ตอนที่ 96 กินอยู่มิต้องจ่ายเงินทอง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงเคร่งขรึม “ข้าต้องการให้นางแข็งแกร่งมากกว่านี้ หญิงที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่ข้าต้องเป็นหญิงสาวแข็งแกร่งเท่านั้น ข้าจึงมิอาจลงมือขัดเส้นทางการเติบโตของนางได้”

หนึ่งเดือน…

เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่รอบตัวมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยการรบราฆ่าฟัน เลือดสัตว์วิญญาณนับไม่ถ้วนเปื้อนกายนาง ทว่านางมิเคยละความพยายามเลย  การต่อสู้ต้องใช้พลังวิญญาณและพลังชีวิตเท่านั้น มิอาจใช้ยาพิษแขนงใดได้ เพื่อเป็นการบังคับให้ตนเองมีทักษะการต่อสู้มากขึ้น

ในเมื่อมาถึงโลกอันแปลกประหลาดนี้แล้ว เช่นนั้นก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้สักหน่อย

ยาพิษเป็นไม้เด็ดของนาง แต่นางมิสามารถใช้ยาพิษสุ่มสี่สุ่มห้าเฉกเช่นเมื่อก่อนได้อีกแล้ว

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เสียงการต่อสู้ดั่งสนั่นลั่นพสุธา บางจังหวะรุนแรงประหนึ่งพื้นดินสะเทือนทั่วทั้งป่าดงพงไพร  เวลาผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก จวินโม่ซีกล่าวขึ้นว่า… “ฝีมือของคนกลุ่มนี้ไม่เลวเลย ผ่านไปเพียงครึ่งเดือน มีคนทะลวงพลังเป็นราชาแห่งภูตได้แล้ว”

จากนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องมองมู่เฉียนซี “สตรีผู้นี้ก็กำลังจะทะลวงพลังไปได้แล้วเช่นกัน”

ณ เวลานี้มู่เฉียนซีเป็นผู้บำเพ็ญภูตระดับเก้า อีกทั้งยังเป็นราชายอดยุทธ์ระดับเก้า พลังทั้งสองของนางรวมตัวกัน ทะลวงไปพร้อม ๆ กันดั่งสายวารี

— ตูม! —

ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ทะลวงพลังสำเร็จ

จวินโม่ซีกล่าวขึ้น ใบหน้าทาบทาไปด้วยความแปลกใจ “ทั้งพลังภูตพลังยุทธ์! โอ… เป็นไปได้อย่างไร ? นางเป็นปีศาจชัด ๆ!”

การฝึกที่แลกด้วยเลือดเนื้อภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ผ่านมาได้ จากนั้นนางออกมารอองครักษ์เงาทั้งหมดที่ทางออกเล็ก ๆ ของเทือกเขาชีชง

“ท่านผู้นำ”

เสียงเรียกดังขึ้น องครักษ์เงาคนแรกที่ออกมานั่นก็คือมู่อี  บนร่างกายของเขามีรอยแผลลึกหลายแผล แผลลึกจนเห็นกระดูกจากการถูกสัตว์วิญญาณทำร้าย ร่างกายหลายจุดของเขาเต็มไปด้วยเลือดราวกับว่าขึ้นมาจากบ่อโลหิตก็มิปาน

“รอดกลับมาก็ดีแล้ว รีบรักษาบาดแผลก่อน ประเดี๋ยวจะมีงานให้เจ้าทำ” มู่เฉียนซีกล่าวเรียบ ๆ

มูอีตอบแข็งขัน “ขอรับ!”

“ท่านผู้นำ!”

ต่อมา องครักษ์เงาทยอยออกมากันทีละคน บางคนออกมาคนเดียว บางคนสหายพยุงมาด้วยอาการร่อแร่เต็มที มู่เฉียนซีเห็นไม่รอช้า รีบเข้าไปแทงเข็มยาฟื้นฟูร่างกายให้พวกเขาอย่างฉับไว …ทว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอาการร่อแร่นั้นมีหลายคน ลำพังมู่เฉียนผู้เดียวมิอาจช่วยทุกคนได้ไหว

“จวินโม่ซี ท่านก็เป็นนักปรุงยา ท่านต้องทำได้แน่ ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่ ?”

