ส่วนที่ 6 คุณหนูใหญ่หวนคืน ตอนที่ 24 คุณหนูใหญ่หวนคืน

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

หลังจากงานแต่งที่จัดใหญ่โตของซูหว่านและซูรุ่ยแล้ว ข่าวคราวของทั้งสองคนก็กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีติดตาม และถกเถียงกันไปทั่วทั้งเมืองหลวง 

 

เนื่องมาจากวันงานแต่งนั้นท่านอ๋องจิ้นมีวิธีการจัดงานได้เท่เหลือเกิน ทำให้หลังจากนั้นมาการแต่งงานของบรรดาราชนิกุลผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงละทิ้งเกี้ยวและทุกอย่างเปลี่ยนเป็นบ่าวสาวนั่งรถม้าด้วยกัน 

 

อะไรนะ นายว่านายจะใช้เกี้ยวเจ้าสาวแบบแปดคนยกพาฉันเข้าจวนเหรอ  

 

นายจะต้องไม่ได้รักฉันแล้ว ต้องไม่รักฉันแล้วแน่นอน! หากนายรักฉันจริงก็ควรจะต้องมานั่งเกี้ยวเดียวกัน สนิทสนมแนบแน่น… 

 

สองสามีสกุลซู ที่กลายเป็นผู้ปลุกกระแสงานมงคลสมรสแบบใหม่ขึ้นในเมืองหลวง ในตอนนี้กำลังเข้าพิธีสมรสและไม่ได้รู้เรื่องราวโลกภายนอกแม้แต่น้อย นับตั้งแต่งานมงคลสมรสใหม่ได้สามวัน ซูหว่านกลับมาบ้านแล้ว ทั้งสองคนก็แทบไม่ออกมาข้างนอก เวลาส่วนใหญ่ทั้งสองคนอยู่ที่จวนหวัง ฟังละครเพลง พูดคุยกัน หากเบื่อก็ไปที่สวนสัตว์หายาก หยอกล้อเล่นกับเจ้าขาวที่ตัวอวบอ้วน และเดิมทีสายเลือดฮ่องเต้องค์หนึ่งที่อาศัยจวนจิ้นหวัง คิดลอบปลงประชนม์ฮ่องเต้ก็ถูกซูรุ่ยขับไล่ส่งออกไปเกิดใหม่เรียบร้อย… 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าเดือนมีนาคม อากาศเริ่มกลับมาอบอุ่น เดือนมีนาคมเป็นช่วงที่ดอกไม้ใบหญ้ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สวนด้านหลังของจวนจิ้นหวังก็มีต้นท้อปลูกอยู่หลายต้น ได้เห็นดอกท้อบานสะพรั่งในปีนี้ ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะร้องชมออกมาไม่ขาดปาก แต่ไม่รู้ทำไมคำพูดของซูหว่านเมื่อลอยไปเข้าหูของซูรุ่ยแล้ว ไม่นานท่านอ๋องของบ้านก็สั่งคนให้ไปย้ายป่าท้อแถบชานเมืองเข้ามาปลูกในจวนตามที่ต่างๆ 

 

จวนสี่ประสานที่แบ่งเป็นสามตอนใหญ่โตหลังหนึ่ง ลานทั้งหมดเต็มไปด้วยต้นท้อที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง 

 

นับแต่นั้นมาทั่วเมืองหลวงก็มีเสียงเล่าลือเพิ่มขึ้นมา เกี่ยวกับคู่รักจิ้นอ๋อง และจวนต่างๆ ที่เก็บตัวอยู่ตลอดหน้าหนาวบรรดาองค์ชายและองค์หญิงทั้งหลายเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิก็ขี้เกียจเคลื่อนไหว พอได้ยินว่าจวนจิ้นอ๋องภายในลานบ้านมีแต่ต้นท้อปลูกสะพรั่งไปหมด งดงามราวกับสวรรค์ดอกท้อ ก็มีคนเริ่มอยากที่จะกระวีกระวาดจะมาเดินเล่นในสถานที่งดงามนี้สักคราเหมือนกับความรักอันแสนโรแมนติกของสองสามีภรรยาจวนจิ้นอ๋อง 

 

ดังนั้นภายใต้การยุยงส่งเสริมจากเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายกลุ่มหนึ่ง องค์รัชทายาทมณฑลเหอนานฉินเสียงเสด็จมาเยี่ยมเยียนถึงจวนจิ้นอ๋องด้วยพระองค์เอง เขาลอบถามความสมัครใจของซูรุ่ยและซูหว่าน ได้ความว่าเหล่าพี่น้ององค์ชายทั้งหลายต้องการจะจัดงานชมดอกไม้ผลิที่ลานของจวนหวัง เดิมซูรุ่ยไม่เห็นดีเห็นงามด้วย ดอกท้อเหล่านั้นเขาเตรียมไว้ให้ซูหว่านได้ชม จะมาให้คนอื่นชื่นชมได้ง่ายๆ ได้อย่างไร แต่ทางด้านซูหว่านกลับชอบงานรื่นเริงครึกครื้น สุดท้ายแล้วก็โอนอ่อนตามเธอตัดสินใจจัดงานนี้ขึ้น 

