บทที่ 277 เจ้ามันเพี้ยน + บทที่ 278 งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 277 เจ้ามันเพี้ยน

เสนาบดีเว่ยมองบุตรสาวอย่างหมดคำพูด ถ้าเป็นไปได้ เขาก็หวังว่าบุตรสาวของเขาจะมีสัมพันธ์กับแม่ทัพใหญ่ แต่ความสัมพันธ์เช่นนั้นไม่ได้ทำให้เกิดขึ้นกันง่ายๆ และถ้าพวกเขาไม่ระวังก็อาจมีราคาที่ต้องจ่ายถึงชีวิต

“ก็แค่แต่งงานกับเฉียวเทียนช่างไม่ใช่หรือ เขาโชคดีด้วยซ้ำที่จื่อซินชอบเขา เขาควรจะดีใจที่ได้แต่งงานกับบุตรสาวตระกูลเรา” ภรรยาของเสนาบดีเข้าข้างบุตรสาวเสมอ ดังนั้นแน่นอนว่านางย่อมพูดช่วยจื่อซิน

ในความคิดนาง เฉียวเทียนช่างเป็นเพียงกักขฬะที่ไม่คู่ควรกับบุตรสาวคนสำคัญของนางเลย

เว่ยเค่อซินนั่งอยู่ข้างๆ โดยมีผ้าคลุมหน้า มุมปากนางมีรอยยิ้มเหยียดหยาม

คนแบบเว่ยจื่อซินอยากแต่งงานกับท่านแม่ทัพใหญ่อย่างนั้นหรือ ช่างน่าขำอะไรเช่นนี้

นางลุกขึ้นยืนแล้วถลึงมองเว่ยจื่อซินด้วยสายตาไม่พอใจ มุมปากนางบิดเบี้ยวอย่างเย้ยหยัน “เจ้าอยากแต่งงานกับเฉียวเทียนช่างรึ เจ้าต้องเทียบเทียมกับภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ให้ได้ก่อนถึงค่อยเปิดปาก”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เว่ยจื่อซินจะไม่ฉุนขึ้นมาได้อย่างไรเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“นำนางหญิงโง่มาเทียบกับคนที่ดีพร้อมหมดทุกด้าน คนตาบอดโง่เง่าที่ไหนก็ยังเลือกข้อหลัง”

ตั้งแต่เสนาบดีเว่ยตบนาง หัวใจนางก็เย็นชากระด้างกระเดื่อง คนพวกนี้ไม่มีใครแยแสนางสักคนเดียว

“หุบปาก นางเป็นน้องสาวเจ้านะ”

เว่ยเค่อซินยิ้ม นางมองคนทั้งสามตรงหน้าอย่างล้อเลียน “ก็ลองดูถ้าเจ้าไม่เสียดายชีวิต สิงโตหลับอย่างไรก็ยังเป็นสิงโต ไม่มีทางกลายเป็นแมวบ้านไปได้หรอก”

เว่ยจื่อซินถลึงตาอย่างเดือดดาลใส่หลังของเว่ยเค่อซินที่เดินจากไป นางหงุดหงิดและร้องไม่หยุด “ท่านพ่อ ท่านแม่ ดูนางพูดสิ แค่เพราะนางไม่ได้เป็นฮองเฮา นางต้องมาทำตัวแบบนี้ด้วยหรือ นางต้องมองเหมือนข้าเป็นตัวตลกด้วยหรือ นี่มันเกินไปแล้ว”

เว่ยจื่อซินไม่ได้คิดว่าตนทำผิดแม้แต่น้อย นางไม่ได้จงใจทำเสียหน่อย แต่เว่ยเค่อซินกลับพูดว่านางเป็นคนโง่ต่อหน้าคนมากมาย นับว่าเกินไปจริงๆ นางไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้สักหน่อย

เสนาบดีเว่ยจ้องเว่ยจื่อซินเขม็ง คิ้วขมวดแน่น “พี่สาวเจ้าพูดถูกแล้ว เฉียวเทียนช่างไม่ใช่ชายที่ควบคุมได้ง่ายๆ เจ้าเลิกคิดเสียดีกว่า”

“ข้าไม่สน ข้าอยากแต่งงานกับเฉียวเทียนช่าง ถ้าพวกท่านไม่ยอม ข้า…ข้าจะ…ข้าจะฆ่าตัวตายให้พวกท่านดู” เว่ยจื่อซินคิดถึงเพียงเฉียวเทียนช่าง นางไม่ฟังคำพูดของคนอื่นเลย

เสนาบดีเว่ยมองเว่ยจื่อซินทำตัวเช่นนี้ สีหน้าเขาเศร้าหมองและมืดมน “พี่สาวเจ้าพูดถูกแล้วจริงๆ” เขาหันไปทางอื่นแล้วเดินจากไป

