เรื่องที่เซียวยวี่กลับมา เพราะท่านลุงสี่ไปป่าวประกาศ ผู้คนทั่วทั้งหมู่บ้านต่างรู้แล้ว
เซียวหมิงจูนำผ้าเช็ดหน้าไปส่งในตัวเมือง เมื่อกลับมา ขณะผ่านใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ได้ยินเรื่องที่เซียวยวี่กลับมาแล้ว
“ท่านว่าอะไรนะ? อายวี่กลับมาแล้ว? ” เซียวหมิงจูตื่นเต้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ
“ใช่แล้ว ได้ยินท่านพ่อของเจ้าบอกมา ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างก็ดีใจ “ไม่รู้ว่าครั้งนี้อายวี่สอบเป็นอย่างไรบ้าง หากสอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉ หมู่บ้านของเราก็จะมีซิ่วไฉเพิ่มอีกหนึ่งคน! ”
“หมู่บ้านของเราจะคึกคักขึ้นอีกระยะหนึ่งแล้ว เฮ้อ ได้ยินว่าเดือนหน้าถึงจะประกาศผลใช่หรือไม่? ”
“ข้าคิดว่าเป็นไปได้ เจ้าไม่เห็นหรือ ภรรยาเซียวยวี่เปลี่ยนไปมากขนาดนั้น คงคิดว่าครั้งนี้เซียวยวี่จะสอบผ่าน จะได้เป็นฮูหยินซิ่วไฉน่ะสิ! ”
“ดังนั้น สตรีที่หน้าตาดีก็ถือว่ามีต้นทุน ต้องกอดอิฐทองอย่างเซียวยวี่ไว้ให้แน่น ข้าคิดว่าหากเซียวยวี่สอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉ ปีหน้าก็น่าจะได้กอดเจ้าหนูตัวอ้วนแล้ว”
กลุ่มชาวบ้านพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน คิดว่าหากเซียวยวี่สอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉ ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาดีขึ้น ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
แต่พอเซียวหมิงจูได้ฟังถ้อยคำเหล่านี้ ก็รู้สึกไม่พอใจ ได้ยินพวกเขากล่าวถึงเซี่ยยวี่หลัว ใบหน้าก็เปลี่ยนสีทันที ก่อนกล่าวเสียงแหลม “เซี่ยยวี่หลัวที่ลุ่มหลงในลาภยศชื่อเสียง และเอาแต่ล่อลวงผู้อื่นเช่นนั้นจะคู่ควรกับพี่อายวี่ได้อย่างไร พี่อายวี่ไม่มีทางอยากได้ลูกที่เกิดจากสตรีเช่นนั้นแน่! ”
กล่าวประโยคนี้จบ ก็กลับบ้านไปด้วยความโมโห
ชาวบ้านที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ได้ฟังดังนั้นต่างก็มองหน้ากันไป มองหน้ากันมา ไม่รู้ว่าเหตุใดเมื่อครู่เซียวหมิงจูยังดีใจอยู่ จู่ๆ ก็ดุดันขึ้นมา
เซียวหมิงจูกลับบ้านไปด้วยอารมณ์โมโห ท่านลุงสี่ให้อาหารวัวที่สวนหลังบ้านกลับมา เห็นเซียวหมิงจูก็กล่าวอย่างมีความสุข “หมิงจูกลับมาแล้วงั้นหรือ? พี่อายวี่ของเจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่? ”
เซียวหมิงจูพยักหน้า “ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ! ” กล่าวจบ ก็พุ่งพรวดเข้าไปในห้อง
“เฮ้อ…” ท่านลุงสี่ยังกล่าวไม่จบ เขายังอยากบอกเซียวหมิงจูเรื่องที่เซียวยวี่ตอบตกลงว่าอีกสองวันจะมาทานข้าวที่บ้าน เซียวหมิงจูก็พุ่งพรวดเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตูเสียแล้ว ท่านลุงสี่เห็นประตูห้องที่ปิดสนิท ได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงอนิจจัง “เด็กคนนี้นี่นะ! ”
เซียวหมิงจูนำหีบไม้ที่ใส่กุญแจไว้ออกจากใต้เตียง เปิดหีบไม้ นำเสื้อด้านในออกมา
นั่นคือเสื้อที่นางตัดเย็บให้เซียวยวี่ ผ้าฝ้ายสีเทาสวมใส่บนกายทั้งอ่อนนุ่มและดูดซับเหงื่อได้ดี เขาต้องโปรดปรานแน่
เซียวหมิงจูยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น เสื้อตัวนี้ นางต้องมอบให้พี่อายวี่ให้ได้! เมื่อพี่อายวี่เห็นเสื้อตัวนี้ ต้องเข้าใจแน่ ว่านางคือคนที่ดีต่อเขาที่สุด
นางจับเสื้อไว้ พร้อมเผยรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจ
เซียวหมิงจูคิดแต่เรื่องเสื้อตัวนี้ ไม่ทันเห็นเลยว่า ท่านป้าสี่กลับบ้านมาแล้ว เรียกนางอยู่หลายหน ไม่มีคนตอบ นางจึงผลักเปิดประตูเดินเข้ามา
พอเห็นบุตรสาวของตัวเองกอดเสื้อตัวหนึ่งไว้ กำลังยิ้มอย่างมีความสุข ก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี!
