งรอยจ้ำไว้บนตัวของซูหว่าน ถือว่ามีความดันทุรังค่อนข้างมากทีเดียว 

 

 

เช้าตรู่ของวันถัดมา ซูหว่านก็รู้สึกได้ว่าปากของตัวเองชาเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วใช้ปลายนิ้วสัมผัสปากที่บวมขึ้นมาของตัวเอง สีหน้าพลันปรากฏหลากหลายอารมณ์ 

 

 

ในฐานะสามีภรรยาที่ถูกกฎหมาย ซูหว่านนั้นที่จริงแล้วก็ไม่ได้รังเกียจที่จะปฏิบัติหน้าที่ของสามีภรรยา แต่ว่าแม่ทัพซูในด้านนี้ดูไม่น่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก เมื่อลงมือแล้วก็ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของซูหว่านแม้แต่น้อย 

 

 

อย่างไรก็ตาม บางคนทักษะบนเตียงยังคงต้องปรับตัว และกิจกรรมที่ใช้แรงทารุณก็จะต้องรู้จักความเหมาะสม 

 

 

ซูหว่านลูบริมฝีปากของตัวเอง หมุนกายกลับไปมองผู้ชายข้างตัวที่ “นอน” อย่างมีความสุข แอบลอบขบฟัน “ซูรุ่ย ช่วงนี้เจ้าดูจะว่างเกินไปแล้วนะ” 

 

 

ใครบางคนที่แกล้งทำเป็นหลับ… 

 

 

เห็นซูรุ่ยยังคงแกล้งนอนหลับ ซูหว่านก็ไม่ให้ความสนใจเขาอีก ยังคงกล่าวพึมพำกับตัวเอง “หากว่านายหื่นกระหายไม่มีที่ให้ปลดปล่อย นายก็ควรจะต้องเอาแรงไปลงกับเรื่องที่เป็นประโยชน์ อย่างเช่น การช่วยเสิ่นชิงเหยาหาคู่หมั้นจากในราชวงศ์สักคน ข้าเองเห็นว่านางก็ถึงแก่เวลาที่ควรจะเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้ว! ” 

 

 

เมื่อได้ฟังซูหว่านกล่าวอย่างเป็นการเป็นงาน ซูรุ่ยในที่สุดก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา “ตัวเลือกข้าเลือกเอาไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะที่ควรแล้ว ข้าก็จะให้เขาไปสู่ขอที่จวนชิ่งชวนโหว! ” 

 

 

“โอ๊ะโอ๋ ตื่นขึ้นมาได้แล้วเหรอ” 

 

 

เมื่อซูหว่านหมุนกายกลับไปเอียงตัว ใช้ถลึงตาใส่ซูรุ่ยไปคำรบหนึ่ง 

 

 

“พระสนมที่รัก ภรรยาจ๋า” 

 

 

ซูรุ่ยเบิกตาโต มองมาทางซูหว่านด้วยสีหน้าน่าสงสาร 

 

 

สีหน้านี้ ไม่รู้ทำไมทำให้ซูหว่านคิดถึงซูเสี่ยวซู แม่ทัพซู ทำตัวบ้องแบ๊วหน้าไม่อาย! 

 

 

“หึ” 

 

 

หันไปหึใส่ซูรุ่ยไปหนึ่งที ซูหว่านจึงได้หมุนกายกลับมา สาละวนกับการสวมใส่เสื้อตัวนอกของตัวเอง 

 

 

“ข้าช่วยเจ้าใส่! ” 

 

 

ซูรุ่ยที่อยู่ด้านหลังลงมืออย่างรวดเร็ว เห็นซูหวั่นเปลี่ยนชุด เขาก็รีบคว้ามือออกมาแย่งเสื้อคลุมตัวนอกจากมือของซูหว่าน 

 

 

โอกาสที่จะได้ลูบคลำภรรยาของตัวเองอย่างเปิดเผย หากปล่อยผ่านไปก็น่าเสียดาย ท่านแม่ทัพซูไม่มีทางปล่อยผ่านไปแน่นอน! 

