เซี่ยยวี่หลัวไปห้องครัวเพื่อล้างมือ จากนั้นจึงกลับห้องไปทาขี้ผึ้งบำรุงผิว ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวยังนั่งอยู่ในห้องไม่ยอมออกไป
เซียวจื่อเซวียนมาตามนาง “พี่สะใภ้ใหญ่ มากินข้าวได้แล้วขอรับ! “
เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากประจันหน้ากับเซียวยวี่ จึงยิ้มพร้อมกล่าว “ให้พวกเจ้ากินก่อนไม่ใช่หรือ? “
เซียวจื่อเซวียน “พวกเรารอท่านอยู่ขอรับ พี่ใหญ่เพิ่งดื่มน้ำแกงปลาแค่คำเดียว เขาบอกว่าอร่อยมากขอรับ! “
“เช่นนั้นก็รีบไปกินเถอะ พี่ใหญ่ของเจ้าอ่านตำรามาตลอดช่วงเช้า ต้องหิวแล้วแน่ ส่วนข้า… ยังต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่ง! ” เซี่ยยวี่หลัวทำทีเป็นหยิบขี้ผึ้งบำรุงผิวขึ้นอีกครั้ง แสร้งทำเป็นจะทาอีกรอบ
เซียวจื่อเซวียนไม่รีบ “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราจะรอท่านขอรับ! ” กล่าวจบ ก็นั่งลงข้างเตียงจริงๆ ทำท่าทางราวกับว่าหากนางไม่ไปกิน พวกเขาก็จะไม่กินอย่างไรอย่างนั้น!
ผู้ใหญ่ยังไม่มา เด็กเล็กห้ามกินก่อน นี่เป็นมารยาทที่เซี่ยยวี่หลัวสอนพวกเขา
ตอนเด็กท่านปู่ท่านย่าเอ็นดูนาง กลัวว่านางจะหิว จึงทำอาหารไปพลางให้เซี่ยยวี่หลัวกินไปพลาง ในภายหลังท่านแม่จึงสอนนาง ว่าผู้ใหญ่ยังไม่มา เด็กเล็กกินข้าวก่อน เป็นการไม่เคารพต่อผู้ใหญ่ หากอยู่ในบ้านผู้อื่น เช่นนี้จะเหมือนเป็นคนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน
ความคิดมุมมองของเด็กนั้นต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก เซี่ยยวี่หลัวย่อมเข้มงวดกับเด็กสองคนเช่นกัน
นางยังไม่ไปกิน เด็กสองคนย่อมไม่กินจริงๆ !
เซี่ยยวี่หลัวจนปัญญา ได้แต่ทาขี้ผึ้งบำรุงผิวอีกเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้น “เช่นนั้นก็ไปกัน ไปกินข้าวกัน! “
เมื่อกลับถึงห้องโถง ไม่รู้ว่าเซียวจื่อเมิ่งกล่าวอะไร หยอกเย้าจนเซียวยวี่ยิ้มอย่างเบิกบานใจ
ขณะเซี่ยยวี่หลัวเดินเข้าไป เห็นเซียวยวี่ไหวคิ้วและปริปากแย้มรอยยิ้มอยู่ ยามนี้ เขาไม่มีความเจนจัดและนิ่งขรึมเหมือนปกติ ยิ้มราวกับเด็กก็มิปาน
เวลานี้ท่านราชบัณฑิตน้อยเพิ่งอายุสิบเจ็ดปี เดิมทีก็เป็นเด็กที่ยังไม่โตอยู่แล้ว
เมื่อเซียวยวี่เห็นเซี่ยยวี่หลัวเข้ามา จึงหุบยิ้ม กลับสู่ท่าทางนิ่งขรึมตามเดิม เซี่ยยวี่หลัวนั่งลงตรงข้ามเขา เซียวยวี่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ
ทำเหมือนนางเป็นอากาศธาตุ
เซี่ยยวี่หลัวก็ก้มหน้ากินข้าว จิตใจสับสนวุ่นวาย
หลังกินมื้อเที่ยง เซียวจื่อเซวียนทำความสะอาดชามกับตะเกียบ เมื่อก่อนเซี่ยยวี่หลัวไม่เคยช่วย ตั้งแต่เซียวยวี่กลับมา นางก็ช่วยเซียวจื่อเซวียนทำความสะอาด นางอ้างว่าไม่อยากอยู่คนเดียว เมื่อทำงานเสร็จแล้วก็ไปนอนกลางวัน