ท่านป้าสี่เห็นท่าทางเช่นนี้ ก็เกิดความระแวงอย่างหนัก เดินขึ้นหน้าสองก้าวแย่งเสื้อไปทันที
เซียวหมิงจูตกใจจนกระโดดขึ้น เอื้อมมือไปยื้อแย่งคืนมา “ท่านแม่…”
ท่านป้าสี่เบี่ยงตัวหลบนาง สะบัดเสื้อแล้วมองดู พอเห็นก็โมโหจนแทบระเบิด
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเสื้อของบุรุษ สามีของนางไม่อาจสวมใส่ได้ ความยาวเช่นนี้ รูปร่างเช่นนี้ เป็นเสื้อที่เตรียมไว้ให้เซียวยวี่ชัดๆ !
“นางเด็กบ้า เจ้ายังคิดถึงเขาอีกงั้นหรือ! ” ท่านป้าสี่โมโหจนหันมาใช้ฝ่ามือตบใส่แขนของเซียวหมิงจู
หางตาของเซียวหมิงจูยังมีหยาดน้ำตา เห็นท่านป้าสี่ถือเสื้อตัวใหม่ที่นางทำไว้อยู่ในมือ นางเอื้อมมือไปยื้อแย่ง “ท่านแม่ ท่านคืนเสื้อให้ข้านะเจ้าคะ! ”
“คืนให้เจ้า? เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร? หากเซียวยวี่กลับมาแล้ว เจ้าก็คงบากหน้าไปหาเขาอีก เขาแต่งงานแล้ว เจ้าเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนบากหน้าไปหาเขา เจ้าไม่อายบ้างหรือ? ”
ท่านป้าสี่กล่าววาจารุนแรง แต่ยังดีกว่าปล่อยให้บุตรสาวของตัวเองสติเลอะเลือน คอยเอาแต่คิดถึงบุรุษที่ไม่ใช่สามีของตัวเอง
วาจาของนาง แต่ละประโยคล้วนกลายเป็นจริงแล้ว
“ข้าหน้าไม่อาย! ” เซียวหมิงจูตะคอกเสียงเบา “แต่ข้าชอบอายวี่ ชั่วชีวิตนี้ข้าจะแต่งกับอายวี่เพียงคนเดียว! ”
“คนเขาแต่งงานแล้ว เจ้าแต่ง เจ้าจะแต่งกับอะไร ต่อให้เจ้าแต่งกับเซียวยวี่ เจ้าก็เป็นได้แค่อนุ! ”
“เป็นอนุก็เป็นอนุ ต่อให้เป็นอนุไม่ได้ ขอเพียงเขาชอบข้า ข้าก็จะยอมอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต ไม่ต้องมีฐานะอะไรก็ได้! ” เซียวหมิงจูแผดเสียง
ท่านป้าสี่ง้างมือที่เพิ่งลดต่ำลงไปขึ้นสูงอีกครั้ง เสี้ยววินาทีต่อมาก็กำลังจะตบใส่ใบหน้าเซียวหมิงจู “นางเด็กบ้า เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร? ”
เซียวหมิงจูกล่าวด้วยแววตาดุร้าย “ท่านแม่ ข้าชอบเขา ข้าจะแต่งงานกับเขา ชีวิตนี้ข้าเซียวหมิงจู นอกจากเซียวยวี่ ก็จะไม่แต่งกับใครอื่นอีก! ”