 

 

ท่านแม่ทัพซู เจ้านี่มันน่า น่าจะพอได้แล้ว! 

 

 

…… 

 

 

ปลายเดือนมีนาคม ท่านอ๋องมณฑลเหอหนานฉินเสียงก็พาแม่สื่อมายังจวนชิงชวนโหวดูตัว และขอบคุณหนูสองตระกูลเสิ่นเสิ่นชิงเหยา 

 

 

นี่สำหรับจวนชิงชวนโหวที่เงียบเหงามาหลายเพลาแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องมหามงคล ในวันนั้นเสิ่นเชี่ยเชิญชวนให้ฉินเสียงอยู่ร่วมรับประทานอาหารค่ำมื้อใหญ่ถึงได้จากไป 

 

 

และแม่นางอวี๋ก็ถูกใจท่านอ๋องมณฑลเหอหนานที่รูปลักษณ์หล่อเหลาและฐานะที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เรื่องมงคลสมรสนี้ทำให้นางยิ้มแทบไม่หุบเลยทีเดียว 

 

 

และเสิ่นชิงเหยาในฐานะคนต้นเรื่อง ถึงแม้ว่าเธอจะชอบเด็กและมีจิตใจดำมืดและทะเยอทะยาน แต่ในด้านความรักแล้วกลับเป็นดั่งกระดาษขาว เสิ่นชิงเหยาที่อายุยังเยาว์คิดเสมอว่าตัวเองอาศัยอยู่ใต้ร่มเงาของเสิ่นชิงจิ่น เธอคิดถึงขั้นที่ว่าหากอีกหน่อยเสิ่นชิงจิ่นมีผู้ชายที่รักใคร่แล้ว เธอเองจะต้องทำทุกวิถีทางแย่งมาให้ได้ แบบนี้เธอถึงจะรู้สึกมีความสุข 

 

 

แต่ว่าตอนนี้เสิ่นชิงจิ่นเป็นที่แน่ชัดว่าถูกบิดาทอดทิ้ง ในกลุ่มราชนิกุลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ชื่อเสียงของเธอนั้นป่นปี้ เธอในตอนนี้ไม่ใช่คุณหนูจวนเสิ่นที่ต้องแอบซ่อนอิจฉาริษยาอีกต่อไปแล้ว 

 

 

ที่จริงแล้วในเวลานี้เสิ่นชิงเหยาอาจจะหลงทางไปหน่อย สำหรับฉินเสียงแล้ว เธอเองก็ไม่ถึงกับเกลียดและก็ไม่ถึงกับรักใคร่ชอบพอ แต่ว่าในงานเลี้ยงอาหารค่ำของตระกูลเสิ่น เห็นเสิ่นชิงจิ่นจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ และประสบกับอิจฉาตาร้อนที่มองมาที่ตัวเองแล้ว ภายในใจของเสิ่นชิงเหยาก็พลันรู้สึกสะใจ 

 

 

ขอเพียงทำให้เสิ่นชิงจิ่นไม่มีความสุข เธอเองก็มีความสุขเป็นอย่างมากแล้ว (ดังนั้นว่าไปแล้วนางเอกและนางรองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นคู่แค้นคู่อาฆาตกันเหรอ) 

 

 

ในวันนี้งานเลี้ยงอาหารค่ำของจวนชิ่งชวนโหวดำเนินไปจนถึงกลางดึก 

 

 

กว่าจะสิ้นสุดทุกคนแยกย้าย ก็กลับไปยังห้องนอนอย่างเหนื่อยอ่อน เสิ่นชิงจิ่นส่งให้คนรับใช้ออกไป เธอคนเดียวอยู่ในห้อง หยิบทุกอย่างที่เขวี้ยงได้เขวี้ยงจนแตกกระจาย 

 

 

เธอไม่ยอม! 