เซียวยวี่มองตำราตรงหน้าด้วยอาการเหม่อลอย
กินมื้อเที่ยงเสร็จ เขาก็กลับห้องของตัวเอง
ความจริงเขาไม่ชอบกินหน่อไม้
เมื่อก่อนไม่มีอะไรกิน ต้องทนหิวบ่อยๆ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ หน่อไม้ที่ขึ้นในป่าไผ่สามารถกินให้อิ่มท้องได้ เพียงแต่การกินหน่อไม้มากจะทำให้ไม่สบายท้อง เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งยังเด็ก เซียวยวี่เกรงว่าพวกเขากินหน่อไม้เยอะแล้วจะท้องเสีย จึงโกหกว่าตัวเองชอบกินหน่อไม้ เพื่อเหลืออาหารอื่นๆ ไว้ให้เด็กสองคน ส่วนเขาเองกินแต่หน่อไม้เหล่านั้น
เมื่อก่อนไม่มีน้ำมันและเกลือ หน่อไม้ที่ต้มด้วยน้ำเปล่าทั้งไม่มีรสชาติและเคี้ยวยาก เซียวยวี่เคยกินมาพักใหญ่ ปวดท้องแทบแย่ แต่กลับไม่เคยบ่นแม้แต่คำเดียว ทุกครั้งที่กิน ก็แสร้งทำทีเป็นชอบกินมาก เด็กสองคนจึงนึกว่าเขาชอบกินหน่อไม้มาตลอด
เซียวยวี่ไม่ชอบกินหน่อไม้ ในภายหลังยามเห็นหน่อไม้อีก ภายในกระเพาะก็มีกรดไหลย้อน
เดิมทีเขาไม่อยากกิน แต่เด็กสองคนคีบให้เขา เซียวยวี่ไม่อยากให้พวกเขารู้ความจริง ได้แต่ฝืนกินลงไป หลังจากกินไปหนึ่งชิ้น เซียวยวี่ก็ตกตะลึงเมื่อพบว่า หน่อไม้นี่ ต่างจากหน่อไม้ที่เขาเคยกินในอดีต
หน่อไม้ทั้งหอมทั้งมีรสสัมผัสตอนเคี้ยว อร่อยจนแทบกัดลิ้น
นำหน่อไม้สดใหม่ไปตากแห้ง จากนั้นนำมาผัดกับเนื้อหมู วิธีกินเช่นนี้ เซียวยวี่เพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก หน่อไม้เช่นนี้ ไม่เพียงไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวรุนแรงเหมือนเมื่อก่อน นอกจากนั้น ผัดกับเนื้อหมู หน่อไม้ก็ทั้งหอมและมีรสสัมผัสมากกว่าเดิม
อร่อยจริงๆ !
เซียวยวี่ก็ถือเป็นคนที่เคยผ่านอะไรมามาก เมื่อก่อนช่วงที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ มักจะได้ไปกินอาหารในภัตตาคาร ในภัตตาคารมีอาหารไม่น้อย ถึงเวลานี้เซียวยวี่ยังคงจำได้ แม้ว่าเวลานี้ครอบครัวยากจน เขาไม่ได้ไปภัตตาคารอีก แต่อาหารขึ้นชื่อเหล่านั้น เขายังจำได้ทั้งหมด
เขายังไม่เคยเห็นภัตตาคารใดทำหน่อไม้ผัดเนื้อหมูมาก่อน!
ยังมีน้ำแกงปลาใส่ไข่ดาว น้ำแกงปลาทั้งหอมทั้งอร่อย เนื้อปลาทั้งหอมทั้งนุ่ม เซี่ยยวี่หลัวคิดวิธีปรุงอาหารเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร!
“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงมาอ่านตำราอีกแล้วเจ้าคะ? ” เซียวจื่อเมิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามาในห้อง พอเห็นเซียวยวี่นั่งอ่านตำราอยู่ที่เก้าอี้ ก็หัวเราะคิกคักพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าเพิ่งกินข้าวเสร็จอย่าเอาแต่นั่ง ถ้าเอาแต่นั่งจะย่อยยาก จะมีท้องน้อยๆ นะเจ้าคะ! “
ท้องน้อยๆ ?
หมายถึงพุงงั้นหรือ?
