บทที่ 279 ฉากตลกหน้าวังหลวง + บทที่ 280 ประพฤติแย่ไม่แยแสวาระ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 279 ฉากตลกหน้าวังหลวง

หนิงเมิ่งเหยาอดกลอกตาใส่ทั้งสองไม่ได้พอได้ยินพวกเขาพูดจาไม่มีเหตุผล “พวกเจ้าทั้งสอง พอได้แล้ว พูดจาไร้สาระอะไรกัน”

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วแล้วมองหนิงเมิ่งเหยา เขาฉีกยิ้มกว้าง “ข้าไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย ใครขอให้ภรรยาข้าสวยปานนี้”

หนิงเมิ่งเหยายิ้มหลังจากมองจ้องเฉียวเทียนช่าง “เรายังไม่ไปกันหรือ”

เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นไปได้ข้าไม่อยากไปเลย”

เขาไม่อยากไปงานเลี้ยงแสแสร้งพรรค์นี้ เขาอยากอยู่บ้านพูดคุยกับภรรยามากกว่าไปร่วมงานเลี้ยงน่าเบื่อ

“ไปกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยายิ้มแล้วพูดเสียงนุ่มนวลขณะมองเฉียวเทียนช่างที่ยังขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อย

เฉียวเทียนช่างดึงหนิงเมิ่งเหยาแล้วออกเดินทาง คนจำนวนไม่น้อยอึ้งเมื่อทั้งสองเดินผ่าน พวกเขาไม่อยากเชื่อว่านั่นคือแม่ทัพใหญ่กับภรรยาของเขาจริงๆ

มีรถม้าจอดรอตอนพวกไปถึงทางเข้า เฉียวเทียนช่างปีนขึ้นไปหลังช่วยพยุงหนิงเมิ่งเหยาขึ้นนั่ง

เฉียวเทียนช่างดูจะจมกับห้วงความคิดขณะนั่งในรถม้า ส่วนหนิงเมิ่งเหยามองออกไปข้างนอกเป็นระยะ

พวกเขาไปถึงทางเข้าวังหลวงในเวลาไม่นานนัก เฉียวเทียนช่างลงจากรถม้าก่อน แล้วหันมาโอบพาหนิงเมิ่งเหยาลง

เฉียวเทียนช่างไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างแล้วดึงหนิงเมิ่งเหยาเขามา หลังจากที่ทั้งสองเดินได้ไม่กี่ก้าวก็สัมผัสได้ถึงสายตาคุกรุ่นที่จ้องตรงมา

หนิงเมิ่งเหยาเผลอหันไปมองแล้วเห็นเซียวอี้หลินมองนางแปลกๆ หนิงเมิ่งเหยาไม่ชอบใจสายตาคู่นั้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เดือดดาลขึ้นมากะทันหันของหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างก็โน้มศีรษะลง “มีอะไรรึ”

“ข้าไม่ชอบสายตาของเซียวอี้หลิน” หนิงเมิ่งเหยาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน นางไม่ซ่อนท่าทีรังเกียจเซียวอี้หลินสักนิดเดียว

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้ว เขาหันไปดูเซียวอี้หลินแล้วสังเกตเห็นเขาจ้องมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างไร้มารยาท

เฉียวเทียนช่างถลึงมองเซียวอี้หลินอย่างกระหายเลือด “เซียวอ๋อง ไม่คิดว่าท่านมองนานเกินไปหน่อยหรือ”

สายตาเย็นชาปานน้ำแข็งทำให้คนรอบด้านพากันเขยิบถอยห่างจากพวกเขา เมื่อเซียวอี้หลินตั้งสติได้ เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนเผลอใจลอยขณะมองหนิงเมิ่งเหยา จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้

หลี่หลินเอ๋อร์ทำหน้าถมึงทึง จ้องหนิงเมิ่งเหยา แล้วแสยะใส่ “นางแพศยา”

สายตาเฉียวเทียนช่างเลื่อนไปที่หลี่หลินเอ๋อร์ “ลองพูดอีกครั้งสิ”

สีหน้าหลี่หลินเอ๋อร์แปรเป็นน่าเกลียดในทันใด นางซึ่งเป็นคนของราชวงศ์กลับโดนแม่ทัพข่มขู่ ถ้าเรื่องนี้แพร่ไป นางอาจโดนคนอื่นหัวเราะเยาะได้

หนิงเมิ่งเหยาลูบหลังเฉียวเทียนช่างอย่างแผ่วเบา “อย่าโกรธไปเลย ถ้าหมากัด เจ้าจะกัดมันกลับหรือ”

เฉียวเทียนช่างปรายตามองหลี่หลินเอ๋อร์ ดวงตาเขามีแววประชดประชัน เขาก้มศีรษะลงมองยังหนิงเมิ่งเหยา “จริงของเจ้า ข้าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับหมาบ้า”