 

ดังนั้น ข่าวที่พระชายาของท่านอ๋องจะจัดงานชมดอกไม้ก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง… 

 

นับแต่ที่ซูหว่านแต่งเข้ามายังจวนจิ้นชินอ๋อง จวนชิ่งชวนโหวก็ถูกหลายฝ่ายกดดันในท้องพระโรง และเสิ่นอวี้ซูเนื่องจากพฤติกรรมใจร้อนในคืนวันสมรสใหญ่ก็ถูกฝ่าบาทลงโทษสั่งหยุดกิจทางการทหารทั้งหมดและเก็บตัวสำนึกผิดอยู่แต่ในจวน 

 

จวนชิ่งชวนโหวในวันนี้แตกต่างกับเมื่อปีกลายเป็นอย่างมาก 

 

เสิ่นอวี้ซูถูกสกุลซูถอนหมั้น เสิ่นชิงจิ่นก็เนื่องมาจากเรื่องในวันส่งท้ายปีเก่านั้นชื่อเสียงก็ถูกทำลายจนไม่เหลือ 

 

ชิ่งชวนโหว เสิ่นเชี่ยเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกผิดหวังในตัวของลูกชายคนโตและลูกสาวคนโต เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าจะอาศัยความสวยและอ่อนเยาว์ของเสิ่นชิงจิ่นหาบ้านที่ดีให้กับเธอ แบบนี้ในท้องพระโรงเขาก็ได้มีตัวช่วยเพิ่มเข้ามาอีกแรงหนึ่ง น่าเสียดายที่ตอนนี้เสิ่นชิงจิ่นล้วนถูกราชนิกุลชั้นสูงรังเกียจ แม้แต่องค์ชายห้า ฉินถิงที่สนใจในตัวของเสิ่นชิงจิ่นมาตลอดช่วงนี้ก็ยังไม่ค่อยมาที่จวนตระกูลเสิ่น 

 

เหตุการณ์ทั้งหลายนี้ทำให้เสิ่นเชี่ยรู้สึกย่ำแย่ แต่ก็ยังดีที่เขาและนางอวี๋ยังมีลูกสาวอีกคนเสิ่นชิงเหยา เสิ่นชิงเหยาในตอนนี้ก็อายุถึงคราวที่จะลงหลักปักฐานได้แล้ว เสิ่นเชี่ยช่วยเธอคัดเลือกคนที่เหมาะสม และครั้งนี้ที่จวนจิ้นหวังจัดงานชมดอกไม้ขึ้น สำหรับเสิ่นชิงเหยาแล้วนี่เป็นโอกาสที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว 

 

งานชมดอกไม้ของจวนจิ้นอ๋องเทียบเชิญคุณหนูทั้งหลายยังหาไม่ได้ ซูหว่านก็ดำเนินการตามความทรงจำของเจ้าของเดิม เชื้อเชิญราชนิกุลสูงศักดิ์ทั้งหลายที่เธอรู้จังทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ในตอนที่ส่งเทียบเชิญให้กับตระกูลเสิ่นนั้น ซูหว่านส่งไปเพียงหนึ่งใบ หากไม่ผิดตามที่ซูหว่านคาดการณ์ ตระกูลเสิ่นจะส่งคุณหนูสองหรือก็คือเสิ่นชิงเหยามาร่วมงาน 

 

นับแต่ได้รับบาดเจ็บที่วังหลัง เสิ่นชิงเหยาก็เรียบร้อยขึ้นไม่น้อย เธอและนางอวี๋เป็นคนฉลาด หลังจากที่รับรู้ “แผนการร้าย” ของเสิ่นชิงจิ่นแล้ว สองแม่ลูกจะกระทำการใดล้วนแต่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เกรงกลัวว่าเสิ่นชิงจิ่นจะจับจุดอ่อนเอาได้ 

 

ครั้งนี้ในลานดอกท้อ เสิ่นชิงเหยาก็ระมัดระวังตัวตลอดเวลา แสดงออกถึงความเชื่อฟังว่านอนสอนง่าย และการแสดงแบบนี้นั้นก็ได้รับความสนใจจากคุณชายหลายคน 

 

