บทที่ 273 ต้องขอโทษ + บทที่ 274 โต้เถียง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 273 ต้องขอโทษ

เซียวฉีเทียนรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นแบบนี้ “ทำตามที่ท่านต้องการเถอะ ท่านพี่ ท่านจะว่าอย่างไรถ้าวันนี้ข้าจะอยู่ทานอาหารกับท่าน”

“ได้ เจ้าไปเตรียมการเสีย” เขาหันไปพูดประโยคหลังกับข้ารับใช้

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

เมื่อคนผู้นั้นออกไป สองพี่น้องยังคงอยู่กันในห้องทรงพระอักษร “ท่านพี่ ก่อนหน้านี้หนานกงเช่อไปหาเมิ่งเหยากับเทียนช่าง แต่โดนพวกเขาไล่ออกมา”

“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเขาต้องการอะไร” เซียวชวี่เฟิงหยุดมือแล้วขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเฉียวเทียนช่าง แต่เป็นเพราะเขาสงสัยเจตนาของหนานกงเช่อ

“ข้าไม่ทราบเลย แต่ข้าคิดว่าถ้ามีอะไรที่บอกท่านได้ เขาต้องนำมาบอกท่านแน่” เซียวฉีเทียนส่ายศีรษะ แต่พูดอย่างมั่นใจ

“แน่นอน เรื่องนั้นข้ารู้ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราเพียงต้องรอให้เทียนช่างบอกเราเอง” เซียวชวี่เฟิงเห็นด้วยกับเซียวฉีเทียนทุกประการ

หลังกินมื้อเย็นเสร็จ เซียวฉีเทียนกลับไปที่ตำหนักของเขา

ในขณะเดียวกัน ที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวา เว่ยจื่อซินตัวสั่น มองบิดาผู้นั่งสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดอยู่ตรงหัวโต๊ะ เช่นเดียวกันกับพี่สาวคนโตของนาง เว่ยเค่อซิน ที่กำลังขมวดคิ้วแน่น

“ท่านพ่อ ข้า…ข้าไม่ได้…”

“ไม่รึ เว่ยจื่อซิน ครั้งก่อนข้าบอกเจ้าไว้เช่นไร” ข่าวเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นบนถนนแพร่ไปทั่วเมืองหลวง เล่าลือกันว่าคุณหนูของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาฉวยโอกาสจากการที่พี่สาวตัวเองกำลังจะเข้าวังหลวงมาทำตัวกร่าง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพยายามแย่งของของผู้อื่น ซ้ำยังถึงขั้นข่มขู่อีกฝ่าย แต่โดนองค์ชายฉีมาได้ยินเข้า

เดิมเว่ยเค่อซินจะต้องได้เป็นฮองเฮาแน่นอน ไม่มีทางเป็นอื่น แต่ตอนนี้กลับไม่แน่ชัดเสียแล้ว

“ท่านพ่อ ดุด่านางไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ เราต้องคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้” เว่ยเค่อซินเองก็รู้สึกโกรธน้องสาวของตนยิ่งนัก

น้องของนางเอาแต่สร้างปัญหาตลอดเวลา หนนี้นางถึงขั้นตรงเข้าไปหาหายนะ ถ้านางผู้เป็นพี่ต้องเจออุปสรรคในระหว่างพยายามเข้าวังหลวง ตัวนางจะไม่ปล่อยเว่ยจื่อซินไปง่ายๆ แน่นอน

“เค่อซินพูดถูกต้อง” หญิงคนข้างๆ ขมวดคิ้ว นางเองก็ไม่พอใจกับบุตรสาวคนเล็กที่ตนคอยเอาอกเอาใจมาโดยตลอด

บัดนี้บุตรสาวคนโตคือความหวังของพวกเขา เว่ยจื่อซินจะมาทำลายโอกาสนี้ได้อย่างไร

“หญิงนางนั้นคือใคร”