“เพี้ยะ…” ท่านป้าสี่ใช้ฝ่ามือตบใส่ใบหน้าเซียวหมิงจูอย่างรุนแรง “เจ้ากล้าหรือ! ”
“ท่านแม่…” เซียวหมิงจูจับใบหน้าไว้ ใบหน้าดูดุร้าย “หากต่อไปเซียวยวี่ได้เป็นขุนนางใหญ่ เขาจะแต่งอนุสักสามหรือสี่คน เซี่ยยวี่หลัวจะกล้าพูดอะไร! ”
“เป็นขุนนางใหญ่? ถุย! ” ท่านป้าสี่ก็กล่าวด้วยใบหน้าดุร้าย “เซียวยวี่มีอะไรดี เรียนหนังสือไม่ประสบผลสำเร็จ หาเงินก็ไม่เป็น ร่างกายดูอ่อนแอ นอกจากหน้าตายังดูดีอยู่บ้าง เขามีอะไรดีอีก? ข้าว่าเขาเทียบกับขอทานข้างถนนไม่ได้ด้วยซ้ำ แค่เคยเรียนหนังสือมากกว่าขอทานก็เท่านั้น”
เซียวหมิงจูมองท่านป้าสี่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “ท่านแม่ ท่านว่าอายวี่เช่นนี้ได้อย่างไร? ท่านก็คิดว่าต่อไปเขาจะประสบความสำเร็จไม่ใช่หรือ? ”
“ประสบความสำเร็จ? ” ท่านป้าสี่หัวเราะอย่างเย็นเยียบ “คนอย่างเขาจะประสบความสำเร็จอะไรได้! เจ้าถามข้ามาตลอดว่าเหตุใดถึงไม่ไปขอแต่งงานแต่เนิ่นๆ ปล่อยให้เซี่ยยวี่หลัวตัดหน้าไปได้ไม่ใช่หรือ? ข้าจะบอกเจ้าตามตรง ข้ารังเกียจเซียวยวี่ ผู้ใหญ่ในบ้านล้มป่วยทั้งสองคน ตายไปแล้วยังมีเด็กติดมาอีกสองคน ครอบครัวตระกูลเซียวก็เหมือนบ่อไร้ก้น หากเซียวยวี่นั่นมีความสามารถจริง คงสอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉนานแล้ว คงไม่ต้องคอยไปสอบปีแล้วปีเล่าก็ยังสอบไม่ผ่านอยู่เช่นนี้! เมื่อก่อนข้ายังตั้งความหวังกับเขาไว้สูง หลายปีมานี้ ข้าจึงรู้ว่าเขาเป็นคนไม่เอาไหนทำอะไรก็ไม่เป็น คงต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ไปชั่วชีวิต ไม่มีกำลังอะไร เกรงว่าต่อไปแม้แต่ตัวเองยังเลี้ยงดูไม่ได้ หากให้เจ้าแต่งกับเขา ก็เท่ากับปล่อยให้เจ้าตกระกำลำบากไม่ใช่หรือ! ”
ท่านป้าสี่พูดความคิดที่แท้จริงที่นางมีต่อเซียวยวี่ออกมา
ถูกต้อง นางรังเกียจบุรุษอย่างเซียวยวี่ บุตรสาวบ้านไหนแต่งกับเขา ก็มีแต่ต้องตกระกำลำบาก!