— ฟุ่บ!  ฟุ่บ!  ฟุ่บ! —

มู่เฉียนซีไม่รอช้า นางโยนเข็มยาให้กับจวินโม่ซีทันที

แน่นอนว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ จวินโม่ซีรู้สึกประหลาดใจอย่างมิอาจเปรียบได้ เข็มยานี้เมื่อปักเข้าสู่จุดสำคัญของร่างกายอย่างหัวใจ ก็ทำให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง …แม้แต่ยาลูกกลอนระดับเก้าก็มิอาจรับรองได้ว่าสรรพคุณมันจะดีเลิศเช่นนี้ แต่นางทำได้

เขาดูวิธีการทำของนาง เมื่อมั่นใจว่าตนเองสามารถทำได้ เขาก็ลงมือทำบ้าง ตั้งอกตั้งใจมาก ถึงอย่างไรแล้วยานี้เป็นยากระตุ้นชีพจร หากเขาทำผิดพลาดขึ้นมาจะต้องถึงแก่ชีวิตเป็นแน่แท้ การบาดเจ็บครั้งนี้ของพวกเขาสาหัสกว่าการลอบฆ่าครั้งก่อนยิ่งนัก ทว่าโชคดีที่มีจวินโม่ซีคอยช่วย ทำให้มู่เฉียนซีสามารถช่วยพวกเขาเอาไว้ได้

“พักที่นี่เพื่อเอาแรง จากนั้นรีบกลับไปที่หุบเขาราชาโอสถให้เร็วที่สุด”

อาการของพวกเขาในตอนนี้นั้นสาหัสมาก แค่สัตว์วิญญาณระดับสามเข้ามาทำร้ายก็สามารถปลิดชีพเขาได้ง่าย ๆ  และหุบเขาราชาโอสถเป็นสถานที่ที่รักษาอาการพวกเขาได้ดีที่สุด

จวินโม่ซีกล่าวขึ้นว่า “เจ้าต้องการไปรักษาอาการบาดเจ็บในพื้นที่ของข้า อย่างน้อยเจ้าก็ต้องถามความสมัครใจของข้าก่อนสิ”

“ข้าจะเตรียมอาหารเลิศรสให้เจ้าทุกมื้อ ท่านตกลงหรือไม่ ?” มู่เฉียนซีกล่าวข้อเสนออย่างคนรู้ทัน นางมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าราชาโอสถผู้หิวกระหายเนื้อผู้นี้ต้องตอบตกลงเป็นแน่

“ขะ… ข้าตกลงสิ ตกลงเลย!” จวินโม่ซีละล่ำละลักตอบ

หลังจากที่ฟื้นฟูกำลังขึ้นได้เล็กน้อย พวกเขาทั้งหมดก็รีบเดินทางกลับไปยังหุบเขาราชาโอสถ เมื่อถึงหุบเขาโอสถ เชือกที่รัดพวกเขาแน่นก็ถูกปลดออก  เวลาหนึ่งเดือนแห่งการต่อสู้ พวกเขาผ่านความเป็นความตายมาอย่างหวุดหวิด อันตรายทุกประเภทที่ผู้คนจะนึกออก เกือบทำให้พวกเขาตาย

มู่เฉียนซีก็ยังคงปรุงยาหลากหลายชนิดเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้พวกเขา และทำให้ร่างกายของพวกเขานั้นฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทะลวงพลังเป็นราชายอดยุทธ์และราชาแห่งภูตได้ไม่นาน แต่หากต้องต่อสู้กับราชายอดยุทธ์และราชาแห่งภูตระดับสองระดับสามแล้ว พวกเขาอาจจะไม่พ่ายแพ้ก็เป็นได้

หลังจากที่พวกเขาฟื้นฟูร่างกายฟื้นฟูพลังให้กลับมาแข็งแรงดีแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องกลับจื่อตู

“พวกเรา ออกเดินทางได้” คำสั่งการของมู่เฉียนซีดังขึ้น เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวเดินทางกลับ

“ช้าก่อน! ช้าก่อน!”

ขณะเดียวกันนั้น บุรุษชุดขาวอย่างราชาโอสถรีบวิ่งตามไปทันที ไม่รู้มีเหตุอันใด ?

มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นว่า “ตามมาทำไมรึ ?”

“หากพวกเจ้ากลับไปแล้วข้าจะกินอะไรล่ะ ? ข้าจะต้องอดตาย ข้าจะ… ข้าจะ… ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย” จวินโม่ซีกล่าวด้วยท่าทีแข็งขัน

“แล้วหุบเขาราชาโอสถของท่านล่ะ ท่านไม่เอาแล้วรึ ? ท่านจะสละชีวิตสันโดษอันเงียบสงบของตนเองไปจริง ๆ รึ ?”

“เพื่อการได้กินของอร่อย ๆ แล้ว หุบเขาราชาโอสถก็เปรียบดั่งเมฆลอยตามลมเพียงเท่านั้น ข้าเสียเวลามานานนับสิบกว่าปี นับว่าเพียงพอมากแล้วในชีวิตนี้ นับจากนี้ไปข้าจะตั้งใจกินอาหารเลิศรสให้ได้” จวินโม่ซีกล่าว แววตามีประกายแห่งความหวัง

“อีกอย่าง นับตั้งแต่ข้าได้รู้จักเจ้า มีความรู้เกี่ยวกับโอสถมากมายที่ข้ายังไม่รู้ และข้าต้องการเรียนรู้จากเจ้า ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะไปกับเจ้า ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก็มิอาจเทียบข้าได้ และพวกเจ้าก็กำจัดข้าไม่ได้เช่นกัน”

มุมปากมู่อีกระตุกขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าราชาโอสถผู้กระหายเนื้อจะรบกวนท่านผู้นำเช่นนี้ หากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป มีหวังผู้คนต่างตกใจระคนงงเป็นไก่ตาแตกแน่ ๆ!

มู่เฉียนซี “ก็ดีเหมือนกัน หอหมอปีศาจของข้าขาดนักปรุงยาประจำที่นั่นอยู่พอดี ข้าให้ท่านกินอยู่มิต้องจ่ายเงินทอง แต่ท่านต้องดูแลเรื่องหยูกยาให้ข้า ตกลงไหมเล่า ?”

“ตกลง ขอแค่มีอาหารอร่อย ๆ ตกถึงท้องข้า  ข้าไม่มีปัญหาแน่นอน”

มู่อีรู้สึกวุ่นวายใจเป็นอย่างมาก ‘ราชาโอสถรู้หรือไม่ว่ายาลูกกลอนที่หลอมนั้นมีค่ามากเพียงใด ? ความต้องการของราชาโอสถนั้นแค่อยากกินอยู่โดยมิต้องจ่ายเงินจ่ายทอง แต่ต้องแลกกับการทำงานที่หนักหนาและวุ่นวายเช่นนั้นน่ะรึ เฮ้อ!’

หลังจากที่เดินทางออกมาจากหุบเขาราชาโอสถ ระหว่างทางกลับจื่อตู พวกเขาโดนกลุ่มคนชุดดำรุดเข้ามาปิดล้อมอีกครั้ง  มู่เฉียนซีออกมาจากรถม้า เลิกคิ้วถาม ทำเสียง ‘จิ๊’ ในปากอย่างไม่สบอารมณ์

“พวกเจ้าต้องการอะไร ?”

เมื่อผู้นำของคนชุดดำเหล่านั้นเห็นมู่เฉียนซีออกมา พลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าราชาโอสถจะช่วยรักษาพวกเจ้าได้เร็วเยี่ยงนี้ แต่เจ้าอย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตรอดกลับจื่อตูได้!”

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเย็นชา “เหอะ… ท่านผู้นำรองแห่งตระกูลโอวหยาง ผู้เป็นน้องชายของท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง ข้ารู้ว่าเป็นท่าน!  ท่านไม่จำเป็นต้องปกปิดใบหน้าหรอก”

“เหอะ ๆ จำข้าได้ด้วยรึ ?” โอวหยางฉีกล่าวพร้อมทั้งเปิดหน้ากากออก อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องเป็นวันตายของนาง ปีศาจมู่เฉียนซี  ต่อให้นางจะเห็นใบหน้าเขา ก็คงไม่มีประโยชน์อันใด

“ในเมื่อท่านรนหาที่ตาย ข้าก็จะสนองให้เอง  ลงมือ!” สิ้นเสียงมู่เฉียนซี องครักษ์เงาทั้งเก้าสิบเก้าชีวิตก็เริ่มลงมือทันที

— ตูม! —

ภายในชั่วพริบตาเดียว ราชาแห่งภูตและราชายอดยุทธ์ที่โอวหยางฉีนำมาก็โดนเหล่าบรรดาองครักษ์เงาของมู่เฉียนซีรุมล้อมไว้ทั้งหมด

“เป็นไปได้อย่างไร ?!”

โอวหยางฉีรีบนำอาวุธลับป้องกันตนเอง หลังจากนั้นเห็นลูกน้องฝีมือดีล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าของเขาตกอกตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ

‘องครักษ์เงาทั้งเก้าสิบเก้าร่างของตระกูลมู่ ได้กลายเป็นราชาแห่งภูตและราชายอดยุทธ์ทั้งหมดแล้วรึ ?!’

‘ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน องครักษ์เงาเหล่านี้ยังเป็นแค่เพียงปรมาจารย์ภูตและจอมยุทธ์อยู่เลย’

‘ความแข็งแกร่งของราชายอดยุทธ์ทั้งเก้าสิบเก้าร่าง กับราชายอดยุทธ์ระดับสูงสุดอย่างมู่เฉียนซี  หากคิดจะทำลายตระกูลโอวหยางก็เป็นเพียงเรื่องง่ายนิดเดียว เนื่องจากราชายอดยุทธ์ยี่สิบกว่าคนที่นำมานั้นเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลโอวหยางแล้ว เราจะทำอย่างไรดี ?’

ทันใดนั้นมู่เฉียนซีตะโกนเสียงดัง

“ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”

.