[ตั้งแต่ดูคนดังๆ ที่มาร่วมรายการนี้มา ฉันไม่เคยเห็นใครปลอมเท่านี้เลย]

 

 

[สมควรถูกกำจัดทิ้งแล้วละ รายการนี้มันต้องทำงานกันเป็นทีม แต่ไป๋อวี๋ก็ยังพยายามทำตัวเด่นแถมยังเป็นตัวถ่วงคนอื่นอีก บ้าไปแล้ว]

 

 

[ตั้งแต่เริ่มรายการก็แสดงออกแล้วว่าไม่อยากเดินแถมยังอยากให้ใครมาแบกตัวเองด้วย แย่หน่อยที่ไม่มีใครหลงกล]

 

 

[นิสัยไป๋อวี๋ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรแต่ขี้อวดมากไป ถ้าฉันมีเพื่อนแบบนี้ฉันคงสยองน่าดู]

 

 

[ถ้าให้พูดตามตรง ไป๋อวี๋นี่เป็นทั้งอีหนูชาเขียว [1] ทั้งแม่นางบัวขาว [2] เลยนะ]

 

 

[ดูก็รู้ว่าแสดงละคร ไม่แปลกใจเลยที่ถูกกำจัดทิ้ง]

 

 

[หลังจากได้ดูครึ่งตอนหลังที่ไม่มีไป๋อวี๋แล้วรู้สึกว่าทุกอย่างดูเป็นปกติขึ้นเยอะเลย]

 

 

ไป๋อวี๋อยากจะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงระดับอีคิวอันสูงส่งของตัวเอง แต่เธอหลงตัวเองมากเกินไป ใครกันจะยอมรับเรื่องแบบนี้ในรายการวาไรตี้ได้ ดังนั้นแม้ผู้ชมมากมายจะต่อว่าเธอ ไป๋อวี๋ก็สมควรได้รับสิ่งนี้

 

 

เรื่องนี้ทำให้ไป๋อวี๋แทบจะระเบิดต่อหน้าทีมงาน ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกเธอตั้งแต่แรกว่าทุกคนต่อต้านเธอ หลังจากเธอก้าวออกจากเฮลิคอปเตอร์ ไป๋อวี๋ก็รีบตรงเข้าห้องน้ำเพื่อระบายความโกรธ

 

 

ไม่นานผู้ช่วยของเธอได้มารับเธอกลับไป หลังจากทั้งคู่ก้าวขึ้นรถตู้ ไป๋อวี๋ขว้างทุกอย่างลงกับพื้น เธอถึงขนาดทำให้หน้าของผู้ช่วยตัวเองเป็นเพราะด้วยโทรศัพท์ของเธอ

 

 

อย่างไรก็ตามเธอไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีปาปารัสซี่กำลังสะกดรอยตามเธออยู่ไม่ห่างและการอาละวาดของเธอถูกเก็บภาพไว้ได้ทั้งหมด

 

 

หรือภาพลักษณ์ของคนที่มีอีคิวสูงส่งและรู้จักควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดีกำลังจะพังทลายลงเสียแล้ว

 

 

ไป๋อวี๋ไม่รู้ตัวถึงเรื่องนี้เลยขณะที่เธอรีบตรงดิ่งกลับไปที่บ้าน แต่เมื่อเธอเปิดประตูหน้าบ้านออก ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากห้องนอนของเธอ ไป๋อวี๋เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจก่อนที่เธอจะเปิดประตูห้องนอนออก นั่นคือตอนที่เธอได้เห็นไป๋หลินหลินและสามีของเธอกำลังนอนอยู่ด้วยกันบนเตียงและกอดจูบกันอย่างลึกซึ้ง

 

 

ในเวลานั้น ไป๋อวี๋ได้แต่มองเข้าไปในห้องด้วยความช็อก โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่เห็นคือร่างอันเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่ เธอไม่รู้เลยว่าเธอควรจะทำอย่างไร

 

 

“ที่รัก ทำไมคุณถึงกลับมาตอนนี้…”

 

 

“พี่…”

 

 

ราวกับสายฟ้าฟาดที่กลางใจ ในที่สุดไป๋อวี๋ก็ตระหนักได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในขณะที่ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เธอทั้งรู้สึกขยะแขยงและขายหน้า ไม่เคยคาดคิดเลยว่าคนที่ใกล้ชิดทั้งสองคนของเธอจะแอบเป็นชู้กันลับหลังเธอ

 

 

“ไป๋หลินหลิน เธอนี่น่าทึ่งจริงๆ นี่เธอให้ท่าพี่เขยตัวเองสินะ!”