 

 

ทำไมกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมคนอย่างซูหว่านและเสิ่นชิงเหยาถึงได้มีความสุข 

 

 

พวกนางมีสิทธิอะไรกัน 

 

 

เสิ่นชิงจิ่นที่ถูกความโกรธแค้นครอบงำ และความดื้อดึงพรางตาประกายตาอาฆาตมาดร้าย กัดริมฝีปากตัวเองอย่างเคียดแค้น เธอจะไม่ให้เสิ่นชิงเหยามีความสุข ไม่มีวัน… 

 

 

หากจะทำให้คนอื่นมลายหายไป ก็จำเป็นจะต้องทำให้ขาดสติก่อน! 

 

 

เสิ่นชิงจิ่นที่เข้าสู่ความบ้าคลั่งและก็ไม่สนใจจะสงสัยสาวรับใช้ข้างกาย เธอเลือกใช้วิธีเดียวกับครั้งก่อนที่ทำกับซูหว่าน ใช้ชื่อของตัวเองส่งจดหมายให้กับฉินถิง จากนั้นใช้ชื่อของฉินเสียงส่งจดหมายนัดเสิ่นชิงเหยาให้ออกมาพบ 

 

 

ห้องที่ทั้งสองคนจะมาพบกันเสิ่นชิงจิ่นก็ได้จัดการตระเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว เธอเตรียมการที่ทรงประสิทธิภาพเอาไว้อย่างดีทั้งเร่ง อารมณ์ กลิ่น ในครั้งนี้เสิ่นชิงจิ่นแอบซ่อนตัวคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด เธอจะต้องเห็นจุดจบของเสิ่นชิงเหยาด้วยตาตัวเอง 

 

 

เพียงแต่ว่าน่าเสียดาย บทบาทนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เสิ่นชิงจิ่นคาดการณ์ เมื่อเวลาในการนัดพบมาถึง คนที่นัดที่ควรจะต้องมา กลับเปลี่ยนจากฉินถิงเป็นฉินเย่ว์ 

 

 

ทำไมถึงเป็นองค์ชายสอง 

 

 

มองเห็นฉินเย่ว์เดินเข้าไปในห้องที่ตัวเองจัดฉากเอาไว้เป็นอย่างดี เสิ่นชิงจิ่นกำลังจะออกไปขัดขวาง ในตอนนั้นเองเสิ่นชิงเหยาก็มาตามนัด เห็นเสิ่นชิงเหยาที่แต่งกายเย้ายวน เท้าที่ยกเตรียมก้าวออกไปของเสิ่นชิงจิ่นก็หยุดลง 

 

 

ขอเพียงแต่สามารถทำลายงานแต่งงานของเสิ่นชิงเหยาได้ ผู้ชายคนนั้นจะเป็นใครจะสำคัญอะไรอีก 

 

 

เธอไม่สนใจ 

 

 

กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เธอยังมีอะไรที่ต้องสนใจและสูญเสียอีกกัน 

 

 

มองเห็นทั้งสองคนเข้าไปในห้องกับตา ในใจของเสิ่นชิงเหยาก็ค่อยๆ สงบลง ที่จริงแล้วเธอก็ใช้ชื่อเสิ่นชิงเหยาเชื้อเชิญฉินเสียง เพียงแต่ว่าเวลาจะช้ากว่าหน่อยเท่านั้น 

 

 

การวางแผนแบบนี้ถึงแม้จะดูโง่ แต่ก็เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว 

 

 

เสิ่นชิงจิ่นอยากจะเห็นจริงๆ ในตอนที่ถูกฉินเสียงเห็นเข้า มีหน้าของเสิ่นชิงเหยาจะเป็นอย่างไร 

 

 

“ตึ้ง! ” 

 

 