“ข้าก็ไม่ทราบ ข้ารู้เพียงว่าองค์ชายฉีเรียกนางว่าเมิ่งเหยา” ในตอนนี้เว่ยจื่อซินไม่กล้าปกปิดอะไรไว้สักเรื่องเดียว

เมิ่งเหยารึ เสนาบดีเว่ยหรี่ตา พลันนึกถึงใครบางคน

“ภรรยาของแม่ทัพใหญ่” เสนาบดีเว่ยถลึงตาจ้องมองบุตรสาวคนเล็ก นางช่างหาเรื่องคนไปทั่วเสียจริง

และนางผู้นั้น เขาเคยได้ยินสหายร่วมงานเอ่ยถึงนางมาก่อน

พวกเขาพูดกันว่าแม่ทัพใหญ่มีภรรยาและหลงนางยิ่งนัก ไม่เพียงเท่านั้น ตัวตนของนางเองก็เป็นปริศนา

“อะไรกัน นางแพศยานั่นน่ะหรือภรรยาของแม่ทัพใหญ่ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” เว่ยจื่อซินแผดเสียง ถ้อยคำนางหยาบกระด้าง

“พอได้แล้ว รีบเตรียมของกำนัลไปให้พวกเขาแล้วขออภัยเสีย” เสนาบดีเว่ยเขม่นมองเว่ยจื่อซิน ใบหน้าเขาถมึงทึงอย่างเห็นได้ชัด

จะพูดเช่นนั้นได้ง่ายๆ จริงหรือ เฉียวเทียนช่างคือใคร เขาคือชายที่ฮ่องเต้ให้ความไว้วางใจและเคารพนับถือเป็นที่สุด คนแบบองค์ชายฉีเข้าใกล้และสนิทสนมกับหญิงนางนั้น ย่อมเห็นได้ว่านางไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาทั่วไป

“ข้าไม่อยากทำ! นางก็แค่สาวชาวบ้านไม่มีค่า แล้วท่านจะให้ข้าไปขอโทษคนอย่างนางเช่นนั้นหรือ” เว่ยจื่อซินคัดค้านไม่ยอมทำตามในทันทีเมื่อได้ยินบิดาขอให้ตนไปขอโทษ

เสนาบดีเว่ยสูดลมหายใจแล้วมองเว่ยจื่อซินอย่างเย็นชา “ไปที่จวนแม่ทัพแล้วขอโทษ หรือรอดูเฉียวเทียนช่างจัดการเจ้า เจ้าเลือกเอา”

เขาจำได้ติดตาว่าตระกูลเฉียว จวนตระกูลเซียว และจวนตระกูลหลิงต้องลงเอยเช่นไร

เพราะพวกเขาทำให้หนิงเมิ่งเหยาโกรธ ตระกูลเฉียวจึงต้องจบสิ้น จวนตระกูลเซียวและตระกูลหลิงโดนกดจนไม่มีใครกล้าทำการค้าด้วย ทรมานพวกเขาเสียยิ่งกว่าฆ่าให้ตาย

เขาไม่อยากทำลายอนาคตของจวนเสนนาบดีฝ่ายขวาเพราะเด็กโง่คนหนึ่ง

“ข้า…”

“จื่อซิน หยุดรั้นแล้วฟังท่านพ่อ” เว่ยเค่อซินขมวดคิ้วมองน้องสาว ลึกเข้าไปในดวงตานางมีแววรังเกียจแอบแฝงอยู่ หากนางคนโง่นี่ไม่ใช่น้องสาวนาง นางคงไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องงี่เง่าเช่นนี้

เว่ยจื่อซินรู้สึกเหมือนถูกรุมรังแกเมื่อเห็นว่าทุกคนอยากให้นางไปขอโทษ “ข้า…ข้าเกลียดพวกท่านทุกคน!” นางกล่าวแล้ววิ่งหนีไป

เสนาบดีเว่ยฉุนจัดกับท่าทีของนาง ใบหน้าเขาถมึงทึง “นางเสียนิสัยก็เพราะเจ้า”