เห็นเสิ่นชิงเหยาและองค์ชายในราชนิกุลกำลังคุยอย่างออกรสออกชาติ ซูหว่านก็ยิ้มออกมาอย่างเงียบๆ 

 

ความอิจฉาทำให้คนใจกล้าบ้าบิ่น ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงคนหนึ่งก็เป็นเช่นนี้ เสิ่นชิงเหยาในชาติที่แล้วก็คอยแต่จะอิจฉาพี่สาวที่ชีวิตดีกว่าตนเองถึงได้ใช้วิธีการไม่เลือกวางแผนทำร้ายจนเสิ่นชิงจิ่นเสียชีวิต 

 

และในชาตินี้ เสิ่นชิงจิ่นมองเห็นเสิ่นชิงเหยาได้ดีกว่าเธอเข้าทุกวันทุกวัน เธอจะทำอย่างไรนะ 

 

จวนชิ่งชวนโหว ในลานด้านหลัง 

 

เสิ่นชิงจิ่นสีหน้าเขียวคล้ำถลึงตาจ้องมองหน้าตัวเองในกระจก หมู่นี้เธอมักจะถูกปลุกด้วยฝันร้าย ในฝันร้ายนั้นทุกที่ปรากฏเสียงร้องระงมของเด็กและยังเปลวไฟขนาดใหญ่ที่ไม่มีสิ้นสุด ในฝันเธอหาทางออกไม่เจอ ได้แต่ถูกเผาไหม้ทั้งเป็นไปอย่างช้าๆ 

 

เรื่องราวในชาติที่แล้วนั้นยังจำได้ไม่ลืม แต่ว่า… 

 

เสิ่นชิงจิ่นกำมือของตัวเองจนแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ เธอคิดว่าหลังจากเกิดใหม่แล้วเรื่องราวต่างๆ จะเป็นไปตามที่เธอวาดฝันเอาไว้ แต่ว่านับตั้งแต่มาในโลกใบนี้ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

 

อวี้หรูไม่อยู่แล้ว 

 

ซูหว่านถอนหมั้นพี่ชายใหญ่เปลี่ยนไปแต่งงานกับจิ้นชินอ๋องกลายเป็นพระชายาท่านอ๋อง 

 

และพี่ชายใหญ่เขา…คล้ายกับว่าจะเข้าใจผิดไม่กล้าเข้าใกล้ตัวเธออีก 

 

เสิ่นชิงเหยานังงูพิษในชาตินี้กลายเป็นคนฉลาดมากขึ้นและระมัดระวัง ตัวเธอเองแทบจะไม่สามารถจับไต๋ของนางและแม่นางอวี๋ได้เลย… 

 

เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่รู้ว่านับตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หลุดออกจากการควบคุมของเสิ่นชิงจิ่น เรื่องเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกวางใจ บางที คงจะมีแต่คนคนนั้นแล้วล่ะ 

 

ประกายตาของเสิ่นชิงจิ่นสั่นสะท้าน เธอหวนกลับคิดถึงตอนที่ตัวเองได้สติกลับมาจากความหนาวเหน็บจนแทบแข็งตายในวันนั้นอีกแล้ว สายตาที่แน่นิ่งและเป็นห่วงเป็นใยของชายคนนั้น 

 

องค์ชายสอง ฉินเย่ว์ 

 

เสิ่นชิงจิ่นและเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่วันนั้นเป็นเขาที่ช่วยเธอที่ตกลงไปในคูน้ำแข็งอย่างไม่คิดชีวิต 

 

และยังวันนั้น สายตาที่เขามองเธอนั้นลุ่มหลงหลงใหลในตัวเธอเป็นอย่างมาก ทำให้เสิ่นชิงจิ่นอดที่จะใจสั่นไม่ได้… 

 

หลังจากงานชมดอกไม้จบลง เมืองหลวงก็บังเกิดฝนตกลงมาเล็กน้อย นี่เป็นฝนในฤดูใบไม้ผลิแรกของปี รถม้าหรูหราคันหนึ่งกำลังวิ่งไปตามถนนที่ทอดยาวอย่างช้าๆ ในตอนที่เคลื่อนผ่านประตูใหญ่ของจวนชิ่งชวนโหว ผ้าม่านของหน้าต่างรถม้าถูกคนเลิกขึ้น ปรากฏกรอบหน้าเด่นชัดเครื่องหน้าหล่อเหลาขึ้นมา 

 