เซียวยวี่ก้มมองท้องของตัวเอง
ท้องของเขาเรียบแบน ไม่มีพุง
เซียวจื่อเมิ่งเดินขึ้นหน้าไปดึงเซียวยวี่ กล่าวอย่างมีลับลมคมใน “พี่ใหญ่ ข้าจะให้ท่านดูของดีเจ้าค่ะ! “
ทั้งสองคนมายังสวนหลังบ้าน เซียวยวี่เห็นกรงหนึ่งใบ ภายในกรงมีกระต่ายสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะสี่ตัวกำลังขยับปากสามกลีบกินใบหญ้าอยู่
กระต่ายถูกเลี้ยงดูจนตัวใหญ่แข็งแรง ขนสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะไม่มีสีอื่นปนแม้แต่น้อย
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่ใหญ่ นี่เป็นกระต่ายที่พี่สะใภ้ใหญ่จับมาเจ้าค่ะ จับได้ห้าตัว กระต่ายตัวใหญ่ขายไปแล้ว ท่านอาเซียวเหลียงบอกว่ากระต่ายตัวเล็กพี่สะใภ้ใหญ่เก็บไว้ให้ข้าเลี้ยง ท่านว่าดูดีหรือไม่เจ้าคะ? “
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม “ดูดีจริงๆ ! “
กระต่ายขาวบริสุทธิ์เช่นนี้ ถือว่าหาได้ยากจริง
เพียงแต่ กระต่ายนั้นจับได้ยาก แม้แต่คนล่าสัตว์ที่ชำนาญก็ยังจับกระต่ายได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องจับให้ได้กระต่ายตัวเป็นๆ
เซี่ยยวี่หลัวใช้วิธีอะไร ถึงจับกระต่ายมาได้ทั้งรัง?
เซียวจื่อเมิ่งไม่เห็นท่าทีสงสัยของเซียวยวี่ กล่าวต่อด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่ใหญ่ นี่คือแตงโมเจ้าค่ะ ข้าต้องรดน้ำให้มัน ทั้งยังต้องใส่ปุ๋ยให้มัน พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า อุจจาระของกระต่ายสามารถใช้เป็นปุ๋ยได้ ท่านดูสิเจ้าคะ ข้าเลี้ยงกระต่ายได้ดี แตงโมก็ออกผลแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ยังชมว่าข้าเก่งเลย! ทั้งยังบอกว่ารออีกสองเดือน พวกเราก็จะได้กินแตงโมลูกใหญ่เท่านี้ด้วยเจ้าค่ะ”
นางวาดมือเป็นวงกลมขนาดใหญ่ด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ สีหน้าเบิกบาน พอยิ้มแล้วดวงตาคู่โตก็หยีจนแทบไม่เห็นตา สีหน้าอยากกินเต็มประดา
เซี่ยยวี่หลัวจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ปลูกแตงโมโดยเฉพาะ เวลานี้แตงโมออกดอกแล้ว บางต้นก็ออกผลแตงโมลูกเล็กแล้ว อีกสองเดือน ก็จะได้กินแตงโมแล้ว
เซียวยวี่เอ่ยชมนาง “อาเมิ่งเก่งจริงๆ ! “
เซียวจื่อเซวียนล้างชามเสร็จแล้ว เช็ดมือพลางเดินมาสวนหลังบ้าน พอได้ยินวาจาของเซียวจื่อเมิ่งก็กล่าวเป็นเชิงตำหนิ “เจ้าแมวน้อยจอมตะกละ พี่สะใภ้ใหญ่ปลูกแตงโมนี่ต้องดูแลเอาใจใส่เพียงใด ทั้งต้องใช้หญ้าแห้งรักษาความอบอุ่น ทั้งยังต้องคอยรดน้ำใส่ปุ๋ยทุกสามวันห้าวัน พวกเราได้แต่ดู รอมันโตแล้ว พวกเราถึงได้รดน้ำใส่ปุ๋ยเล็กน้อย ถ้าจะพูดถึงความดีความชอบ พี่สะใภ้ใหญ่ถึงจะเหนื่อยที่สุด! “
เซียวจื่อเมิ่งแลบลิ้นด้วยท่าทางเก้อเขิน ก่อนกล่าวเสียงใส “ข้ารู้เจ้าค่ะ รอให้ถึงตอนกินแตงโมลูกแรก คำแรกที่หวานที่สุดจะให้พี่สะใภ้ใหญ่กินแน่เจ้าค่ะ”
“เช่นนี้ค่อยดีหน่อย! ” เซียวจื่อเซวียนหัวเราะนาง
เซียวยวี่ก็หัวเราะตาม ลูบศีรษะเซียวจื่อเมิ่งด้วยความเอ็นดู “อาเมิ่งเด็กโง่! “
สติของเขาเลื่อนลอย รอยยิ้มหายไปอย่างรวดเร็ว คิ้วได้รูปขมวดมุ่นจนเป็นปม
ทำอาหารเป็น จับกระต่ายเป็น ทั้งยังปลูกแตงโมเป็น มีฝีมือดีในทุกด้าน
เซี่ยยวี่หลัวนะเซี่ยยวี่หลัว เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!