บทที่ 274 โต้เถียง

เพราะนางเป็นบุตรสาวคนเล็ก พวกเขาจึงไม่คาดหวังหรือเรียกร้องจากเว่ยจื่อซินมากเท่าเว่ยเค่อซิน นางได้รับการเอาอกเอาใจและทำตามใจตัวเองแทบตลอดเวลา ไม่คิดเลยว่านางจะก่อความวุ่นวายเช่นนี้หลังจากได้ใช้ชีวิตตามอำเภอใจอยู่เสมอ

ถ้านางทำเช่นนั้นกับคนอื่นและไม่โดนเซียวฉีเทียนเห็นเข้า คงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับจวนเสนาบดีฝ่ายขวา

ภรรยาเสนาบดียืนขึ้นแล้วกล่าวอย่างอับจนหนทาง “ข้าจะไปดูนาง”

“ไปเถอะ” เสนาบดีเว่ยโบกมือ ปล่อยให้นางไป

ภายในพริบตาเดียวก็เหลือเพียงคู่บิดากับบุตรสาว เสนาบดีเว่ยและเว่ยเค่อซินอยู่ในห้อง

“ท่านพ่อ สิ่งที่น้องหญิงทำในวันนี้เกินไปจริงๆ” เว่ยเค่อซินขมวดคิ้วแน่น ทำหน้าเช่นนี้ไม่ได้ลดทอนความงามของนางลง แต่กลับยิ่งทำให้คนอื่นนึกสงสารนาง

แม้ผู้คนจะเคยพูดกันว่านางอาจได้เป็นฮองเฮา แต่ไม่มีอะไรแน่นอนจนกว่าทุกอย่างจะกำหนดตายตัวแล้ว

ปกติแล้วผู้คนจะเลี่ยงไม่พูดถึง แต่นางหญิงโง่คนนั้นกลับพูดออกมาดังลั่น เท่านั้นไม่พอ นางยังทำเหมือนชีวิตคนเป็นผักปลา

ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่เป็นอะไร แต่เรื่องที่เกินให้อภัยคือปล่อยให้องค์ชายฉีมาเห็นตอนนางหญิงโง่พูดออกมา

เดิมทีเซียวฉีเทียนก็คัดค้านเรื่องที่นางจะเป็นฮองเฮาอย่างหนัก แต่เขาไม่อาจเอ่ยขึ้นมาได้อย่างเปิดเผยมาก่อน เพราะเขาไม่มีข้ออ้าง แต่เพราะนางโดนจับได้คาหนังคาเขาวันนี้ เพียงเซียวฉีเทียนนำไปพูดกับฮ่องเต้ไม่กี่คำ ความฝันจะเป็นฮองเฮาของนางก็จะสลายไปในพริบตา

เพียงแค่นึก เว่ยเค่อซินก็กัดฟันกรอดด้วยความชิงชัง

“พ่อรู้ เซียวฉีเทียนต้องโกรธกับเรื่องในวันนี้มากแน่ และเขาอาจจะนำไปรายงานฮ่องเต้” เสนาบดีเว่ยนึกหงุดหงิดใจ อีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ และในตอนนั้นฮ่องเต้จะต้องเพิ่มนางสนมแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องในวันนี้ เว่ยเค่อซิ่นก็จะได้เป็นฮองเฮา

แต่แผนของพวกเขาก็พังทลายเพราะความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ

“ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“ลูกเอ๋ย ข้าเกรงว่าเจ้าอาจไม่ได้มีชะตาเป็นฮองเฮา” เสนาบดีเว่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่

เซียวชวี่เฟิงอาจยอมให้เว่ยเค่อซินเข้าวังหลวง แต่เขาจะไม่ให้นางขึ้นเป็นฮองเฮา นางจะได้เป็นเพียงพระสนมเท่านั้น

สีหน้าเว่ยเค่อซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป้าหมายของนางคือตำแหน่งฮองเฮา จะให้เป็นพระสนม เรียกง่ายๆ ว่านางก็จะเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่ง