ฉินเย่ว์เหม่อมองป้ายใหญ่ของจวนชิ่งชวนที่ถูกปรอยฝนบดบังจนทำให้เห็นไม่ค่อยชัดเจน ไม่รู้ว่าทำไมหวนกลับไปคิดถึงวันหนึ่งในต้นฤดูหนาวแรกของปีกลาย วันนั้นเขาได้รับราชโองการออกจากเมืองหลวงไปปฏิบัติราชกิจ แต่สุดท้ายไปได้ครึ่งทางก็พบกับนักฆ่าฝีมือดีคนหนึ่ง องครักษ์ข้างกายเสียชีวิตไปนายหนึ่ง ฉินเย่ว์ถูกองครักษ์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ปกป้องอย่างสุดกำลังท้ายที่สุดก็หนีออกมาได้ แต่ทั้งสองคนในระหว่างที่หนีเอาชีวิตรอดก็วิ่งคลาดจากกัน 

 

ในตอนนั้นฉินเย่ว์เองก็ได้รับบาดเจ็บหนัก ในวันนั้นเขาคิดว่าตัวเองจะต้องมาตายในสถานที่โดดเดี่ยวรกร้าง ผลสุดท้ายสตรีเสื้อเขียวนางหนึ่งก็เหมือนลงมาจากสวรรค์ ช่วยดึงเขาออกมาจากเขตแดนของความเป็นความตาย 

 

ในตอนนั้นฉินเย่ว์บาดเจ็บจนสติเลอะเลือน แต่เขาก็มองเห็นใบหน้าของสตรีผู้นั้นที่ใส่ยาให้กับเขาโดยไม่ได้ถอดเสื้อเขาออก 

 

เธอคือ…เสิ่นชิงจิ่น 

 

ในบางครั้ง ใจสั่นไหวก็เกิดในเวลาแค่เพียงสั้นๆ 

 

ก่อนที่ฉินเย่ว์จะหมดสติลงไปโดยสมบูรณ์ เขามองเห็นเสิ่นชิงจิ่นสายตาอ่อนโยนแข็งขันเพ่งความสนใจไปที่การพันผ้าที่บาดแผลของเขาอย่างเลือนราง ในตอนนั้นเธอก็นั่งเอียงกายอยู่เหนือศีรษะของเขา ปลายผมอันอ่อนนิ่มก็วาดผ่านแก้มเขาไปอย่างแผ่วเบา 

 

วาดผ่านเพียงแผ่วเบานั้นก็วาดผ่านหัวใจของเขาไปด้วย 

 

รถม้าจอดอยู่ที่หน้าจวนชิงชวนโหวประเดี๋ยว สุดท้ายฉินเย่ว์ก็ปล่อยผ้าม่านลง สั่งการให้คนรับใช้เคลื่อนรถม้าบ่ายหน้ากลับไปยังจวนของตัวเอง 

 

ฝนยิ่งนานยิ่งตกหนัก 

 

สตรีชุดดำคนหนึ่ง ยืนสงบนิ่งอยู่กลางถนนที่ทอดยาว เส้นผมสีดำขลับถูกฝนจนเปียกโชก แต่เธอก็ยังไม่สนใจยืนปักหลักอยู่ตรงที่เก่า จ้องมองไปทางที่รถม้าของฉินเย่ว์จากไป 

 

“จุยเสวี่ย กลับไปเถอะ ภารกิจของเธอจบลงแล้ว” 

 

เสียงของบุรุษที่แหบพร่าปรากฏขึ้นจากเบื้องหลัง ท่ามกลางไอฝนเงาร่างราวกับมาจากความฝันก่อตัวขึ้นเป็นร่างเงาสูงสง่าข้างกายจุยเสวี่ย 

 

“จุยเสวี่ย” 

 

จุยเสวี่ยหันกลับไปมอง จ้องมองบุรุษข้างกายของตัวเองอย่างไม่วางตา “ข้าเป็นองครักษ์ที่ไม่ได้เรื่อง ข้า…” 

 

ข้าบังเกิดความรู้สึกกับเป้าหมายในภารกิจ…ตกหลุมรัก 

 

จุยเสวี่ยหัวเราะออกมา แต่ไม่ได้กล่าวประโยคนั้นออกไป หากเปล่งออกไป เธอจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว 

 

กฎของจวนจิ้นอ๋อง คนทรยศต้องตาย 

 

แม้ว่าจะตกหลุมรักคนที่ไม่ควรตกหลุมรัก แต่ว่าจุยเสวี่ยยังคงตระหนักถึงการมีชีวิตอยู่ของเธอได้ไม่ลืม 

 

ปกป้องท่านอ๋อง ถวายชีวิตให้กับท่านอ๋อง 

 

ชีวิตของเธอทั้งชีวิตเดิมทีก็ไม่ได้เป็นของตัวเอง เช่นนั้นแล้ว เธอจะเอาอะไรไปคาดหวังกับความรัก 

 

องครักษ์ ตำแหน่งที่แอบซ่อนและปกป้อง ทั้งชีวิตคู่ควรกับการอยู่ในเงามืด ไม่สามารถยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ได้…