“ดังนั้นก็ไปกันเถอะ”

“บังอาจ หยุดอยู่ตรงนั้นนะ เจ้าเรียกใครเป็นหมาบ้า” หลี่หลินเอ๋อร์มองสองสามีภรรยาอย่างเดือดดาล

หนิงเมิ่งเหยามองหลี่หลินเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พูดกับเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง ทำไมคนเดี๋ยวนี้ชอบเรียกตัวเองเป็นหมาบ้ากันเสียแล้วเล่า”

“ข้าจะไปเข้าใจหรือ นางอาจจะจิตหลอนก็ได้ เลยคิดว่าทุกคนกำลังด่านาง” เฉียวเทียนช่างไหวไหล่ ทำเป็นสับสน

หลี่หลินเอ๋อร์โกรธจนตัวสั่นด้วยความโกรธ และชี้นิ้วอันสั่นระริกไปที่ทั้งสองคน

สีหน้าเซียวอี้หลินบิดเบี้ยวน่าเกลียดเมื่อเขาได้ยินบรรดาสตรีรอบข้าง กระซิบกระซาบลับหลัง สายตาพวกนางมองหลี่หลินเอ๋อร์อย่างเหยียดหยาม

เซียวอี้หลินไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือไม่ แต่เขารู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ที่มองมาทางตน ทำให้สีหน้าเขายิ่งน่าเกลียดเข้าไปใหญ่

เขาหันไปถลึงตาใส่หลี่หลินเอ๋อร์อย่างโกรธเกรี้ยว แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูนาง “ถ้าเจ้าอยากจะโดนขังในเรือนต่อ ก็เชิญเจ้าทำให้ข้าขายหน้าไปมากกว่านี้ได้เลย”

โทสะในตัวหลี่หลินเอ๋อร์พลันหายสิ้น นางกัดปากแน่นพร้อมมองเซียวอี้หลินก่อนจะก้มศีรษะลงในไม่ช้า

ถ้าไม่ใช่เพราะงานเลี้ยงครั้งนี้สำคัญยิ่ง เซียวอี้หลินคงไม่มีทางปล่อยนางออกมา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยทำเหมือนนางเป็นตัวตลกและคิดจะแทนที่นาง ในเวลานี้ หากนางทำให้เซียวอี้หลินหงุดหงิด ก็มีแต่จะเสียโอกาส

บทที่ 280 ประพฤติแย่ไม่แยแสวาระ

เมื่อเห็นหลี่หลินเอ๋อร์สงบลง เซียวอี้หลินก็กล่าวขอโทษเฉียวเทียนช่าง“ท่านแม่ทัพใหญ่เฉียว ได้โปรดอภัยให้ภรรยาของข้าด้วย เมื่อไม่นานนี้นางล้มป่วย อย่าใส่ใจถ้อยคำของนางเลย”

หลังจากปรายตามองเซียวอี้หลิน เฉียวเทียนช่างก็กล่าวอย่างสุขุม “ข้าหวังเพียงเซียวอ๋องจะควบคุมตัวเองยามมองไปที่ใด เรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นแต่แรกถ้าท่านไม่มาจดจ้องภรรยาข้า”

เขาเดินไปกับหนิงเมิ่งเหยาหลังจากพูดจบโดยไม่เหลือหน้าให้เซียวอี้หลินแม้แต่น้อย ถือเป็นการตบหน้าเซียวอี้หลินต่อหน้าธารกำนัล

สีหน้าเซียวอี้หลินบิดเบี้ยว เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเดินหน้าต่อไปอย่างเงียบงัน

หลี่หลินเอ๋อร์ที่เดินอยู่ข้างๆ มองเซียวอี้หลินที่จมอยู่ในโลกของตัวเองแล้วนางก็ทำหน้าถมึงทึง

หนิงเมิ่งเหยาทำให้นางนึกถึงใครบางคน และคนผู้นั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นความอับอายของนาง

คนผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ลึกภายในใจของเซียวอี้หลิน

หลังจากผ่านมาหลายปี เขาทำประหนึ่งไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น นางก็หลงคิดว่าเขาลืมเลือนไปหมดแล้ว แต่บัดนี้ ดูท่าแล้วเขาจะยังไม่ลืม ไม่เพียงไม่ลืมนาง แต่ยังจดจำได้อย่างชัดเจน

มีคนอยู่พอสมควรแล้วตอนผู้คนมาถึงอุทยานหลวง เฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาเป็นหนึ่งในนั้น รูปลักษณ์ทั้งสองโดดเด่นจนดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย

โดยเฉพาะเว่ยจื่อซินจากจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเว่ย ดวงตานางมองจ้องเฉียวเทียนช่างตั้งแต่เขามาถึง สายตาที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของนางทำหนิงเมิ่งเหยาเป็นต้องขมวดคิ้ว