“ท่านพ่อ ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้” เว่ยเค่อซินกัดฟันกรอด นางตั้งเป้าจะเป็นฮองเฮามาตลอด แต่บัดนี้กลับถูกบอกว่านางไม่มีชะตาจะได้เป็นฮองเฮา จะให้นางยอมรับได้อย่างไรกัน

เสนาบดีเว่ยถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ นางจะยอมรับเรื่องนี้ได้เช่นไรเล่า

“ถ้าเจ้าเข้าวังหลวง อย่างไรก็ยังมีโอกาส อย่าเพิ่งหมดหวัง” เสนาบดีเว่ยปลอบใจบุตรสาวได้เพียงเท่านี้

เขาเอาอกเอาใจบุตรสาวคนเล็กมาเนิ่นนาน แม้ว่าครั้งนี้นางจะก่อปัญหา แต่เขาก็ยังลังเลจะลงโทษนาง

สีหน้าเว่ยเค่อซินไม่ดีเอาเสียเลย นางรู้ว่าเรื่องจะต้องลงเอยเช่นนี้

ทุกครั้งที่เว่ยจื่อซินทำอะไรเข้า ต่อให้นางทำให้ตระกูลต้องเสียหายใหญ่หลวง ก็ไม่มีใครลงโทษนาง

“เค่อซิน อย่าหาว่าเรารักเพียงน้องสาวเจ้าเลย แต่ว่านาง…”

“พอแล้ว ข้ารู้ว่าท่านพ่ออยากจะพูดอะไร นางยังเด็ก ท่านอยากให้ข้ายอมให้นางใช่หรือไม่” เว่ยเค่อซินไม่ได้อยากฟังเสนาบดีเว่ยต่อ นางไม่รู้ว่านางจะโต้เถียงเขาหรือไม่หากยังฟังต่อไป

“เค่อซิน ทำไมเจ้า…” เสนาบดีเว่ยรู้สึกอึ้งไปขณะมองบุตรสาว

“ข้าทำผิดอะไร นางสร้างปัญหาให้ข้าพลาดโอกาสจะเป็นฮองเฮา หลายปีที่ผ่านมา ข้าเสียสละตั้งเท่าไรเพื่อสิ่งนี้ ข้าเสียทุกอย่างไปเพราะนาง ท่านยังอยากจะให้ข้าอภัยให้นางอีกหรือ ทำไมกัน” เว่ยเค่อซินไม่ได้ตั้งใจจะคิดให้มากความ แต่คำพูดของเสนาบดีเว่ยทำให้หัวใจนางเย็นเฉียบ

“เค่อซิน นางเป็นน้องสาวของเจ้านะ” เสนาบดีเว่ยขมวดคิ้ว

“เพียงเพราะนางเป็นน้องข้า ข้าจึงสมควรจ่ายให้ความโง่เขลาของนางหรือ นางทำตามใจตัวเองเพราะท่านเอาอกเอาใจนาง ส่วนข้า ท่านทั้งเรียกร้องและเข้มงวดกับข้า ข้าถูกลงโทษเพราะทำพลาดเพียงเล็กน้อย ข้าสงสัยเหลือเกินว่าข้าเป็นลูกท่านจริงหรือ” เว่ยเค่อซินไม่อาจทนได้อีกต่อไป ในที่สุดนางก็ถามคำถามที่ซ่อนอยู่ในใจมาเป็นเวลานาน

ทั้งสองเป็นบุตรสาว แล้วเหตุใดจึงต่างกันนัก นางต้องเรียนศิลปะสี่แขนง  ทำตัวนางให้โดดเด่น จึงจะได้รับคำชมเชยจากท่านพ่อ แต่เว่ยจื่อซินกลับไม่ต้องทำอะไรเหล่านั้นเลย เพียงพูดอะไรสักประโยค นางก็ทำให้พวกเขายิ้มแย้มปลื้มใจได้แล้ว