บทที่ 275 คำขอโทษ + บทที่ 276 ผลที่ต้องการ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 275 คำขอโทษ

ยิ่งนึกถึงความแตกต่างที่บุพการีปฏิบัติระหว่างนางกับน้องสาวแล้ว สายตาเว่ยเค่อซินยิ่งเย็นชา

เสนาบดีเว่ยไม่เคยคิดว่าบุตรสาวจะพูดจาอย่างนี้กับเขา

ด้วยโทสะที่เดือดดาล เขาเงื้อมือขวาขึ้นตบหน้าเว่ยเค่อซิน

ใบหน้าสะสวยของนางขึ้นสีแดงเรื่อและบวม มีรอยฝ่ามือหลงเหลือไว้บนหน้านางอย่างเห็นได้ชัด

มือเสนาบดีเว่ยสั่นเทาขณะเขามองเว่ยเค่อซินที่ก้มศีรษะลงและปิดหน้าตัวเองไว้ เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างทว่าลำคอเขาเหมือนจะแห้งผากขึ้นมา เขารู้สึกโมโหอย่างมาก

เว่ยเค่อซินลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่ให้เสนาบดีเว่ยได้มีโอกาสเอ่ยอันใด

เสนาบดีเว่ยก้มศีรษะลงมองมือตัวเอง สีหน้าเขาอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ทำไมเขาจึงทำลงไปเช่นนั้น

เว่ยเค่อซินกลับไปยังเรือนหลังเล็กของตนแล้วไล่ข้ารับใช้ออกไปจนหมด สีหน้านางหม่นหมอง

นางไม่มีอะไรจะพูดเพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้แยแสนางเลย

ภรรยาของเสนาบดีกลับมาไม่เห็นบุตรสาวคนโต “จื่อซินตกลงจะตามท่านไปที่จวนแม่ทัพใหญ่”

“ดี เจ้าไปดูเค่อซินเถอะ” เสนาบดีเว่ยกล่าวอย่างหมดหนทาง

“นางเป็นอะไรไปหรือ”

“ข้าตบหน้านาง นางอาจจะอารมณ์ไม่ดีนัก นางรู้สึกว่าเราเอาใจจื่อซินมากกว่านาง” พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดบุตรสาวคนโตจึงคิดเช่นนั้น พวกเขาเข้มงวดกับนางเพราะพวกเขาคาดหวังกับนางไว้สูง

“ท่าน…ข้าคิดว่าท่านสับสนเสียแล้ว เค่อซินรู้สึกว่าเรารักจื่อซินมากกว่ามาตลอด ตอนนี้ท่านไปตบหน้านาง ท่านช่างโง่เง่านัก” ภรรยาเสนาบดีโกรธขึ้นมาในทันใดพอนางได้รู้ว่าเสนาบดีเว่ยตบหน้าบุตรสาวคนโต

เสนาบดีเว่ยนึกเสียใจที่ทำลงไป เขารู้สึกละอายใจที่ถูกนางว่ากล่าว “เอาล่ะ ไปดูนางเถอะ”

“ท่านไปดูนางเองสิ ข้าไม่ไปหรอก” ฮูหยินเว่ยทำเสียงฮึดฮัดแล้วออกไป

เสนาบดีโกรธเกรี้ยวแต่ไม่อาจโต้กลับ ได้แต่ยืนอยู่เพียงลำพัง

หลังจากเสนาบดีเว่ยยืนเงียบอยู่พักใหญ่ เขาส่งคนไปเตรียมของกำนัล ในตอนบ่าย เขาพาเว่ยจื่อซินไปยังจวนแม่ทัพใหญ่

“นายท่าน ตาแก่เว่ยพาลูกสาวของเขามาหา” เหลยอันเดินเข้ามาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ

ทำให้พี่สะใภ้พวกเขาโกรธกลางถนนตั้งแต่เช้าแล้วโผล่มาที่นี่เอาตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่ออะไร

หนิงเมิ่งเหยาหรี่ตา “ใครน่ะ”

“คนที่มีเรื่องกับเจ้าบนถนน” เฉียวเทียนช่างอธิบายเสียงนุ่มนวล

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วแล้วมองยังเฉียวเทียนช่าง พร้อมถามอย่างแปลกใจ “แล้วพวกเขามาที่นี่ทำไม”

“ข้าเดาว่าพวกเขามาขอโทษ” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เหอ ตระกูลพวกเขาคือใคร ทำไมพวกเขาถึงมาขอโทษที่นี่” หนิงเมิ่งเหยานึกสงสัย ดูจากฐานะแล้วหญิงนางนั้นไม่จำเป็นต้องมาขอโทษพวกเขา