นางหันศีรษะไปมองยังชายผู้คอยเอาอกเอาใจนางและเย็นชาใส่คนอื่น หนิงเมิ่งเหยาอดมิได้ นางเอื้อมมือไปหยิกเอวเขา

ตัวเฉียวเทียนช่างเกร็งขึ้นมา เขามองหนิงเมิ่งเหยาตาละห้อยก่อนจะโน้มไปกระซิบข้างหูนาง “ข้าไปทำอะไรเจ้าหรืออย่างไร”

หนิงเมิ่งเหยาทำเสียงฮึดฮัด “ใครใช้ให้เจ้าดึงดูดหญิงสาวนักเล่า”

สีหน้าเป็นเด็กๆ ของนางทำให้เฉียวเทียนช่างรู้สึกขบขัน เขาหยิกมือนางบ้าง “เจ้าไม่รู้ใจข้าเลยหรือ”

“ไม่เลย” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ แต่มีรอยยิ้มเจืออยู่ในดวงตานาง

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้ว เขามองหนิงเมิ่งเหยา พลันแสยะยิ้มชั่วร้าย “ไม่รู้เลยหรือ เช่นนั้นกลับไปเราคงต้องคุยกันดีๆ เสียหน่อยแล้ว”

หนิงเมิ่งเหยาหน้าแดงเรื่อ นางจ้องมองเฉียวเทียนช่าง “ดูสถานที่เสียบ้าง อย่ามาทำตัวรุ่มร่ามหน้าตาเฉยเช่นนี้”

เฉียวเทียนช่างก้มศีรษะลง แล้วมองยังหนิงเมิ่งเหยาที่แก้มแดงแจ๋ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล “เหยาเหยา ข้าบอกเจ้าหรือยังว่าเจ้าสวยมากเหลือเกิน”

หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาปริบๆ รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงผงกศีรษะ “บอกแล้ว” เขาบอกไปแล้ววันนี้ก่อนพวกนางจะมาถึง

เฉียวเทียนช่างก้มลงไปอีกแล้วกระซิบข้างหูหนิงเมิ่งเหยา “จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าข้าไม่มีทางไปจากเจ้าได้ ดังนั้นอย่าไปจากข้าเชียวนะ เจ้าตกลงหรือไม่”

หนิงเมิ่งเหยาเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้เฉียวเทียนช่าง “ตกลง ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าไป”

เฉียวเทียนช่างเป็นสุขใจ แต่หารู้ไม่ว่าการแสดงความรักของพวกเขานั้นน่าอิจฉาเสียจนมีคนนึกอยากทำลายทิ้งยิ่งนัก

แน่นอนว่ามีบางคนที่นึกริษยา และคนผู้นั้นก็คือเว่ยจื่อซิน

“นางหญิงสำส่อนไร้ยางอาย” พอเห็นชายที่นายหลงใหลปฏิบัติต่อหญิงอื่นเช่นนั้น ไม่ว่าเว่ยจื่อซินจะใจกว้างเพียงใด นางก็ได้แต่รู้สึกโกรธ นางเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เหตุใดเขาจึงมองไม่เห็น

เว่ยเค่อซินที่อยู่ด้านข้างหยุดมือ นางมองยังสองสามีภรรยาฝั่งตรงข้าม มองเพียงแวบเดียวนางก็บอกได้ว่าทั้งสองมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ชวนให้น่าอิจฉา

“เจ้าหยุดคิดเสียจะดีกว่า” เว่ยเค่อซินละสายตาจากทั้งสองแล้วกล่าว

มองเพียงชั่วแวบ นางก็บอกได้ว่าไม่มีใครจะไปแทรกทั้งสองได้ นางน้องสาวโง่เง่าไม่ควรไปทำอะไรที่ทำให้นางเสียผลประโยชน์ได้

เว่ยจื่อซินทำเสียงคำรามในคอพร้อมมองเว่ยเค่อซินอย่างเหยียดหยาม “นั่นมันปัญหาของข้า ไม่ใช่เรื่องของท่านพี่”

“ไม่ใช่เรื่องของข้าจริงๆ ด้วย” เว่ยเค่อซินกล่าวอย่างไม่แยแส

นางไม่อยากแนะนำอะไรเว่ยจื่อซินอีกต่อไป แล้วดูเสียเลยว่าเว่ยจื่อซินจะต้องทรมานเช่นไรในท้ายที่สุด ไม่ใช่ว่าเช่นนั้นจะน่าตื่นเต้นกว่าหรือ

สายตาเว่ยเค่อซินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง นางเป็นคนฉลาด รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร

เสนาบดีเว่ยได้แต่ปวดเศียรเวียนเกล้าเมื่อได้ยินคำพูดของบุตรสาวคนเล็ก “จื่อซิน อย่าพูดไร้สาระ”