 

 

หลังความแตก ไป๋หลินหลินไม่คิดจะซ่อนเรื่องนี้อีกต่อไป เธอนำผ้าคลุมเตียงมาห่อตัวเองก่อนจะพูดกับไป๋อวี๋ซึ่งๆ หน้า “พี่ ฉันจะพูดกับพี่ตรงๆ นะ ฉันกำลังท้องลูกของพี่เขยแล้วเราก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บเด็กไว้!”

 

 

ผู้ช่วยของไป๋อวี๋ยังยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า แต่ไป๋หลินหลินก็ยังกล้าพูดออกมาโดยไม่สนใจ

 

 

ไป๋อวี๋ผลักผู้ช่วยของเธออกไปและเดินโถมเข้าใส่ไป๋หลินหลินเพื่อตบหน้าอีกฝ่าย แต่เธอถูกชายที่อยู่ในห้องขวางเอาไว้ “ไป๋อวี๋ พอได้แล้ว! หลินหลินกำลังท้องอยู่นะ!”

 

 

“แล้วไง คุณคิดจะให้ฉันอวยพรพวกคุณสองคนงั้นเหรอ หรือหวังจะให้พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขหรือไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ มันเป็นไปไม่ได้ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กนั่นได้ลืมตาดูโลก ไม่งั้นเราสามคนก็ลงนรกไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”

 

 

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่าเอาเด็กมาเกี่ยวด้วย”

 

 

“พวกคุณสองคนเคยคิดถึงฉันบ้างไหมตอนตัดสินใจเล่นชู้กันเนี่ย” ไป๋อวี๋กรีดร้อง “ทำไม ทำไมต้องน้องสาวฉันกับผัวของตัวเองแบบนี้ ไป๋หลินหลิน เธอไม่ละอายบ้างหรือไง”

 

 

“พอได้แล้ว” สามีของไป๋อวี๋ขว้าข้อมือของเธอก่อนสะบัดเธอทิ้ง “ในเมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้ เราก็หย่ากันเถอะ ผมจะกลับไปอเมริกากับหลินหลิน”

 

 

“หย่า?” ไป๋อวี๋จ้องชายตรงหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะอันเย็นชา “ไม่มีวัน ฉันยอมพังไปด้วยกันทั้งหมดดีกว่า”

 

 

“คุณนี่มันพูดไม่รู้เรื่องแล้ว” พูดจบ ชายคนนั้นก็คว้ามือของไป๋หลินหลินก่อนจะลากเธอออกจากห้องนอน ขณะเดียวกันไป๋อวี๋ถูกทิ้งไว้กันความรู้สึกอันว่างเปล่า เธอเจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก

 

 

ผู้ช่วยของเธอได้แต่ยืนอยู่ที่ประตู หลังได้เห็นไป๋อวี๋จับหญิงชู้ชายโฉดได้คาหนังคาเขา เธอรีบเข้าไปอีกอีกฝ่ายและถามไถ่ “พี่อวี๋ พี่โอเคไหม”

 

 

“สองคนนั่นคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”

 

 

“แต่พี่อวี๋คะ ถ้าพี่เปิดเผยเรื่องนี้ พี่จะเป็นคนที่เสียหายนะคะ”

 

 

ภาพลักษณ์ของไป๋อวี๋ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว โดยเฉพาะหลังจากการออกรายการเรียลลิตี้ล่าสุด หากเธอจะเปิดเผยว่าเธอกำลังจะหย่า มันจะกลายเป็นมลทินในชีวิตเธอไปตลอดชีวิต โดยไม่สนว่าเรื่องนี้จะเป็นเพราะสามีของเธอมีชู้ก็ตาม

 

 

“คิดให้ดีก่อนเถอะค่ะ อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเลยนะคะ”

 

 

ไป๋อวี๋จับแขนของผู้ช่วยเธอไว้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังจะถึงจุดแตกหักแล้ว

 

 

“ทำไม ทำไมสวรรค์ถึงลงโทษฉันแบบนี้”

 

 

แต่กระนั้นนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลังจากนั้น ปาปารัสซี่ได้ปล่อยวิดีโอที่ไป๋อวี๋กำลังอาละวาดและทำร้ายผู้ช่วยของตัวเองออกมา นั่นทำให้ภาพลักษณ์สาวอีคิวสูงและเป็นกันเองของเธอพังทลายลงราวกับตึกสูงที่สูญเสียเสาหลัก…