“เสนาบดีฝ่ายขวา พวกเขามาขอโทษเพราะฉีเทียนปรากฏตัว พวกเขากังวลว่าเขาจะเอาไปฟ้องฮ่องเต้ ลูกสาวคนโตของพวกเขากำลังจะเข้าวังหลวง เดิมนางเป็นหญิงที่มีโอกาสได้เป็นฮองเฮา ข้าเกรงว่าหลังเหตุการณ์นั้น นางคงไม่ได้ตำแหน่งฮองเฮาเสียแล้ว” สายตาเฉียวเทียนช่างเต็มไปด้วยแววขบขัน

หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจแล้ว นางผงกศีรษะ “เป็นเช่นนั้นนี่เอง”

“ควรไปพบเขาไหม” เฉียวเทียนช่างยิ้มพร้อมมองหนิงเมิ่งเหยา ไถ่ถามนางอย่างรักใคร่

“ไปพบพวกเขากันเถอะ”

เฉียวเทียนช่างให้เหลยอันไปเชิญพวกเขาเข้ามา

เมื่อเข้ามาข้างใน สีหน้าเว่ยจื่อซินเต็มไปด้วยแววเหยียดหยาม แต่นางตะลึงงันเมื่อเห็นเฉียวเทียนช่าง

ก่อนเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาจะทันเปิดปาก ดวงตาเว่ยจื่อซินเป็นประกาย นางชี้มายังเฉียวเทียนช่างพร้อมหันไปบอกเสนาบดีเว่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ “ท่านพ่อ ข้าอยากแต่งงานกับเขา”

มุมปากหนิงเมิ่งเหยากระตุกเล็กน้อย นางหันไปมองเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง จวนเสนาบดีเลี้ยงบุตรกันเช่นนี้หรือ ช่างน่าตื่นตาเสียจริง”

“ตื่นตาจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นสตรีในหมู่บ้านไป๋ซานประพฤติตัวเช่นนี้มาก่อนเลย เหมือนนางไม่เคยเห็นบุรุษเพศมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น” เฉียวเทียนช่างมองเว่ยจื่อซินอย่างเดียดฉันท์

หน้าเสนาบดีเว่ยแดงก่ำเพราะคำพูดของเว่ยจื่อซิน ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก

“จื่อซิน เงียบปากเจ้าเสีย” เสนาบดีเว่ยกัดฟันกรอก สีหน้าเขาถมึงทึง

เว่ยจื่อซินทำเสียงไม่พอใจ นางหยุดพูด ในใจนึกไม่พอใจยิ่ง ทว่าก็ยังคอยถลึงตาใส่หนิงเมิ่งเหยาเป็นระยะ

นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าแม่ทัพใหญ่จะรูปงามและนุ่มนวลปานนี้

บทที่ 276 ผลที่ต้องการ

ที่นางมาก็เพียงเพราะมารดาสั่งให้นางมา ไม่อย่างนั้นแล้ว นางไม่มีทางมาเด็ดขาด ในสายตานาง แม่ทัพใหญ่เป็นเพียงชายกักขฬะ แต่วินาทีที่นางผ่านประตูเข้ามา นางเห็นชายหนุ่มรูปงาม เขากำลังมองหญิงตรงหน้าด้วยสายตารักใคร่ ไม่ว่าใครมาเห็นย่อมรู้สึกว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนยิ่งนัก รูปลักษณ์เช่นนี้ช่างเป็นที่ดึงดูดหญิงสาวอย่างยิ่ง

หนิงเมิ่งเหยาหลุบตาลง มุมปากนางมีรอยยิ้มหยันติดอยู่ คำขอโทษเช่นนี้ช่าง…คาดไม่ถึง

“เทียนช่าง บ้านหลังน้อยของเราไม่พอต้อนรับบุคคลสำคัญหรอก ให้พวกเขาไปเสียเถอะ” นางรู้สึกขยะแขยงหญิงนางนี้

นี่น่ะหรือบุตรสาวคนนั้น ช่างเปิดหูเปิดตาเสียจริง

“เสนาบดีเว่ย ขอเชิญ” เฉียวเทียนช่างไม่มีทางยอมให้หนิงเมิ่งเหยาเสียหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองยังเสนาบดีเว่ย มุมปากชายหนุ่มมีรอยยิ้มเย็น

สีหน้าเสนาบดีเว่ยบิดเบี้ยวน่าชังนัก วันนี้เขาอับอายหาใดเปรียบ

“แม่ทัพเฉียว เสนาบดีคนนี้มาเพื่อขอโทษฮูหยิน เหตุบนถนนเป็นความผิดของบุตรสาวคนเล็กของข้าเอง ข้าหวังว่าภรรยาของท่านแม่ทัพจะให้อภัย นางยังเด็กและโง่เขลา ข้าหวังว่าท่านจะเมตตายกโทษให้”

เฉียวเทียนช่างหรี่ตา มุมปากแสยะยิ้ม “เด็กหรือ ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด บุตรสาวท่านไม่ใช่เด็กอายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบ ปีนี้นางน่าจะอายุครบสิบห้าแล้วมิใช่หรือ” มาอ้างว่าเด็กสาววัยสิบห้าปีเป็นเด็กโง่เขลาเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นเด็กอายุน้อยกว่านี้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านางหรืออย่างไร