บัดนี้เขานึกเสียใจที่ตบหน้านาง เขาทำลายความสัมพันธ์ของตัวเองกับบุตรสาวคนโตไปเสียแล้ว

เมื่อเทียบกับบุตรสาวคนโต บุตรสาวคนเล็กของเขาไม่เคยประสบความสำเร็จอันใดใหญ่โต นางบีบบังคับขอผู้ชายจากบิดามารดา ถึงขั้นใช้ความตายมาต่อรอง

เสนาบดีเว่ยออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทิ้งเว่ยจื่อซินและมารดาของนางไว้ข้างหลัง เว่ยจื่อซินรู้สึกงุนงง  นางมองมารดา “ท่านแม่ ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไร”

“ไม่ต้องไปสนท่านพ่อของเจ้าหรอก แม่จะช่วยเจ้าเอง” ภรรยาของเสนาบดีเว่ยมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดู ใบหน้านางมีรอยยิ้มอ่อนโยน

“ท่านแม่ใจดีกับข้าที่สุดเลย” เว่ยจื่อซินยิ้มแย้มพึงพอใจ นางเอื้อมมือไปกอดแล้วกล่าวอย่างปลื้มปีติ

“เจ้านี่”

เสนาบดีเว่ยครุ่นคิดแล้วไปหาเรือนหลังเล็กของบุตรสาวคนโต “เค่อซิน เจ้ายังโกรธพ่ออยู่หรือ”

เว่ยเค่อซินปรายตามองเขา จากนั้นก็เอ่ยอย่างแผ่วเบา “ถ้าท่านมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ”

เสนาบดีเว่ยอยากจะกล่าวอะไรสักอย่างแต่ติดในลำคอ เขาจ้องมองเว่ยเค่อซิน ดวงตาเขาฉายแววไม่พอใจ “เจ้ายังโกรธที่ข้าตบเจ้ารึ”

เว่ยเค่อซินชำเลืองมองเสนาบดีเว่ยอย่างสุขุม น้ำเสียงนางประชดประชัน “ข้ามิบังอาจ”

เสนาบดีเว่ยรู้สึกเริ่มปวดหัวขณะมองหญิงสาวนางนี้ เขานวดหน้าผากอย่างอับจนหนทาง “เค่อซินเรื่องนี้เป็นความผิดของพ่อ ฉะนั้น โปรดยกโทษให้พ่อด้วย”

เว่ยเค่อซินมองยังเสนาบดีเว่ย ใบหน้านางเต็มไปด้วยแววประชดประชันเย้ยหยัน ที่เขามาขอให้นางให้อภัย ก็เพราะเขาไม่เห็นความหวังใดๆ ในตัวเว่ยจื่อซินใช่หรือไม่

“ท่านเป็นท่านพ่อของข้า ข้าจะไปกล้าโกรธท่านได้อย่างไร” เว่ยเค่อซินกล่าวเสียงสงบนิ่ง ถ้อยคำของนางทำให้เสนาบดีเว่ยปวดหัว

เขารู้ว่าบุตรสาวของเขาเป็นคนหัวแข็ง แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะหัวแข็งปานนี้

บทที่ 278 งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์

เสนาบดีเว่ยคุยกับเว่ยเค่อซินอีกสักพักก่อนจะออกไป

หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้สนเรื่องขัดจังหวะเล็กๆ น้อยๆ นางปัดเรื่องที่เกิดขึ้นไปจากใจอย่างรวดเร็วดั่งว่าไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย

งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงภายในพริบตาเดียว งานเลี้ยงเริ่มในตอนกลางคืน เฉียวเทียนช่างออกจากจวนแม่ทัพใหญ่ไปแต่เช้าตรู่ เขาต้องช่วยเซียวฉีเทียนต้อนรับแขกเหรื่อ

เซียวฉีเทียนมองยังเฉียวเทียนช่างที่ยืนอยู่ข้างกาย แววตาเขาดูสับสน “เทียนช่าง เจ้ารู้ไหมทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงมาที่นี่”

“ไม่เลย ไม่ใช่ว่าคืนนี้เราจะได้รู้รึ ทำไมเจ้าจึงกังวลนัก” เฉียวเทียนช่างมองเซียวฉีเทียนแล้วเอ่ยตรงๆ

เซียวฉีเทียนอึ้งไป จากนั้นก็ยิ้ม “เจ้าพูดถูก”

เขาขี้กังวลเกินไปจริงๆ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้

ทั้งสองคุยกันอยู่ข้างๆ ในขณะที่หนานกงเช่อมองเฉียวเทียนช่างแล้วพูดกับหนานกงเยว่ที่อยู่ข้างกาย “เขาคือเป้าหมายคู่แต่งงานของเจ้า”

หนานกงเยว่ขมวดคิ้ว สำรวจมองเฉียวเทียนช่างหัวจรดเท้า ชายคนนั้นมีสีหน้าไม่แยแสสิ่งใดราวกับว่ากำลังผลักทุกคนให้ออกห่าง