 

 

 

 

ถังหนิงยังคงสงบนิ่งเมื่อได้เห็นสถานะอันน่าสังเวชของไป๋อวี๋ นับตั้งแต่เหตุการณ์ของ ‘ชายาหนิง’ ระยะห่างระหว่างเธอกับไป๋อวี๋ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่ได้เก็บเรื่องของไป๋อวี๋มาใส่ใจอีกต่อไป

 

 

ถึงกระนั้น ผู้คนที่อยู่เคียงข้างเธอต่างรู้สึกว่าถังหนิงกำลังได้รับการชดใช้จากไป๋อวี๋

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น หลงเจี่ยยังได้รับข้อมูลมาด้วยว่าสถานะการแต่งงานของไป๋อวี๋กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป

 

 

แน่นอนว่าถังหนิงรู้อยู่ก่อนแล้วนับตั้งแต่วันที่อันจื่อเฮ่าเอาหลักฐานเรื่องนี้มาให้เธอ แต่ถังหนิงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร

 

 

หากมีข่าวลือว่าสถานการณ์แต่งงานของไป๋อวี๋กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ถ้าอย่างนั้น…

 

 

… เธอคงต้องหย่าเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสามีของเธอกับไป๋หลินหลิน

 

 

ระเบิดลูกนี้คงเป็นดังระเบิดปรมาณูสำหรับไป๋อวี๋

 

 

“นี่ ทำไมคุณถึงได้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยตอนฉันพูดถึงเรื่องนี้ล่ะคะ” หลงเจี่ยถามพลางประคองท้องของตัวเอง

 

 

“ฉันน่าจะเป็นคนถามมากกว่านะ เธอกำลังจะคลอดอยู่แล้ว ทำไมลู่เช่อถึงยังปล่อยให้เธอเดินว่อนไปมาอยู่แบบนี้” ถังหนิงถามพลางมองไปยังหลงเจี่ย “ฉันรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเครื่องมือต่อรอง แต่ฉันไม่คิดว่าไป๋อวี๋จะถูกทำลายแบบนี้ ฉันลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้วละ”

 

 

“ฉันว่าคุณไม่ลืมหรอกค่ะ คุณรู้ดีว่คุณไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเพราะไม่ช้าก็เร็วไป๋อวี๋จะต้องรู้เรื่องนี้เข้าสักวัน” หลงเจี่ยพ่นลมออกจมูก

 

 

ถ้าต้องปะทะกับศัตรูแล้วละก็ ถังหนิงไม่เคยยั้งมือ

 

 

“ตอนนี้ไป๋อวี๋คงเหมือนอยู่ในนรก ดังนั้นนับจากนี้ไปเราไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงกับเธออีกต่อไปแล้ว”

 

 

ถังหนิงยังมีทางต้องเดินอีกไกล…

 

 

ในขณะที่ไป๋อวี๋นั้นมาถึงทางตันแล้ว

 

 

ผู้ชนะนั้นชัดเจนและไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรกับเรื่องนี้อีก

 

 

“ใช่แล้วค่ะ คุณเป็นตัวเกร็งของรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมของเฟยเทียนปีนี้…” หลงเจี่ยยิ้ม ขณะที่เธอมองไปยังถังหนิงในตอนนี้ เธอรู้สึกราวกับถังหนิงกำลังเปล่งออร่าสว่างไสว

 

 

“แต่ว่ากั่วกั่วมีไข้มาสองวันแล้ว คุณหมอบอกว่าเป็นเพราะเขามีวิวัฒนาการช้าตอนอยู่ในท้องและไม่ได้รับสารอาหารมากพอ เป็นสาเหตุให้เขาอ่อนแอกว่าถังถัง” ในขณะที่ทุกอย่างดำเนินไป ถังหนิงก็ไม่เคยลืมว่าเธอเป็นแม่ของเด็กน้อยสองคนด้วย

 

 

 

 

——

 

 

[1] อีหนูชาเขียว (绿茶婊) หมายถึงหญิงที่หวังกอบโกยผลประโยชน์จากผู้อื่น

 

 

[2] แม่นางบัวขาว (白莲花) เดิมทีหมายถึงคนที่มีภาพลักษณ์ขาวบริสุทธิ์ แต่ถูกนำมาใช้ในเชิงประชดประชันเพื่อเรียกคนที่มีอุปนิสัยสองหน้า เบื้องหน้าแสดงออกว่าใสซื่อ แต่แท้จริงเป็นคนชั่วร้าย จอมวางแผน