“ท่านแม่ ต่อไปอายวี่ต้องไต่…”
เซียวหมิงจูยังพูดไม่ทันจบ ท่านป้าสี่ก็พูดดักทันที
“ไต่เต้าขึ้นเป็นใหญ่? ” ท่านป้าสี่หัวเราะอย่างดูแคลนราวกับได้ฟังเรื่องน่าขันที่สุดแห่งศตวรรษ “รอให้เขาไต่เต้าขึ้นเป็นใหญ่ เจ้าคงกลายเป็นหญิงชราแล้ว เขายังจะแต่งงานกับหญิงชราหรือ? หมิงจูเอ๋ยหมิงจู ข้าพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังไว้ก่อน ไม่เชื่อคำผู้สูงวัย มีแต่จะลำบากเอง ชั่วชีวิตนี้เซียวยวี่ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ต่อให้ประสบความสำเร็จ เจ้ารอได้งั้นหรือ? รอสามปี ห้าปี หรือสิบปี ยี่สิบปี? เจ้าอายุเท่าไรแล้ว รอให้เขาไต่เต้าขึ้นเป็นใหญ่จริง เจ้าก็แก่ชราแล้ว คนเขายังจะชอบเจ้าหรือ? เซียวหมิงจู เจ้าตัดใจเสียเถอะ! ”
เซียวหมิงจูนิ่งอึ้งจนถอยหลังไปสองก้าว แทบจะยืนไม่ติด ล้มลงบนพื้น ใบหน้าเล็กขาวซีด
ท่านป้าสี่รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองกล่าวหนักเกินไป แต่หากไม่กล่าวให้หนัก บุตรสาวนางก็จะไม่ตายใจ นางเองก็เอ็นดูบุตรสาว เดินขึ้นหน้าสองก้าว เกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น “หมิงจู เจ้าเป็นหญิงสาวที่ดี หน้าตาก็ดี บ้านเราเองก็ไม่ได้แย่อะไร เจ้าจะมอบใจทั้งดวงให้เซียวยวี่ไปทำไม เด็กโง่ บนโลกใบนี้ยังมีบุรุษที่ดีอีกมากมาย เจ้ารอก่อน แม่จะช่วยเจ้าหาบุรุษดีๆ ที่ทั้งรักและดูแลเจ้าได้ ดีกว่าเซียวยวี่พันเท่าหมื่นเท่า”
เซียวหมิงจูส่ายหน้าราวกับเป็นกลองป๋องแป๋ง “ไม่ ข้าจะเอาอายวี่ ข้าจะเอาอายวี่”
เพลิงโทสะของท่านป้าสี่ที่เพิ่งสงบลงถูกเซียวหมิงจูจุดจนลุกโชนอีกครั้ง นางหันขวับเดินออกไป พร้อมปิดประตูเสียงดังปัง “พอเซียวยวี่กลับมาเจ้าก็เสียสติ เจ้าไม่อยากรักษาหน้า ข้ายังอยากรักษาหน้าอยู่! หากเจ้าไร้ยางอาย อยากให้ชื่อเสียงอันดีงามย่อยยับ เจ้าก็ไปหาเซียวยวี่ ดูว่านางจิ้งจอกเซี่ยยวี่หลัวนั่นจะฉีกหน้าเจ้าอย่างไร! ”
ประตูถูกปิดอย่างแรง ท่านลุงสี่ได้ยินเสียงวิวาทถกเถียงของสองแม่ลูก จึงวิ่งออกมา “ยายแก่ เจ้ากับหมิงจูเป็นอะไรไป? ทำไมถึงทะเลาะกัน? ”
เขาอยู่ในสวนหลังบ้าน ไม่ได้ยินอย่างชัดเจนว่าสองแม่ลูกคุยอะไรกัน!
ท่านป้าสี่โมโหจนหายใจแรง อยากจะบอกเล่าเรื่องน่าอายของบุตรสาวให้สามีตนเองฟัง นางจะได้ไม่ต้องคอยโมโหอยู่คนเดียว
แต่พอจะพูดออกมา นางก็พูดไม่ออก ได้แต่ดันตัวท่านลุงสี่เข้าไปในบ้าน “ตาแก่ หมู่บ้านรอบๆ นี้มีชายหนุ่มดีๆ บ้างหรือไม่? ”
“เจ้าจะทำอะไร? ” ท่านลุงสี่ไม่เข้าใจความหมายของภรรยาของตัวเอง
“จะทำอะไรได้? ก็หาคู่ครองให้หมิงจูน่ะสิ! ” ท่านป้าสี่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
ท่านลุงสี่ดีใจทันที “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะให้นางอยู่ต่ออีกสองสามปีไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ! ”
ยังจะให้อยู่ต่ออีกหรือ?