แม้จะยืนอยู่ไกล แต่นางก็สัมผัสได้ถึงรังสีเย็นเยือกที่แผ่ออกมาจากตัวเฉียวเทียนช่าง นางชำเลืองมองหนานกงเช่อแต่ไม่พูดอะไร เพียงคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องนี้

เฉียวเทียนช่างรู้สึกว่ามีคนสองคนกำลังมองมาจึงหันไป หนานกงเช่อกับน้องสาวเขานั่นเอง

เห็นได้ชัดว่าหนานกงเช่อกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ และหนานกงเยว่ดูจะจมอยู่ในห้วงความคิด ซึ่งทำให้เฉียวเทียนช่างหรี่ตาลง ท่าทางกำลังพิจารณาบางสิ่งอยู่

สายตาที่เขารู้สึกได้จากทั้งสองทำให้เขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

“เจ้ากำลังมองอะไร”

“ไม่มีอะไร ข้าเพียงสงสัยว่าคนบางคนอยากหาเรื่องตายหรือไม่” เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง

เขามองเฉียวเทียนช่างอย่างสงสัย ตรงหางตาเขาสังเกตเห็นสายตาเจ้าวางแผนของหนานกงเช่อมองมาที่เฉียวเทียนช่าง แล้วก็เข้าใจทันทีว่าเฉียวเทียนช่างหมายถึงอะไร

หลังจากจุ๊ปาก เซียวฉีเทียนก็เลิกสนใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าหนานกงเช่ออยากให้หนานกงเยว่แต่งงานกับเฉียวเทียนช่าง

เซียวฉีเทียนตัวสั่นเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เขากะพริบตาแล้วเลื่อนสายตาไปทางอื่นอย่างสงบ

เขาไม่ถามออกไปจะดีกว่า เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่เป็นปัญหากับตัวเขา

เมื่อจวนถึงยามบ่าย เฉียวเทียนช่างก็พูดกับเซียวฉีเทียนที่กำลังยุ่งอยู่ “ข้าจะกลับไปก่อน”

“ไปเถอะ” เซียวฉีเทียนอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจว่าชายหนุ่มต้องการจะทำอะไร

หนิงเมิ่งเหยากำลังเปลี่ยนเสื้อและแต่งเนื้อแต่งตัวตอนเฉียวเทียนช่างกลับมาถึงจวนแม่ทัพใหญ่

นางยิ้มให้ตอนเขาเข้ามา แล้วก็ชี้ไปที่เสื้อผ้าบนเตียง “ทางนี้เป็นชุดของเจ้า”

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วแล้วมองเสื้อผ้าสีเขียวอมฟ้า เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าหนิงเมิ่งเหยา

นางเห็นเฉียวเทียนช่างเปลี่ยนเสื้อผ้าจากภาพสะท้อนในกระจก เขายังคงชอบใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ ยามได้เห็นเขาใส่เสื้อผ้าสีอื่นจึงดูแปลกตาไป

นางลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนข้างๆ เฉียวเทียนช่าง ดึงเขาไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง

นางแหวกผมที่ชี้ตั้งแล้วใช้หวีแปรงอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เอาปิ่นสีเขียวจากกล่องเครื่องประดับของนางมาเสียบให้เขา

“เป็นเช่นไรบ้าง” หนิงเมิ่งเหยายืนข้างหลังเฉียวเทียนช่างแล้วแย้มยิ้ม

“เจ้ากำลังถามถึงข้าหรือเจ้าเล่า” เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาที่ยิ้มแย้มอยู่ด้านหลังเขาผ่านเงาสะท้อนในกระจก

นางเลิกคิ้ว “เจ้าคิดว่าใครเล่า”

“อืม ข้าคิดว่าภรรยาของข้าสวยเหลือเกิน ไปกันเถอะ จวนจะถึงเวลาแล้ว”

“ตกลง” หนิงเมิ่งเหยาถอยไปสองก้าว รอให้เฉียวเทียนช่างลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูกับนาง

เมื่อทั้งสองเดินออกมาก็ทำให้ทุกคนตาพร่า

“คุณหนู ท่านกับนายท่านช่าง…ดูดีเหลือเกินเจ้าค่ะ ท่านต้องคอยมองนายท่านให้ดีๆ นะเจ้าคะ อย่าให้พวกหมาป่ามาเอาเขาไป” ชิงเสวี่ยมองเฉียวเทียนช่างแล้วจุ๊ปาก

เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วมองชิงเสวี่ย “คนที่ควรกังวลน่าจะเป็นข้ามากกว่าไม่ใช่หรือ” ภรรยาของเขาสวยงามยิ่งนัก เขาจะไปร้องไห้กับใครถ้านางโดนพวกหมาป่ามาแย่งไป

ชิงเสวี่ยครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วผงกศีรษะ “ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”