ในตอนที่เสิ่นชิงจิ่นกำลังดีใจอยู่นั้น ประตูใหญ่ของห้องก็ถูกคนด้านในกระแทกเปิดออก 

 

 

เสิ่นชิงจิ่นที่แอบอยู่ด้านหนึ่งตกตะลึง ช้อนสายตาขึ้นไปมองก็เห็นฉินเย่ว์ที่สีหน้าไม่สบอารมณ์รีบร้อนเดินออกมา 

 

 

ชายคนนี้… 

 

 

มองอย่างสงสัยไปยังทางที่ฉินเย่ว์เดินจากไป ภายในใจของเสิ่นชิงจิ่นตอนนี้ยังเกิดความสับสน ถูกฉินถิงหักหลังมาก่อน ภายในใจของเธอผู้ชายทุกคนบนโลกนี้เป็นคนที่สามารถถูกความสวยงามเย้ายวนทำให้ลุ่มหลง แต่คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้ต่อหน้าสิ่งสวยงาม ฉินเย่ว์กลับสามารถหลบหนีออกไปได้ 

 

 

ฉินเย่ว์เป็นคนที่สามารถฝากตัวฝากใจไว้ได้ แต่เสิ่นชิงจิ่นในเวลานี้ไม่ได้คิดอะไรมากอีกแล้ว 

 

 

ในตอนนี้ภายในห้อง เหลือแต่เพียงเสิ่นชิงเหยา รอจนฉินเสียงมาแล้วนี่ก็เท่ากับเข้าทางพวกเขาสิ 

 

 

เสิ่นชิงจิ่นลังเลชั่วครู่ สุดท้ายแล้วก็รวบรวมความกล้าออกมาจากจุดที่ซ่อน เธอเดินอย่างเชื่องช้าและระมัดระวังมายังหน้าประตูห้อง ชะโงกไปมองจากด้านหนึ่งเข้าไปในห้อง 

 

 

ในตอนนี้ประตูใหญ่นั้นเปิดออก ภายในห้อง ว่างเปล่า! 

 

 

ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ 

 

 

เสิ่นชิงจิ่นตกตะลึง เธอได้สติก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง กลิ่นหอมภายในห้องสลายหายไปนานแล้ว เสิ่นชิงเหยาที่เดิมทีควรจะอยู่ในห้อง กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

“พี่คะ พี่หาหนูอยู่เหรอคะ” 

 

 

ด้านหลังพลันปรากฏเสียงอ่อนนุ่มลอยมา เสิ่นชิงจิ่นหมุนกายกลับไปอย่างช้าๆ ฉับพลันร่างกายก็ถูกตรึงอยู่กับที่ 

 

 

เสิ่นชิงเหยาสีหน้ายิ้มแย้มยืนอยู่ด้านนอก ด้านข้างของเธอมีเงาร่างยืนอยู่ขนาบข้าง ที่แท้เป็นฉินเย่ว์และ…เสิ่นอวี้ซู! 

 

 

“ชิงจิ่น คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะร้ายกาจเพียงนี้” 

 

 

เสิ่นอวี้ซูสีหน้าเจ็บปวด มองไปทางน้องสาวของตัวเอง น้องสาวที่เขาเอ็นดูในตอนนี้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน 

 

 

ชิงจิ่นที่จิตใจงดงามคนก่อนนั้นไปไหนแล้ว 

 

 

“พี่ พี่ใหญ่ พี่ฟังฉันอธิ…” 

 

 

เห็นเงาร่างของเสิ่นอวี้ชิง เสิ่นชิงจิ่นตื่นตระหนก เธอรีบเร่งฝีเท้าเดินไปด้านหน้าของเสิ่นอวี้ซูและอธิบายกับเขา แต่เสิ่นอวี้ซูกลับผลักมือเธอออกอย่างเย็นชา 

 

 

“น้องไม่ต้องแก้ตัวอีกแล้ว พี่ไม่มีน้องแบบนี้!”