สีหน้าเสนาบดีเว่ยกระด้างกระเดื่อง เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน

“เสนาบดีเว่ย ถ้าท่านมาเพื่อพูดเพียงเท่านี้ ข้าก็เสียใจด้วย แต่อย่างที่ภรรยาของข้าว่า บ้านเราเล็กนัก ขอเชิญท่านกลับไปเถอะ”

เสนาบดีเว่ยไม่ใช่คนหน้าหนา เมื่อโดนเชิญให้กลับไปสามครั้งเขาก็ไม่เหลือหน้าจะสู้แล้ว

เฉียวเทียนช่างมองคนทั้งสองกลับออกไปด้วยสีหน้ามืดมน สายตาเย็นชา

“คนผู้นั้นก็ใจกล้าจริงๆ” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างคลุมเครือ

หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างอย่างนึกสงสัย “เจ้าคิดว่าเขาจะเจ้าคิดเจ้าแค้นไหม”

“ถึงเขาคิดแล้วจะเป็นอะไรไป” เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วมองหนิงเมิ่งเหยา

เขาจะต้องกลัวเสนาบดีเว่ยหรือ

เสนาบดีเว่ยเรียกได้ว่าเป็นผู้อาวุโสสองแผ่นดิน เขาทำคุณความดีไว้ในอดีต เซียวชวี่เฟิงจึงไม่ทำอะไรเขา แต่เขาไม่มีความสามารถจะมองสถานการณ์ให้กระจ่างได้ ถ้ายังทำตัวเชื่อฟังเขาก็คงจะอยู่อย่างสุขสบาย แต่เขากลับมีความคิดบางอย่างที่ไม่ควรมีเข้า

เซียวชวี่เฟิงรู้ความคิดเขามานานแล้ว เพียงแค่กำลังรอให้ถึงเวลาถอดถอนตำแหน่งของเสนาบดีเว่ยเท่านั้นเอง

ตอนนี้ ยิ่งเขาประพฤติตัวเช่นนี้ยิ่งรังแต่จะทำให้พวกเขามีข้อมูลที่สามารถใช้เล่นงานเขาได้

หนิงเมิ่งเหยาชำเลืองมองเฉียวเทียนช่าง นางยิ้มบางๆ “นี่ใช่ผลตามที่เจ้าต้องการหรือเปล่า”

เฉียวเทียนช่างหัวเราะ เขาจูบใบหน้าหนิงเมิ่งเหยา “แน่สิ ข้ายังรออยู่ หวังว่าเขาจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่เฉียวเทียนช่าง นางเอื้อมมือไปดึงแก้มเขา “หน้าแบบนี้หลอกคนมานักต่อนักแล้วสิ”

“ข้าไม่รู้ว่าหลอกใครได้หรือเปล่า ตราบใดที่ยังหลอกภรรยาของข้าได้ก็พอ” เฉียวเทียนช่างไม่สะเทือนต่อแรงน้อยนิดของนาง

หนิงเมิ่งเหยาอ้ำอึ้ง คนผู้นี้ช่างหน้าหนาเสียจริง

“เอาล่ะ ข้าน่าจะให้คนอื่นมาเห็นว่าท่านแม่ทัพใหญ่คนนี้เป็นเช่นไร” หนิงเมิ่งเหยาปัดมือเฉียวเทียนช่างไปด้านข้าง

“อยู่ต่อหน้าคนอื่นข้าก็ต่างออกไป ข้าเป็นเช่นนี้ต่อหน้าเจ้าเท่านั้น” ถ้าเขาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นก็ไม่เข้าท่าจริงๆ

หนิงเมิ่งเหยายิ้ม แต่ไม่พูดอะไร

เมื่อกลับถึงบ้าน เว่ยจื่อซินดึงมือฮูหยินเว่ย “ท่านแม่ ข้าอยากแต่งงานกับแม่ทัพใหญ่ เขาช่างอ่อนโยน ยิ่งไปกว่านั้น…” นางอดหน้าแดงมิได้เพียงคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของเฉียวเทียนช่าง

เสนาบดีเว่ยถลึงตามองเว่ยจื่อซินอย่างโกรธขึ้ง “ถ้าเจ้าอยากตายข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า”

เฉียวเทียนช่างเป็นอสูรร้าย แม้เขาจะปฏิบัติกับหนิงเมิ่งเหยาอย่างดี แต่นั่นก็เป็นเพราะเขารักใคร่นาง และดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกแซงระหว่างทั้งสองได้

“ท่านพ่อ เขาเป็นแม่ทัพที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุด ถ้าข้าแต่งงานกับเขา ไม่ใช่ว่าอำนาจของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาจะยิ่งแข็งแกร่งหรือ” เว่ยจื่อซินไม่ยอมเชื่อฟังคำดุด่า นางขมวดคิ้วและมองไปที่เสนาบดีเว่ยอย่างไม่พอใจ