วันนี้หมิงจูจะไปหาเรื่องท้าทายภรรยาเอกของเขาอยู่แล้ว เซี่ยยวี่หลัวนั่นระยะนี้นิสัยดีขึ้น หากเป็นนางในอดีต รู้ว่าหมิงจูท้าทายนางเช่นนี้ คงถือมีดมาเอาเรื่องถึงบ้าน!
ท่านป้าสี่กล่าวด้วยอาการร้อนใจ “เจ้าออกไปข้างนอกบ่อยๆ มีชายหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับหมิงจู ยังไม่ได้แต่งงานและยังไม่ได้หมั้นหมายหรือไม่ หากว่ามี ก็รีบจัดการเรื่องของหมิงจูเสียเถอะ”
หากวันไหนเซี่ยยวี่หลัวมาอาละวาดถึงที่ เซียวหมิงจูยังจะหาคู่ครองที่ดีได้อีกหรือ!
ท่านลุงสี่ดื่มน้ำอึกหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจ “หาคู่ครองไม่เหมือนกับหาซื้อผักเสียหน่อย ใช่ว่าหาแล้วจะหาเจอทันที พวกเราต้องค่อยๆ หา! ”
ท่านป้าสี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไร นางร้อนรนจนแทบออกควันแล้ว
“ตาแก่ เจ้าตั้งใจหน่อย ตั้งแต่วันนี้ก็ลองไปถามให้ทั่ว ดูว่ามีชายหนุ่มดีๆ หรือไม่ ช่วยดูให้หมิงจูของเรา! ”
ท่านลุงสี่เห็นว่าภรรยาตัวเองร้อนใจจริงแล้ว จึงพยักหน้า “เจ้าวางใจได้ ข้าจะลองไปถามดู เจ้าอยากได้แบบไหน? ”
ท่านป้าสี่คิดครู่หนึ่ง จึงกล่าว “คนในครอบครัวมีจำนวนไม่มาก มีญาติน้อยๆ เช่นนี้หมิงจูแต่งไปก็ไม่โดนรังแกง่ายๆ พี่น้องก็ต้องมีน้อยๆ ทางที่ดีก็เป็นลูกคนเดียวในบ้าน”
เช่นนั้นถึงจะดี!
ท่านลุงสี่ขมวดคิ้ว “แบบนั้นเกรงว่าจะไม่มีน่ะสิ! ”
“ถ้าไม่มีก็หาคนที่มีสมาชิกครอบครัวไม่มาก ยิ่งน้อยยิ่งดี ไม่มีพ่อแม่พี่น้องญาติสนิทอะไรมากมาย หมิงจูจะได้ใช้ชีวิตสบายหน่อย! ” ชั่วชีวิตนี้ท่านป้าสี่มีบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว คอยประคบประหงมอย่างดี ไม่ให้ต้องลำบากแม้แต่น้อย ย่อมอยากหาสิ่งที่ดีที่สุดให้บุตรสาว
ครอบครัวเซียวยวี่นั่นเป็นบ่อไร้ก้น นางจะตัดใจปล่อยให้บุตรสาวแต่งเข้าบ้านนั้นได้อย่างไร เดิมทีคิดว่าเซียวยวี่แต่งงานแล้ว หมิงจูก็น่าจะตัดใจ ใครจะรู้ว่านางหนูนั่น…
พูดให้น่าฟังก็เป็นคนรักมั่น แต่พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือหน้าไม่อาย
เป็นสาวเป็นนาง หากชื่อเสียงมีจุดด่างพร้อย ชั่วชีวิตนี้ไปที่ไหนก็มีแต่ความลำบาก
ท่านป้าสี่ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตก ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด นางแทบอยากหาลูกเขยดีๆ แล้วให้บุตรสาวแต่งงานพรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ
ท่านลุงสี่กล่าวจบ ก็ไปให้อาหารวัวที่สวนหลังบ้าน เดินพลางกล่าว “เซียวยวี่กลับมาแล้ว ข้าคิดว่าอีกสองวันจะเชิญเขามาดื่มสุรากับข้าที่บ้าน! ”
ท่านป้าสี่คิดแต่เรื่องของบุตรสาวตัวเอง จึงไม่ได้ยินคำพูดของท่านลุงสี่