ภาคที่ 1 บทที่ 122 ขั้นตอนเปิดโปงความจริง

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 122 ขั้นตอนเปิดโปงความจริง

“หลังจากนี้ด้วยเหรอ?”

ซูหมินหมินชะงักไปเล็กน้อยเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็พยักหน้ารับคำสั่ง

“แล้วก็ช่วยตรวจสอบหลี่ชิงฝูให้ผมด้วย ยิ่งมีหลักฐานเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น ไม่ทราบว่าขั้นตอนการสืบสวนทั้งหมดนี้ ผมต้องจ่ายเท่าไหร่?”

ซูเย่ถาม

“นายช่วยเสริมคัมภีร์ฝึกยุทธ์ประจำตระกูลของฉันให้สมบูรณ์มากขึ้น เพราะฉะนั้นฉันไม่คิดเงิน”

ซูหมินหมินพูดเสียงเรียบ

“ขอบคุณ”

ซูเย่พยักหน้าและถามต่อ “คุณต้องใช้เวลาสืบนานไหม?”

“ประมาณสามวัน รอรับข้อความจากฉันก็แล้วกัน” พูดจบซูหมินหมินก็เดินไปนั่งหลังคอมพิวเตอร์ และเริ่มรัวนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว

“ตอนออกไปช่วยปิดประตูให้ฉันด้วยล่ะ”

ย่านชานเมือง

ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง

หยางเหวินป๋อและชายวัยกลางคนร่างอ้วนเตี้ยผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา ซึ่งทำมาจากไม้มะฮอกกานีอย่างดี

“ครั้งนี้ผมต้องขอบคุณท่านรองแล้วจริง ๆ”

หยางเหวินป๋อยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบและยิ้มขอบคุณ

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”

หลี่ชิงฝูยกมือตบพุงอ้วนกลมของตนเองอย่างสบายอารมณ์ “พวกเราช่วยเหลือกันและกันมานานแค่ไหนแล้ว วันนี้คุณเดือดร้อน ผมจะไม่ช่วยเหลือได้อย่างไร”

“แต่ผมกลัวว่าจะทำให้ท่านรองต้องมาเสี่ยงด้วยน่ะสิครับ” ขณะที่พูดประโยคนี้ หยางเหวินป๋อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความละอาย

“ผมเข้าใจดี”

หยางเหวินป๋อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะในลำคอ

ก่อนที่เขาจะนำกระเป๋าหนังโป่งพองใบหนึ่งวางลงไปบนโต๊ะเบื้องหน้าหลี่ชิงฝู

หลี่ชิงฝูชำเลืองมองดูความโป่งพองของกระเป๋าใบนี้ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

“แต่เรื่องนี้คงยังไม่จบง่าย ๆ หรอกนะ”

“คุณต้องหาให้เจอให้ได้ว่าคนที่ตั้งกระทู้และปล่อยข่าวลือพวกนี้เป็นใคร หาทางปิดปากมันซะ ไม่งั้นมันก็จะมาก่อปัญหากวนใจคุณตลอด”

คำแนะนำของรองอธิการบดีทำให้ดวงตาของหยางเหวินป๋อเป็นประกายเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่ง…

นับตั้งแต่วันแรกที่รถยนต์ของเขาถูกปล่อยลมยาง หยางเหวินป๋อก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่เขาไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายมาถึงขั้นนี้

หยางเหวินป๋อจะต้องตามหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มารับโทษให้ได้

เมื่อออกมาจากสำนักงานนักสืบต้าเจาแล้ว

ซูเย่ก็มายืนรอสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนสีเพื่อข้ามถนน

มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย

“จากนี้ไปก็ได้เวลาเปิดโปงความจริงแล้วสินะ”

ชายหนุ่มเดินวนหาร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่ต้องการจนพบ หลังจากนั้นเขาก็เข้าสู่ระบบในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย และเข้าไปตั้งกระทู้ในบอร์ดข้อความประจำมหาวิทยาลัยของตนเอง

นิ้วมือของเขาเต้นระบำอยู่บนแป้นพิมพ์

ไม่กี่นาทีต่อมา กระทู้ของซูเย่ก็ถูกตั้งเสร็จสิ้น

“เปิดโปงความจริง! หยางเหวินป๋อได้รับความช่วยเหลือจากผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยเพื่อให้รอดพ้นความผิด!”

“ฉันคือผู้ตั้งกระทู้ที่เปิดโปงหยางเหวินป๋อก่อนหน้านี้”

“ก่อนที่จะมาตั้งกระทู้ครั้งที่แล้ว ฉันได้เขียนอีเมลรายงานเรื่องทั้งหมดแจ้งให้ทางมหาวิทยาลัยรับทราบก่อนหลายวัน แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีคนของทางมหาวิทยาลัยติดต่อกลับมาขอข้อมูลเพิ่มเติมจากฉันเลย”

“เพราะฉะนั้น นี่จึงชัดเจนแล้วว่าทางมหาวิทยาลัยไม่มีเจตนาเอาผิดหยางเหวินป๋อตั้งแต่แรก ประกาศการสอบสวนที่ผ่านมาเป็นแค่การแสดงเท่านั้น และเหตุผลทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่ามีผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยคอยช่วยเหลือหยางเหวินป๋อ บ่ายวันนี้ฉันจะมาประกาศชื่อผู้บริหารระดับสูงคนนั้นให้ทุกคนได้รับทราบ”

เมื่อกระทู้ถูกโพสต์ออกไป

ซูเย่ก็รีบเดินออกมาจากร้านอินเทอร์เน็ตทันที

“นี่เป็นแค่การโจมตีชุดแรกเท่านั้น”

ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม

เขาเชื่อว่าหยางเหวินป๋อกับหลี่ชิงฝูจะต้องเห็นกระทู้นี้แน่นอน

จุดประสงค์ที่ซูเย่ตั้งกระทู้นั้นไม่มีอะไรซับซ้อน

พวกของหยางเหวินป๋อคงเข้าใจว่าตนเองเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ และไม่มีใครสามารถสาวมาถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือครั้งนี้ได้เด็ดขาด แต่ถ้าเนื้อหาในกระทู้เป็นความจริง บรรดาผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็จะต้องเกิดความตื่นตระหนก และความตื่นตระหนกก็จะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อ ๆ กันไป

การสร้างความตื่นตระหนกคือสิ่งที่ซูเย่ต้องการ

เมื่อกระทู้ของชายหนุ่มได้รับการเผยแพร่ บรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางต่างก็ตกตะลึงด้วยความเหลือเชื่อ

อีกแล้วเหรอ?

“เอาข่าวลือมาปล่อยอีกแล้ว นายเสพติดการปล่อยข่าวลือหรือไง? ทางมหาลัยก็ตรวจสอบแล้วว่าข้อมูลของนายมันไม่เป็นความจริง ยังมีหน้าออกมาปล่อยข่าวลืออีกได้ยังไง? ครั้งนี้นอกจากจะเล่นงานคณบดีหยางแล้ว ยังจะลากเอาผู้บริหารคนอื่นมาเกี่ยวข้องอีกเหรอ?”

“เก่งจริงก็อย่าใช้ร่างอวตารสิวะ ใช้ชื่อจริงของนายไปเลย ทำไมต้องโพสต์แบบไม่ระบุตัวตนด้วย?”

“ถ้านายมีหลักฐานจริง ๆ นะ นายคงไม่ต้องมาสร้างแอคเคาน์ใหม่เพื่อโพสต์กระทู้แบบนี้หรอก!”

“กระทู้เหลวไหลอีกแล้ว เราอย่าไปสนใจมันเลย ปล่อยให้แม่งเพ้อไปคนเดียวนี่แหละ!”

นักศึกษาจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์ด้วยความโกรธแค้น

ในเมื่อเรื่องน่าจะจบแล้ว แต่นายไม่ยอมจบ

พวกเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ามือโพสต์ปริศนาคนนี้ยังจะเพ้อเจ้อต่อไปได้อีกสักกี่น้ำ!

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง

เมื่อหลี่ชิงฝูกลับมาถึงห้องทำงาน สิ่งแรกที่เขาต้องทำจนติดเป็นนิสัยก็คือเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปเช็คกระแสในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย เพื่อดูว่าปฏิกิริยาของบรรดานักศึกษาเป็นอย่างไรบ้างต่อเหตุการณ์ของหยางเหวินป๋อที่ตนเองดูแลอยู่

หลี่ชิงฝูรู้สึกสบายใจที่เห็นนักศึกษาส่วนใหญ่ชื่นชมหยางเหวินป๋อ

นี่เปรียบเสมือนการแสดงที่รอรับเสียงปรบมือของคนดู

แต่วันนี้ เมื่อเข้าสู่ระบบในเว็บบอร์ดแล้ว กระทู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดกลับทำให้สีหน้าของหลี่ชิงฝูแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“เปิดโปงความจริง! หยางเหวินป๋อได้รับความช่วยเหลือจากผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยเพื่อให้รอดพ้นความผิด!”

ผู้บริหารระดับสูง?

คอยช่วยเหลือ?

ถ้อยคำเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้หัวใจของรองอธิการบดีแทบจะกระเด็นออกมาเต้นอยู่นอกอก เขารีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาในกระทู้ทันที และมันก็ทำให้สีหน้าของชายร่างอ้วนต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง!

เนื้อหาในกระทู้นี้หมายถึงเขาแน่นอน!

หลี่ชิงฝูรู้สึกกระวนกระวายใจ นี่คือครั้งแรกที่เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

รองอธิการบดีประจำมหาวิทยาลัยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหาเบอร์โทรศัพท์ของหยางเหวินป๋อ แต่ตอนที่กำลังจะโทรออกนั้นเอง ชายร่างอ้วนก็เกิดลังเลใจขึ้นมา

“ไม่!”

“ตอนนี้เรายังแน่ใจไม่ได้สักหน่อยว่าในกระทู้นั้นหมายถึงเราจริง ๆ อาจจะหมายถึงคนอื่นก็ได้ หรือไม่คนที่โพสต์ก็แค่พิมพ์ออกมามั่ว ๆ เท่านั้นเอง”

“รอดูต่อไปก่อนดีกว่า”

ถึงอย่างนั้นหลี่ชิงฝูก็ยังอดรู้สึกร้อนใจไม่ได้อยู่ดี มีลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่า ผู้บริหารระดับสูงในกระทู้นั้นต้องหมายถึงเขาแน่ ๆ

แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ทำไมถึงไม่ประกาศออกมาตรง ๆ เลยล่ะ?

นั่นเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเป็นเขานั่นเอง!

เมื่อลองตั้งสติคิดดูดี ๆ หลี่ชิงฝูก็เริ่มกลับมารู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าคนที่ตั้งกระทู้ต้องไม่รู้ว่าเป็นเขาแน่นอน

ดังนั้นชายร่างอ้วนจึงวางโทรศัพท์ลง แม้จะยังรู้สึกค้างคาใจก็ตาม

หลี่ชิงฝูพยายามบอกตัวเองว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี

ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก…